รีวิว Pokemon Detective Pikachu - โปเกมอน ยอดนักสืบ พิคาชู
จากมันสมองของ ซะโตชิ ทะจิริ ประธานบริษัทโปเกมอน ที่ให้กำเนิดโปเกมอน หรือ พ็อคเกตมอนสเตอร์ ตั้งแต่รูปแบบเกมบอยเมื่อปี 1996 จนแตกหน่อต่อยอดกลายเป็นทั้งมังงะ อนิเมะซีรีส์ การ์ดเกม ฯลฯ จนถือเป็นคอนเทนต์ที่ทำรายได้ให้ นินเทนโด ได้เป็นอันดับสองรองจาก มาริโอ และคาแรกเตอร์หมื่นล้านประจำเกมอย่างเจ้า พิคาชู มอนสเตอร์สีเหลืองที่รูปร่างคล้ายกระรอกผสมแมวก็ระบาดสร้างความคลั่งไคล้ไปทั่วโลกดังจะเห็นได้จากสินค้าที่ซื้อสิทธิเมอร์แชนไดส์มากมาย จนสามารถมีเกมของตัวเองในชื่อ Detective Pikachu วางขายเมื่อปี 2016 ซึ่งก็ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามและได้กลายเป็นต้นธารให้กับหนัง Pokemon Detective Pikachu ฉบับนี้อีกด้วย รีวิว Pokemon Detective Pikachuเรื่องย่อ
เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อ แฮร์รี่ กู๊ดแมน นักสืบเอกชนมือหนึ่งหายตัวไปอย่างลึกลับ ทำให้ทิม ลูกชายวัย 21 ปี ต้องค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้น ที่มาช่วยเขาสืบหาเบาะแส คือโปเกมอนคู่หูของแฮร์รี่ นักสืบพิคาชู โปเกมอนฝีปากคมกริบ เจ้าแห่งการแกะรอยสุดน่ารัก ที่บางทีติดจะมึนๆ หน่อย ทั้งคู่พบว่าพวกเขาสามารถสื่อสารกันได้อย่างลงตัวแปลกใหม่ ทิมและพิคาชูต้องร่วมกันสู้ในการผจญภัยระทึกขวัญเพื่อไขปริศนาสุดยุ่งเหยิง ไล่ตามเบาะแสร่วมกันสู่ถนนนีออนลิทแห่งเมืองไรม์ - เมืองทันสมัยที่มนุษย์และโปเกมอนอยู่ร่วมกันในรูปแบบไลฟ์แอคชั่นสมจริง พวกเขาพบกับโปเกมอนหลากหลาย ค้นพบแผนการณ์สุดสะพรึงที่อาจทำลายความสงบสุขของทั้งจักรวาลโปเกมอนPOKEMON Detective Pikachu ดัดแปลงมาจากวิดีโอเกมชื่อเดียวกัน ว่าด้วยเรื่องราวของทิม กู้ดแมน เด็กหนุ่มผู้เติบโตขึ้นมาโดยละทิ้งความฝันในการเป็นเทรนเนอร์ไป ต้องเดินทางเข้ามาในเมืองไรม์ ซิตี้ มหานครขนาดยักษ์ที่ซึ่งมนุษย์อยู่ร่วมกับโปเกม่อน อย่างสงบสุข เพื่อมารับทราบการเสียชีวิตของพ่อตัวเอง แต่การเดินทางในครั้งนี้ก็นำให้ทิม มาพบกับปิกาจู พูดได้และยังชอบทำตัวเป็นนักสืบ ทำให้พวกเค้าออกสืบหาความไม่ชอบมาพากลในคดีการเสียชีวิตของพ่อของทิมด้วย
