Sky Castle

 

รีวิว Sky Castle - ตะกายฟ้า ไขว่คว้าฝัน

ซีรีส์ม้ามืดที่ได้รับคะแนนนิยมอย่างสูงในแดนกิมจิ ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้ไม่ใช่แนวหวานแววแต๋วจ๋า หรือ เหนือจินตนาการตามสมัยนิยม แต่เป็นซีรีส์ที่ตีแผ่สังคมไฮโซของเมืองโสมได้อย่างโดนใจ เแถมเนื้อเรื่องก็มีความคล้ายคลึงกับวัฒนธรรมการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รีวิว Sky Castle

เรื่องย่อ

เรื่องราวของเหล่าสาวๆในสังคมชั้นสูงใจกลางกรุงโซลที่อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์สุดหรูแห่งหนึ่งชื่อว่า “SKY Castle” โดยสามีของพวกเธอมีทั้ง ผู้พิพากษา, อัยการ, แพทย์ และ ศาสตราจารย์ชื่อดัง เรื่องราวจะติดตามชีวิตและความทะเยอะทะยานของพวกเธอในการที่จะทำให้ลูกๆได้เข้าในมหาวิทยาลัยดีๆ บางครอบครัวเติบโตมาจากตระกูลที่เป็นแพทย์และทนายมาหลายรุ่น เธอทั้ง 5 คนต้องการพื้นที่ครอบครัวของตนเองในสังคมชั้นสูงจึงพยายามดันทั้งสามีและลูกให้ใช้ชีวิตที่แสนเหนื่อยนี้ตามความคิดของพวกเธอ

---

ถ้าหากจะให้กล่าวถึงซีรีส์กระแสร้อนแรงที่สุดของช่วงนี้ซึ่งสามารถตีแผ่ได้โดนใจเหล่าสาวกซีรีส์ของประเทศเกาหลีใต้ได้อย่างมากมาย คงหนีไม่พ้น “SKY Castle” เป็นเรื่องที่สามารถไต่ตัวเลขเรตติ้งจากตอนแรกซีรีส์เรื่องนี้เริ่มต้นตอนแรกที่เรตติ้งเพียง 1.7% และจบลงด้วยเรตติ้ง 23.8% โดยไม่ใช้นักแสดงที่อยู่ในกระแสเลย

และยังสามารถทุบสถิติตัวเลขเรตติ้งสูงที่สุดตลอดกาลของทุกเรื่องจากช่อง JTBC ได้อย่างงดงาม มากไปกว่านั้น เรื่องนี้ยังเป็นซีรีส์ที่สร้างสถิติใหม่ด้วยการโกยเรตติ้งสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของทุกเรื่องที่ออกอากาศทางช่องเคเบิ้ลทั้งหมดอีกด้วย คำว่า ” ม้ามืดสร้างประวัติศาสตร์ “ คงต้องขอมอบให้เป็นสมญานามของซีรีส์เรื่องนี้จริงๆ

สิ่งที่ทำให้​เรื่องนี้สร้างปรากฏการณ์​มาจากเรื่องราวที่แปลกใหม่ในการนำเสนอ​ ซึ่งก็คือเรื่องการสอบเข้ามหาวิทยาลั​ย​ ซึ่งจุดๆนี้​ ตรงใจผู้ชมอย่างแรง​เพราะเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสังคม​ ทำให้คนดูเข้าถึงอารมณ์ของซีรีส์ดูหนังออนไลน์ได้ง่าย​ รวมถึงปมต่างๆที่ทีมเขียนบทใส่เข้ามาในแต่ละตอน​ ผูกเรื่องราวให้ผู้ชมต้องติดตามต่อเรื่อย​ๆตั้งแต่ตอนแรกจนถึงบทสรุป​ และตัวละครในเรื่องทุกตัวก็มีความเป็นมนุษ​ย์​ไม่ดีจนสุดโต่งและก็ไม่ชั่วจนเกินคน​ เลยทำให้ซีรีส์เกิดเป็นกระแส​คนติดกันทั่วบ้านทั่วเมืองเลย

