วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

Better Days - ไม่มีวัน ไม่มีฉัน ไม่มีเธอ

ดูหนังสด

รีวิว Better Days - ไม่มีวัน ไม่มีฉัน ไม่มีเธอ

ดีงาม ดีงามจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าหนัง Better Days จากตัวอย่างที่น่าจะเป็นหนังวัยรุ่นทั่วๆ ไป กลับสะท้อนอะไรออกมาได้หลายอย่างและดีงามขนาดนี้ อยากปรบมือให้ทุกคนในหนังเรื่องนี้เลยจริงๆ และโชคดีมากๆ ที่ได้มีโอกาสดูหนังเรื่องนี้ รีวิว Better Days

เรื่องย่อ

เรื่องราวของเด็กสาววัยมัธยมที่เพื่อนเธอฆ่าตัวตายจากการโดนกลั่นแกล้ง และตัวเธอเองก็กำลังโดนเช่นเดียวกัน แต่มีชายคนหนึ่งมาช่วยเธอเอาไว้ และชายคนนั้นสัญญาว่าจะปกป้องเธอตลอดไป
หากจะย้อนกลับไปยังวัยทีนเอจ ภาพจำหนึ่งที่คนเราส่วนใหญ่นึกถึงก็คือ มันเป็นห้วงเวลาที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและการก้าวข้ามผ่านหลายสิ่งอย่างในชีวิต ในวันที่ทุกอย่างยังไม่ประสีประสา ในวันที่ดูเหมือนเรายังต้องพึ่งสัญชาตญาณมากกว่าประสบการณ์ เด็กหลายคนมองเห็นภาพตัวเองมีความสุข รอยยิ้มกับเพื่อน สนุกสนานไปวัน ๆ

แต่อีกด้านหนึ่ง มันก็มีเด็กบางคนที่ต้องผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาด้วยความทุกข์ทรมาน ความเจ็บปวดและรอยแผลของการถูกทำร้ายอาจมีอิทธิพลต่อชีวิตของเด็กคนนั้นไปตลอดกาล เรากำลังพูดถึง Better Days ไม่มีวัน ไม่มีฉัน ไม่มีเธอ  หนังโรแมนติกดราม่าสัญชาติจีนที่จับประเด็นของความหยาบกร้านของชีวิตวัยรุ่นในสังคมแดนมังกร ซึ่งเติบโตมาท่ามกลางการแข่งขันและความคาดหวังที่หนักหน่วง

โดยเฉพาะหนุ่มสาวมัธยมปลายที่ต้องเตรียมตัวสอบ ‘เกาเข่า’ (Gaokao) การสอบเอนทรานซ์ครั้งใหญ่ที่ไม่ต่างจากการเป็นบททดสอบเดิมพันชะตาชีวิตต่อจากนี้ แต่สำหรับ เฉินเหนียน (โจวตงหยู) เธอต้องเผชิญกับโจทย์ข้อสอบอันหนักอึ้งกว่าเด็กทั่วไป เพราะเพื่อนสนิทหนึ่งเดียวของเธอตัดสินใจฆ่าตัวตาย และเธอกลายเป็นเป้าการถูกกลั่นแกล้งจากเพื่อนร่วมชั้นทุกคน และสำหรับ เฉินเหนียน โรงเรียนคือขุมนรก ที่ไม่มีใครที่ไหนเอื้อมมือมาช่วยเหลือเธอได้

Better Days สร้างมาจากนิยายจีนดัง In His Youth, In Her Beauty ของ จิ่วเยวียซี ที่มีเส้นเรื่องหลักอยู่ที่เรื่องราวการถูก bully ในโรงเรียน และความรักที่เข้ามาเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของคนหนุ่มสาวคู่หนึ่ง ซึ่งคนดูจะสามารถสัมผัสได้เลยจากบรรยากาศในหนังเรื่องนี้ที่จับประเด็นหนัก ๆ มาบดขยี้แรง ๆ ตั้งแต่เรื่องการ bully ในโรงเรียน, การสอบแข่งขัน

จนถึงแทงทะลุถึงหัวใจไปยังกระทรวงศึกษาธิการที่ล้วนแล้วแต่มีส่วนร่วมกันสร้าง ‘ปีศาจ’ ในตัวเด็กขึ้นมาในสังคมโดยที่ผู้ใหญ่เหล่านั้นไม่เคยตระหนัก เฉินเหนียน เป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ หน้าตาใสซื่อ แต่เป็นเด็กหัวดีเรียนเก่ง ท่ามกลางความโหดร้ายของสังคมที่เธอต้องพบเจอ ไม่ว่าจะเป็นการถูกแกล้งจากเพื่อน, พ่อแม่แยกทาง แม่ต้องร่อนเร่ขายของผิดกฏหมายและหนีเจ้าหนี้จนไม่ค่อยได้กลับบ้าน ขณะที่ชีวิตของเฉินเหนียนดูจะเดินไปถึงจุดตกต่ำที่สุด เธอก็ได้พบกับ เสี่ยวเป่ย (อี้หยางเชียนสี่) เด็กหนุ่มแก๊งอันธพาลไร้อนาคตที่เข้ามาช่วยชีวิตเธอจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