ตัวหนังได้ ร็อบ เลตเทอร์แมน ซึ่งผลงานทั้งอนิเมชั่นดังอย่าง Shark Tales (2004) และ Monsters vs. Aliens (2009) และหนังไลฟ์แอ็คชั่นสุดฮิตอย่าง Goosebumps (2015) มากุมบังเหียน ซึ่งดูจากชื่อก็น่าจะพอเชื่อมือได้ว่าจะถ่ายทอดโลกแฟนตาซีออกมาได้น่าตื่นตาตื่นใจแน่นอน ซึ่งผลลัพธ์ก็ไม่ผิดจากที่คาดหวังนัก คือต้องยอมรับว่า ร็อบ ให้ทุกอย่างที่คนดูอยากเห็นโดยเฉพาะเหล่า พ็อคเกตมอนสเตอร์ ที่ถอดแบบมาจากเกมและสื่อต่างๆในจักรวาลโปเกมอนชนิดที่ว่าเห็นหน้าปุ๊บเหล่าเทรนเนอร์มีกรี๊ดแน่นอน
สิ่งที่ชอบ
คือการออกแบบตัวละคร ปิกาจู หรือโปเกม่อนตัวอื่นๆ ที่มาปรากฏตัวให้พวกเราได้เห็นบนจอ มันมีความพอดีมากระหว่างตัวที่เราเห็นในฉบับอนิเมะ(หรือเกม) กับ ตรรกะความเป็นจริงที่ว่าถ้าโปม่อนเหล่านี้มีชีวิตจริงๆ จะเป็นรูปแบบไหน แล้วพอทางผู้สร้างทำออกมาได้ดีแบบนี้มันก็เลยได้ใจฐานแฟนคลับไปแล้วประมาณนึง อย่างตัวปิกาจูก็ดี โกดัคก็ดี หรือคาบิก้อนนี่ใครเห็นก็หลงรักได้ไม่ยากเลย พวกโลกหรือฉากในหนังที่มีกลิ่นอายนีโอนัวร์ก็ทำออกมาได้ดี เอาง่าย ๆ งานด้านภาพ ด้านซีจีของ Detective Pikachu กวาดคะแนนไปได้แบบเต็มๆ แถมยังแอบสอดแทรก Easter Egg แบบกำลังพอดีๆ พอทำให้แฟนกรี๊ดได้เป็นระยะยิ่งได้กระแสจากเกม Pokemon Go! เกม AR ที่ฮิตระเบิดสร้างปรากฎการณ์คนเดินตกท่อ-รถหวิดประสานงาทั่วโลกเมื่อ2-3 ปีก่อนด้วยแล้วก็ยิ่งทำให้โลกของโปเกมอนใกล้ชิดกับเหล่าเกมเมอร์มากขึ้น และก็เหล่าคาแรกเตอร์สุดน่ารักของโปเกมอนนี่แหละคือข้อดีหลักซึ่งก็กลายเป็นว่าตัวหนังทำออกมาดูเด็กน้อยมากๆ จนอาจให้คะแนนความเด็กน้อยทะลุปรอทยิ่งกว่าอนิเมะซีรีส์เสียอีกนะ 555
แต่กระนั้นมันก็กลายเป็นดาบสองคมอยู่เหมือนกัน พอหนังจะต้องเอาใจแฟนๆโปเกมอน เพราะไหนจะต้องเช็คว่าใส่โปเกมอนดังๆมาครบหรือยัง มีฉากจับโปเกมอนมั้ยตามเช็คลิสต์แล้ว ทีมเขียนบทยังพยายามเพิ่มปมดราม่าพ่อลูกระหว่างทิมกับพ่อที่ไม่ค่อยได้เห็นหน้ากันเข้ามาก็ยิ่งทำให้ตรรกะของเรื่องราวยิ่งปั่นป่วนโดยเฉพาะแรงจูงใจที่ทิมจะไปตามหาพ่อร่วมกับ พิคาชู ที่ทำตัวเองประสาทกินตั้งแต่แรกพบก็ทำให้เราเชื่อได้ยากว่าตาทิมแกจะยอมตามน้ำไปกับพิคาชูตัวเหลือง
แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คือการที่หนังอยากขายทุกเพศทุกวัย เลยมาในเรท PG ทำให้หนังแทบจะใส่ความเป็นแอ็กชั่นหนักๆ ไม่ได้เลย ออกไปแนวผจญภัยเหมือนหนังเด็กมากกว่า ตัวบทตัวเรื่องราวมันก็เลยอ่อนยวบประมาณนึงเลย ใครที่คาดหวังว่าจะได้เห็นฉากโปเกม่อนแบทเทิ้ลอาจจะต้องลดความคาดหวังไปซักหน่อย แต่ถึงแม้จะเรทไม่แรงมากแต่ ไรอั้น เรย์โนลด์ที่มาพากย์เสียงปิกาจูก็ถือว่าทำได้ดีมาก คือมาเพิ่มสีสัน มาแบกหนังได้เลย
ทั้งอาการแพนิคกับการที่ตัวเองพูดกับพิคาชูรู้เรื่องหรือการที่ตัวเองมีปมกับโปเกมอนตั้งแต่เด็ก ซึ่งจุดนี้หนังใช้แฟลชแบ็คบ่อยมากแต่คนดูกลับไม่ได้รับความกระจ่างนักว่าตกลงทิมเกลียดพ่อมั้ย หรือความจริงแล้วโปเกมอนมีความสำคัญยังไงกับความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกคู่นี้ เพราะหนังต้องเอาเวลาไปให้เราพบกับเหล่าโปเกมอนต่างๆที่มาป่วนจอให้คอยกรี๊ดกร๊าดกัน เลยกลายเป็นว่าบทหนังไม่สามารถทำให้เรื่องราวดราม่าพ่อลูกกลมกลืนไปกับโลกของโปเกมอนได้อย่างแนบเนียนนัก
ยิ่งพอดูหนังมาในโทนสืบสวนสอบสวนแต่ปมต่างๆกลับคลี่คลายได้แบบง่ายแสนง่ายจนเหมือนทั้งคู่ไม่ได้สืบสวนอะไรเลย เพราะแป๊บนึงนักข่าวสาวก็เอาแฟ้มมาให้ หรือได้เห็นภาพโฮโลแกรมล้ำๆแสดงเหตุการณ์อุบัติเหตุของเรื่องราว แถมอยู่ดีๆยังชวนกันไปตัดรั้วพื้นที่ทดลองพันธุกรรมโปเกมอนกันเหมือนชวนไปเล่นเกม VR อีกซึ่งแม้จะต้องยอมรับว่าวิสัยทัศน์ของ ร็อบ เลตเทอร์แมน ชวนว้าวตื่นตะลึงและเซอร์วิสแฟนๆโปเกมอนได้อย่างเต็มที่
แต่หากบทหนังให้ข้อมูลหรือเพิ่มฉากที่แสดงที่มาที่ไปของเหตุการณ์หรือเพิ่มการสืบสวนสอบสวนมากกว่านี้ เชื่อว่าอารมณ์แบบเกม Detective Pikachu ที่ครองใจแฟนๆน่าจะทำให้เรื่องราวในหนังออกมาลงตัว ไม่ต้องพึ่งพาเพียงแค่คาแรกเตอร์น่ารักๆหรือกิมมิกจากจักรวาลโปเกมอนขนาดนี้
สิ่งที่ชอบ
และสิ่งที่น่าชื่นชมมากๆ คือหนังเรื่องนี่มันทำ Ryme City โลกที่มีโปเกมอนอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้น่าอยู่จริงๆ มันทำให้ความฝันของแฟนๆ หลายคนเป็นจริงขึ้นมา โปรแกรมหนังและไอ้ตัวโปเกมอนนี่แหละ ที่ออกมาแต่ละตัวแต่ละฉากเต็มไปหมด คือทุกฉากต้องเห็นโปเกมอนอย่างน้อยละ 1-2 ตัวเป็นต้น ทุกตัวดัดแปลงจากเกม จากอนิเมะ มาได้สวยมากกกกก ดูสมจริง แต่ก็ยังคงไม่ทิ้งเอกลักษณ์ความเป็นโปเกมอนที่เราคุ้นเคยไว้อย่างครบถ้วนขอพูดถึงนักแสดงที่เป็นมนุษย์ก่อน หนังเลือกใช้นักแสดงดาวรุ่งสองคนมารับบทนำ โดยจัสติซ สมิธ โด่งดังจากซีรีส์ ฮิพฮอพมิวสิคัลทางเน็ตฟลิกซ์อย่าง The Get Down มารับบท ทิม ซึ่งพอเข้าใจได้ว่าทางผู้สร้างเลือกเขามาเพื่อการแสดงอารมณ์ดราม่าโดยเฉพาะ แต่ขอโทษทีเหอะ!