เกริ่นก่อนนิดหน่อย

ซีรีส์เรื่องนี้ใช้เรื่อง อุปมาอุปมัย ในหลายๆ เรื่องราว อย่างชื่อ SKY Castle ถ้าแปลตรงๆก็แปบว่า วิมานฟ้า วิมานสวรรค์ ซึ่งเอาจริงๆ โลเคชั่นของซีรีส์ตัวนี้ก็ทำให้เรารู้ได้อย่างนั้นจริงๆ ผ่านทาง บ้าน ของ 3 ครอบครัวไฮโซที่เป็นตัวเดินเรื่องที่สำคัญ หรือแม้กระทั่งไลฟ์สไตล์ความหรูหรา ที่สื่อออกมาทำให้เรารู้สึกเหมือนว่าพวกเขาใช้ชีวิตราวกับเป็นเทวดานางฟ้าบนสวรรค์อย่างใดอย่างนั้นเลย

แต่เนื้อแท้แล้ว สกายแคสเซิล คือ สถานที่ๆครอบครัวไฮโซ 3 ครอบครัวที่เป็นตัวเดินเรื่องสำคัญรวมพักอาศัย และ SKY ก็มาจากชื่อต้นตัวย่อของ 3 มหาวิทยาลัยชื่อดังในเกาหลีใต้ (Seoul National University, Korea University และ Yonsei University) และเพื่อดำรงค์ความเป็น SKY Castle เลยทำให้บรรดาแม่ๆ ต้องผลักดันลูกตัวเองให้เข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำดังกล่าวให้ได้ ไม่ว่าวิธีใดก็ตาม

เนื้อเรื่อง

บอกเล่าเรื่องราวของครอบครัวผู้ลากมากดีที่ต่างแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันเองภายใต้หลังคาของที่พักอาศัยระดับไฮโซซึ่งจะให้สิทธิ์เฉพาะกับผู้ที่ผ่านการคัดเลือกให้เข้ามาอยู่แล้วเท่านั้นโดยส่วนใหญ่ก็จะมีอาชีพเป็นแพทย์และอาจารย์ที่มีชื่อเสียงในสังคมชั้นสูง ซึ่งทุกครอบครัวเหล่าภรรยาและกลุ่มแม่บ้านต่างพยายามทำทุกวิถีทางที่จะไต่เต้าแทนสามี

เพื่อให้ได้ขึ้นตำแหน่งที่สูงขึ้น และยังพร้อมทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกๆสอบติดในคณะที่ตนต้องการซึ่งแน่นอนคงหนีไม่พ้นคณะแพทย์ศาสตร์ของมหาวิทยาลัยโซล การฟาดฟัน, ความทะเยอะทะยาน, ความกระเสือกระสน และความตะกละตะกลามในลาภยศหน้าตาทางสังคมของผู้คนเหล่านี้ไม่เคยจบสิ้นและนี่เองคือสาเหตุของปมที่ซ้อนปมอย่างไม่มีวันจบสิ้นที่เมื่อคลี่คลายแต่ละปมก็จะกลายเป็นเรื่องร้ายแรงมากขึ้นไปเรื่อยๆจนหยุดไม่อยู่

สิ่งที่เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เนื้อเรื่องน่าติดตาม​ก็คือ​ ความกดดันจากการสอบแข่งขัน​ทำให้เกิดเรื่องที่น่าเศร้าในตอนต้นจนเกิดเหตุการณ์ที่ตามมามากมาย​ และการเข้ามามีบทบาทของตัวละครที่สำคัญอีกคนใน​เรื่องก็คือโค้ชคิม​ ซึ่งเธอคนนี้จะเป็นอย่างไร​ สำคัญขนาดไหน​ เป็นที่ผู้ชมต้องไปดูเองในซีรีส์นะจ๊ะ

มาดูกันว่าแต่ละครอบครัวเป็นยังไงบ้าง

ครอบครัวฮันซอจิน

ครอบครัวนี้ ฮันซอจิน กุมบังเหียนในการเดินหมากแต่ละก้าว ด้วยความที่เธอมีความทะเยอะทะยานสูงมาก เธอจึงสามารถทำทุกอย่างไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตามเพื่อสิ่งที่เธอและครอบครัวต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการช่วงชิงมาซึ่งติวเตอร์ระดับชาติค่าตัวแพงสูงลิ่วระดับหลักร้อยล้านวอนอย่าง คิมจูยอง (รับบทโดย คิมซอฮยอง) มาให้ลูกสาวได้สมดั่งใจ

หรือรวมถึงการช่วยหาเส้นสายทำทุกทางให้สามีได้เลื่อนตำแหน่งตามที่เขาต้องการ ที่ถึงแม้เขาจะพูดตลอดว่าไม่ต้องการเส้นสายแต่พอได้ในสิ่งที่ต้องการก็ยิ้มแก้มปริ ครอบครัวที่ดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบในสายตาคนอื่นแบบนี้ แต่กลับซ่อนปมความลับไว้มากมายที่น่าติดตามได้อย่างคาดไม่ถึง