เป็นหนังที่ถ่ายทอดเรื่องราวการเติบโต การก้าวผ่านวัยของหญิงสาวมัธยมคนหนึ่ง ที่หวังอยากเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเมื่อเพื่อนของเธอโดน Bully ในโรงเรียนจนต้องฆ่าตัวตาย ทำให้ตัวเธอตกเป็นเป้าหมายการ Bully ต่อไป และเธอก็ได้บังเอิญเจอกับชายคนหนึ่งที่เขาบอกว่าจะปกป้องเธอ รวมๆ แล้วมันสะท้อนเพลงของ Paradox ได้ออกมาอย่างชัดเจนจริงๆ “เป็นวัยรุ่นมันเหนื่อย”

มันก็คือหนังเกี่ยวกับชีวิตวัยรุ่นเลย แนว coming-of-age นั่นแหละ แต่มันไม่ใช่หนังที่สร้างแรงบันดาลใจ มันคือหนังที่สะท้อนสังคมจีน และส่งเสียงสะท้อนไปอีกหลายประเทศเลย เกี่ยวกับประเด็นหลักในเรื่องการ Bully เอาจริงๆ การ Bully แต่ละยุคสมัยมันเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และมันก็มีมาตั้งนานแล้ว แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องตลก ไม่ว่ามันจะรุนแรงหรือเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม เพราะมันจะติดตัวและสร้างแผลเป็นทั้งร่างกายและจิตใจให้กับคนที่ถูกกระทำไปตลอด ขั้นร้ายแรงที่สุดก็คือ ฆ่าตัวตาย ในหนังเรื่องนี้ได้ถ่ายทอดจุดนั้นออกมาได้อย่างน่าตกใจ ดุเดือด เข้มข้นมาก

นอกเหนือจากการ Bully ดูหนังสดยังถ่ายทอดความฝันการโฟกัสเป้าหมายของเด็กมัธยมหลายๆ คนที่ตั้งหน้าตั้งตาสอบเข้ามหาวิทยาลัย ผ่านการสอบระดับชาติ เกาเข่า (คล้ายๆ เอ็นทรานซ์บ้านเรานั่นแหละ) ออกมาให้คนได้รับรู้ว่าชีวิตวัยรุ่นมันกดดันจริงๆ

ยัง มันยังไม่หมดแค่นั้น แน่นอนว่าวัยรุ่นทุกคนต้องผ่านเรื่องราวความรัก และหนังก็ยังถ่ายทอดเรื่องราวความรักในเรื่องออกมาได้โคตรดีไม่แพ้ประเด็นอื่นๆ อีก บทจะโรแมนติคก็ซึ้งกินใจเสียเหลือเกิน บทจะดราม่าก็เล่นเอาจุกอกพูดไม่ออกเหมือนกัน

เรื่องประเด็นสังคมต่างๆ เรายังได้เห็นตลอดเรื่องเลยทีเดียว เรียกได้ว่าหนังถ่ายทอดทุกประเด็นออกมาได้ชัดเจนมาก และหนักหน่วงในทุกประเด็น! มีหมดทุกอารมณ์ ซึ้ง ดราม่า ตลก ไปถึงขั้นอุทานเลยว่า “เชี้*”

ทั้งหมดนั้นมันถูกถ่ายทอดผ่านการแสดงทุกตัวละคร ย้ำว่าทุกตัวละคร เล่นได้ดีมากๆ มากจนไร้ที่ติเลยทีเดียว โดยเฉพาะนักแสดงนำทั้งสอง รับผิดชอบบทบาทตัวเองได้ดีจริงๆ ขยี้อารมณ์ เล่นถึงมากทุกฉากเลยดีงามมากถึงมากที่สุด อินมากจริงๆ

การดำเนินเรื่องเล่าได้ลื่นไหลมาก ไม่ติดขัด ไม่ขัดใจอะไรใดๆ ทั้งสิ้น การเลือกใช้เพลงประกอบในแต่ละฉากก็ส่งอารมณ์คนดูเหลือเกิน โดยเฉพาะบางฉากมีการตัดเงียบ เพื่อเล่นซีนอารมณ์ รวมถึงการตัดต่อการถ่ายทำที่ดีงาม

หนังพาคนดูสำรวจตัวละครแบบพาทัวร์เข้าไปได้ถึงแก่นของความเจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่าของเฉินเหนียน แถมแทรกปัญหาชีวิตขม ๆ เข้ามาอีกเป็นระยะ บวกกับอินเนอร์ของ โจวตงหยู ที่อาจบอกได้ว่าเป็นหนึ่งในหนังที่เธอกลั่นอารมณ์ออกมาได้อย่างสุดยอดอย่างแท้จริง การพลิกมาเล่นบทเด็กสาววัย 17 ที่ต้องแบกปัญหาทุกอย่างไว้ เธอทำมันออกมาได้ไร้ที่ติมาก ๆ ระดับมาสเตอร์พีช