พอน้องจัสติซจะเข้าโหมดดราม่าทีไรหนังก็จะดึงไปทางแฟนตาซีเอะอะมะเทิ่งตลอดเวลา
แถมปมดราม่ายังปูมาได้ไม่แข็งแรงพอ ผลลัพธ์เลยทำให้บางฉากพระเอกของเราเหมือนไบโพลาร์เดี๋ยวซึมเศร้าเดี๋ยวโลดเต้นจนเราปรับอารมณ์ตามไม่ถูกอยู่เหมือนกัน ส่วนอีกคนอย่าง แคธรีน นิวตั้น จากซีรีส์ HBO อย่าง Big Little Lies และหนังตลก Blockers ด้วยลุคสาวผมบลอนด์ยิ้มน่ารักก็ไม่ยากเลยที่หนุ่มๆจะตกหลุมรักเธอ โดยเฉพาะการแสดงแบบแบ๊วๆใสๆแบบนี้เหมาะมากกับหนังเด็กน้อยเรื่องนี้ก็ถือว่าทำหน้าที่อาหารตาได้ดี
ส่วนเสียงพากย์ของไรอัน เรย์โนลด์ นั้นต้องบอกว่าหากใครคาดหวังความกวนในระดับของ เดดพูล ก็คงต้องผิดหวังกันล่ะ เพราะคราวนี้ถึงแม้คาแรกเตอร์จะเอื้อเหลือเกินให้มีความจังไรนิดๆ แต่ด้วยเรตหนังและโทนที่ดูเด็กน้อยก็ทำให้ไรอัน เรย์โนลด์ ต้องอั้นความกวนไว้พอสมควรแต่ก็ยังถือว่าทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีทำให้ พิคาชู มีคาแรกเตอร์น่าจดจำประหนึ่ง เดดพูล แอ๊บแบ๊วใสใสมาเจอเด็กน้อยได้อยู่นะ
สรุป
เป็นการเติมเต็มความฝันวัยเด็กของใครหลายๆ คน และถือเป็นการเปิดจักรวาล Pokémon ได้อย่างสวยงามจริงๆ คิดถูกมากๆ ที่เอาไอค่อนอย่าง Pikachu มานำจักรวาลนี้ หวังว่ามันจะทำรายได้และได้รับกระแสวิจารณ์ในแง่บวก จนทำให้มีหนัง Pokémon เรื่องอื่นๆ ตามมาแต่เมื่อวัดข้อดีข้อเสียของหนังแล้วก็ต้องบอกว่า Pokemon Detective Pikachu อาจไม่ใช่หนังจากเกมที่ดีที่สุด แต่อย่างน้อยมันก็รู้จักใช้ประโยชน์ของคาแรกเตอร์น่ารักๆจากเกมมาสร้างความบันเทิงได้เป็นอย่างดี เสียดายแค่บทหนังอาจจะต้องคราฟต์มากกว่านี้ ให้รายละเอียดหรือสร้างเรื่องราวให้เหมาะกับการมีอยู่ของคาแรกเตอร์จากเกมมากกว่าแค่นำเสนอความน่ารักผ่านๆ เชื่อว่าหนังจะออกมาลงตัวมากกว่านี้ แต่เชื่อเถอะว่านี่เป็นหนังที่คุณพ่อคุณแม่น่าจะอยากพาเจ้าตัวน้อยมาสนุกกันทั้งครอบครัวในโรงภาพยนตร์แน่นอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น