และสะท้อนใจขึ้นมาว่า หากการสอบเข้ามหาวิทยาลัยแม่จะต้องทุ่มเทถึงขนาดนี้ ลูกจะต้องอ่านหนังสือถึงขนาดทำห้องอ่านหนังสือในห้องนอน และต้องมีโค๊ชระดับท็อปที่ใช้เงินมากขนาดนี้ขนาดนี้ … แล้วตกลงการส่งลูกให้ไปหาความรู้หรือส่งไปเพื่อให้ได้ขึ้นชื่อแค่คำว่า‘สอบติด’กันแน่ อยากชวนให้ทุกคนลองเดินเข้าไปในซีรีส์แล้วคอยดูพร้อมกันว่าความละโมภของครอบครัวนี้จะนำพาจุดจบครอบครัวไปในทิศทางใด

ครอบครัวอีซูอิม

ครอบครัวนี้เสมือนเป็นตัวแทนแห่งความดีประจำซีรีส์เรื่องนี้เลยก็ว่าได้ ถึงแม้ ฮวังอูจู จะเป็นลูกชายที่เกิดจากภรรยาเก่าซึ่งป่วยและเสียชีวิตไปแล้วของ คุณหมอฮวังชียอง แต่ อีซูอิม แม่บุญธรรมก็รักฮวังอูจูเหมือนลูกแท้ๆ ด้วยความรักความเข้าใจซึ่งเป็นพื้นฐานที่ดีที่สุดของทุกครอบครัว

อีซูอิมเธอไม่เคยละเลยต่อความไม่ถูกต้องที่เกิดขึ้นใน SKY Castle เธอพยายามแหกกฎและหน้ากากของทุกคนออกมาเพื่อป่าวประกาศว่าการที่พยายามจะยัดเยียดความฝันของตัวเองให้ลูกน่ะควรหยุดได้แล้วแต่ก็ไม่มีใครเชื่อเธอซักคน

หากมองในแง่การเลี้ยงดูและความอบอุ่นที่พ่อแม่มีให้กับฮวังอูจู เขาสามารถอ่านหนังสือและเรียนเก่งได้ด้วยตนเองโดยที่พ่อแม่ไม่เคยกดดันอะไรเลย ครอบครัวนี้คือภาพตัวอย่างของความเข้าใจและการพูดคุยกันในครอบครัวที่ทุกครอบครัวควรเอาเป็นเยี่ยมอย่าง

ครอบครัวโนซึงฮเย

จุดเด่นของครอบครัวนี้คือความน่ากลัวแบบดุดันและยังโหยหาชัยชนะด้วยผลการเรียนของลูกที่ คิมบยองชอล แสดงเป็น ชามินฮยอก ออกมาได้สมบทบาทอย่างร้ายแรง ความอยากได้ลูกเรียนเก่งเข้ามหาวิทยาลัยดีๆจนไม่สนใจความต้องการของคนที่จะไปเรียนจริง

การติวหนังสือให้ลูกด้วยห้องทึบและให้แข่งกันเองระหว่างฝาแฝด ทำให้แม่ที่แสนดีอย่าง โนซึงฮเย ต้องคอยหาทางปกป้องลูกๆและคอยปกป้องพ่อไม่ให้ลูกๆเกลียด ครอบครัวนี้เป็นครอบครัวที่ส่วนตัวแล้วชอบที่สุดในซีรีส์เรื่องนี้ เหตุผลมาจากความดุดันของพ่อเมื่อส่งพลังออกมา

ความต่อต้านในวิธีแบบนุ่มนวลแต่เชือดเฉือนของแม่ก็ทำให้ชนะไปหลายแมชซึ่งนั่นทำให้ความตึงเครียดในครอบครัวลดลง แต่คำพูดที่ฟังแล้วจี๊ดใจที่สุดจากครอบครัวนี้คือคำพูดของลูกสาวชาเซริ เธอทะเลาะกับพ่อและกล่าวว่า “แค่ส่งเงินให้ก็นับเป็นพ่อได้แล้วเหรอ เลี้ยงหนูไว้เพื่ออวดคนอื่น ยังจะเรียกตัวเองว่าพ่อได้อีกเหรอ!” …ความฝันของพ่อแม่คนละความฝันกับของลูก