บอกได้เลยว่านี่เป็นตัวละครที่สร้างความเรียลให้หนังเรื่องนี้ ดูหนังผ่านเน็ตและยกระดับหนังไปอีกขั้นจริง ๆ ซึ่งยิ่งดูเราจะยิ่งหดหู่ไปกับโชคชะตาอันรันทด แล้วตัวเลือกของเด็กที่ยังไม่ประสีประสาโลก มันยิ่งดูมืดแปดด้านไปหมด แต่ระหว่างที่หนังเดินไป การปรากฏตัวของ เสี่ยวเป่ย สร้างมิติให้หนังฉีกไปยังจุดหักเหได้ลงตัว และโดยเฉพาะการมารับบทหนัก ๆ แบบนี้ครั้งแรก ก็ต้องยอมรับว่าไอ้หนุ่ม อี้หยางเชียนสี่  เป็นเด็กมีของมาก ๆ เลย โดยเฉพาะสีหน้าแววตาที่มุ่งมั่น ซีนดราม่าแรง ๆ สามารถบดกับ โจวตงหยู ได้ไม่ดร็อปเลย

รีวิว Better Days

Better Days เป็นหนึ่งในหนังที่ทำหน้าที่วิพากษ์ประเด็นหลัก ๆ สะท้อนสังคมจีนได้ดีมาก ๆ เรื่องหนึ่ง ผมชอบบรรยากาศของความไม่โลกสวยในหนังเรื่องนี้ มีกลิ่นอายคล้ายแนวทางของหนังฮ่องกงในยุค 90s แม้ว่าจะมีบางช่วงที่ออกอาการเนือยไปบ้าง เหมือนยืดเรื่องไปบ้าง แต่พอเริ่มปรับตัวได้ หนังกลับยิ่งสะท้อนสภาวะจิตใจของตัวละครแต่ละฝ่ายให้เห็นด้านเทา ๆ กันมากขึ้น

จนรู้สึกตัวอีกที หนังก็พาเรามายังจุดที่เราไม่คิดว่าจะมาถึงได้ มีความกลับตาลปัตร พลิกผัน หักมุมเล็ก ๆ หลอกล่อมีชั้นเชิง คาดเดายากขึ้นเรื่อย ๆ สร้างสถานการณ์และบรรยากาศที่ไม่น่าไว้ใจออกมาได้เป็นระยะ แต่มีสิ่งหนึ่งที่โดดเด่นท่ามกลางความหม่นหมองของหนัง ก็คือเคมีของคู่พระนาง กับพาร์ตโรแมนติกแบบหวานขม ที่ยิ้มทั้งน้ำตาให้กับชะตาชีวิต แต่ก็ดิ้นรนหาทางแก้ปัญหาหน้างานตามมีตามเกิดแบบเด็กวัยรุ่น ไม่แปลกเลยที่ใคร ๆ บางคนดูแล้วแอบนึกถึง อาหัว กับ โจโจ้ ในผู้หญิงข้าใครอย่าแตะอยู่บ้าง

เมสเซจของหนังชัดเจนและทรงพลัง โดยเฉพาะคำพูดของ เฉินเหนียน ที่บอกว่า “มีแต่คนบอกจะช่วยฉัน แล้วใครบ้างล่ะที่ช่วยฉันจริง ๆ” ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงความโดดเดี่ยวในการต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่หนักหนาสาหัสเกินวัยจะแบกรับไหว พร้อมจิกกัดคนที่เกี่ยวข้องแต่กลับมองปัญหานี้จิ๊บจ๊อยไม่เหมือนคำคุยโวสวยหรู

แต่ขณะเดียวกันหนังก็เสนอแนวทางให้ทุกฝ่ายลุกขึ้นมาแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง ในภาพรวมแล้วนี่อาจเป็นหนังที่สร้าง impact ให้สังคมจีนได้มากที่สุดเรื่องหนึ่ง, เป็นหนัง coming of age ที่ทรงพลัง และอาจเป็นหนังในท็อปลิสต์ของใครหลายคนประจำปีนี้ไปแล้ว

สรุป

คือหนังมันดีงามมากจริงๆ คือดูง่าย ไม่ยาก อินในทุกประเด็น ไปพิสูจน์ด้วยตาคุณเองเลย ถึงแม้ว่าเราจะชอบ The Gentlemen ของ Guy Ritchie มาก่อนหน้านี้ แต่เรื่องนี้ผมแนะนำให้คุณไปดูวันแรกที่มันเข้าฉายเลยด่วนๆ !!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น