ครอบครัวจินจินฮี

ครอบครัวนี้สร้างเสียงหัวเราะให้ผู้ชมได้มากที่สุดในเรื่อง ถึงแม้ อูยังอู จะเป็นแพทย์และพ่อที่ไม่ได้เรื่องเท่าไหร่แต่ก็รักภรรยา จินจินฮี ผู้เป็นแม่ที่ดุและขี้บ่นแต่ก็รักลูกสุดหัวใจ เธอคอยเคี่ยวเข็ญลูกชายที่เรียนไม่ได้เรื่องอยู่ตลอดเวลาเพราะกลัวจะน้อยหน้าบ้านอื่นใน SKY Castle

ทั้งหมดทั้งมวลครอบครัวนี้มีปัญหาอยู่แค่ไม่ค่อยมีความคิดเป็นของตัวเอง พยายามลอกเลียนแบบความสำเร็จตามแพทเทิร์นของครอบครัวอื่น และยังคอยหาทางเกาะคนอื่นเพื่อจะขึ้นไปยังจุดที่ตนเองต้องการ (แต่ทำไม่ค่อยสำเร็จซักเท่าไหร่นะ)

ด้านนักแสดง

ในส่วนของการแสดงของนักแสดงนำนั้นทั้งไม่ต้องเป็นห่วง ตัวพ่อตัวแม่ทั้งนั้น ในพาร์ทของผู้ใหญ่ก็ดี​ พ่อแม่​ 3 ครอบครับมีคาแรกเตอร์​ที่ชัดเจน​ รวมถึงโค้ชคิม​ ก็แสดงได้นิ่ง​แต่แฝงไปด้วยเรื่องราวในใจจนคนดูรู้สึกได้เลยว่ายัยคนนี้มีอะไรแน่ๆ​ พาร์ทของเด็กก็เด่น องค์ประกอบหลายๆ ก็กลมกล่อมเข้ากันได้เป็นอย่างดี การแสดงของนักแสดงก็ไม่ได้ดูล้นๆ เหมือนซีรีส์อื่นๆ เพลงประกอบก็เข้ากับเนื้อหา (We all Lie) ดังนั้นคำว่า แน่นทุกจุด คงไม่ใช่เรื่องเกินเลยที่จะพูดถึงเรื่องนี้

ข้อคิดต่างๆ

ข้อคิดที่ได้จากการดูซีรี่ย์ Netflixซีรีส์เรื่องนี้มันมีเยอะแยะมากมาย อาทิเช่น อย่าเอาความฝันของตัวเองไปล้างสมองลูก , การเรียนเก่งไม่ใช่คำตอบให้กับทุกสิ่ง, เงินด้วยเช่นกันที่ซื้อไม่ได้ทุกอย่าง หรือแม้กระทั่งการสอนให้เรารู้ว่าถึงแม้จะเป็นแม่ลูกกันแท้ๆ แต่ยังไงก็เลี้ยงหรือเลี้ยงดูกันได้แค่ทางกายแต่จะไปบังคับความคิดและความรู้สึกมันก็คงทำไม่ได้แน่นอน

โดยรวม

นอกจากการแสดงที่ดีแล้ว บทละครและการเล่าเรื่องก็ทำได้ดีเช่นเดียวกัน ปมที่ซ้อนปมอยู่นั้นสามารถทำได้อย่างละมุนละม่อมและกลมกล่อม ความดราม่าที่ใส่ให้โอเว่อร์เกินจริงเพื่อความสนุกในการดูละครก็ถือว่าเป็นน้ำจิ้มชั้นดีที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกมันจิกกัดสภาพสังคมคนรวยที่พยายามดันลูกตัวเองเข้ามหาวิทยาลัยดีๆได้อย่างโดนใจจนกลายเป็นกระแสออนไลน์และโด่งดังแบบปากต่อปากได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ส่วนตัวตั้งแต่เคยดูซีรีส์เกาหลีมา ยังไม่เคยมีเรื่องไหนที่โด่งดังด้วยกระแสจากผู้ชมบอกต่อได้มากเท่าเรื่องนี้เลย เรื่องนี้ถือว่าเด็ดจริงๆ

สรุป

SKY castle ซีรีส์ตัวแรงแนวใหม่ที่หยิบจับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยมาผูกเข้ากับแนวสืบสวนหาปม สะท้อนปัญหาสังคมการแข่งขัน มาผสมกลมกล่อมได้เป็นอย่างดี ทีมนักแสดงได้บรรดาตัวพ่อตัวแม่มาปล่อยของกันเต็มที่ ความยาว 20 ตอนบอกได้เลยว่าดูแล้วหยุดไม่ได้จริงๆ