รีวิว Insatiable - ชิงรักหักมงกุฎ
ไม่ว่าจะมีรูปร่าง หน้าตา สีผิว หรือรสนิยมแบบไหน ต่างก็หนีไม่พ้นการถูกกลั่นแกล้ง (Bullying) ซึ่งอาจเป็นประสบการณ์ที่ใครหลายคนเคยเจอ ไม่ว่าจะเป็นการกลั่นแกล้งในรูปแบบของการมองด้วยสายตา คำพูดที่ออกมาโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ หัวเราะ หยอกล้อ หรืออาจรุนแรงถึงขั้นกลั่นแกล้งด้วยการใช้กำลัง รวมทั้งการป่าวประกาศไปในโลกโซเชียล ซึ่งก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะอดทนก้าวข้ามเหตุการณ์ดังกล่าวไปได้ ในฐานะเหยื่อ พวกเขาต่างมีบาดแผลที่ต้องการเยียวยา รีวิว Insatiableเรื่องย่อ
เรื่องราวของ แพตตี้ (รับบทโดย เด็บบี้ ไรอัน) เด็กสาวที่ถูกกลั่นแกล้งและดูถูกดูแคลนจากคนรอบข้าง และไม่ได้รับโอกาสที่เท่าเทียม เพราะเรื่องน้ำหนักตัวของเธอมาตั้งแต่เด็ก กระทั่งวันหนึ่งเธอไปมีเรื่องทะเลาะวิวาทและได้รับบาดเจ็บจนเธอไม่สามารถกินอาหารได้เป็นปกติถึง 3 เดือน ท้ายที่สุดแพตตี้ก็ผอมลงจนเปลี่ยนไปเป็นสาวสวยสุดฮอต เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เธอได้พบกับ บ๊อบ อาร์มสตรอง (รับบทโดย ดัลลัส โรเบิร์ตส์) ทนายฉาวที่สร้างชื่อจากการเทรนสาวงามส่งเข้าประกวด เขาเข้ามารับหน้าที่ที่ปรึกษาเรื่องกฎหมาย ทั้งคู่ช่วยกันเอาตัวรอดจากคดีทำร้ายร่างกายของแพตตี้ และก้าวสู่สเตปต่อไป เมื่อบ๊อบตั้งใจจะปั้นเธอให้เป็น Miss USA นางงามระดับท็อปที่สุดของประเทศให้ได้จะว่าไปคอซีรีส์ของเน็ตฟลิกซ์ก็คงรู้จักซีรีส์วัยรุ่นดังๆอย่าง 13 Reasons Why หรือ Riverdale ดีอยู่แล้ว โดยจุดเด่นของทั้งสองเรื่องคงหนีไม่พ้นการหยิบจับประเด็นการทำร้ายกันในโรงเรียนไฮสคูลที่เป็นปัญหาเรื้อรังของอเมริกา และแน่นอนว่าจากเทรลเลอร์ของ Insatiable ก็ดูจะมาทางเดียวกันโดยเฉพาะการนำเสนอตัวละครแพตตี้ที่เป็นสาวเคยตุ้ยนุ้ย อับอายกับรูปร่างตัวเองจนเป็นปมฝังใจ
เรียกได้ว่าเห็นตัวอย่างนี่ได้กลิ่นหนังสะท้อนปัญหาวัยรุ่นมาอีกแล้ว แต่หลังปล่อยสตรีมมิ่ง 12 ตอนไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (10 สิงหาคม 2561) ปรากฏว่าสื่อทั้งหลายในอเมริกาต่างรุมจวกถึงการดำเนินเรื่องและสร้างตัวละครของ Insatiable ที่นำเสนอความอ้วนของแพตตี้ในเชิงเหยียดหยามมากกว่าจะเป็นการพลิกฟื้นเห็นคุณค่าในตัวเองจนหลายสื่อถึงกับตีตราให้เป็นซีรีส์ที่น่ารังเกียจที่สุดสำหรับรายการวัยรุ่นอเมริกัน เนื่องจากเนื้อหาจริงๆแล้วมันแทบนำเสนอมุมมองต่อวัยรุ่นที่มีน้ำหนักเกินไม่ได้ต่างจากหนังวัยรุ่นอเมริกันเรื่องอื่น แต่เอาล่ะ WHAT THE FACT จะขอยืนข้างคนดูแล้วพิสูจน์ซีรีส์ทั้ง 12 ตอนด้วยตัวเอง
จริงอยู่ว่าแม้ตัวซีรีส์จะเล่าเรื่องได้เว่อร์สุดโต่งจนแทบขาดตรรกะไปหลายเรื่อง ลำพังแค่การผอมของแพตตี้ก็ดูโอเวอร์เพียงเพราะเธอกรามแตกและกินอาหารเหลวแค่ไม่กี่อาทิตย์ แต่หุ่นกลับดูฟิตเปรี๊ยะ ผอมปังได้อะไรขนาดนั้น มิหนำซ้ำนางยังขาดความมั่นใจเรื่องตัวเองเคยอ้วนจนนอยด์
กลายเป็นว่าตัวซีรีส์ก็ยังผลิตซ้ำค่านิยมเรื่องหนัง HDรูปร่างอยู่ดีแม้จะให้เหตุผลว่าตัวละครไม่เคยมีใครสนใจและขาดความอบอุ่นในครอบครัวมาทั้งชีวิตก็ตาม ยิ่งเมื่อเหตุการณ์ในซีรีส์ดำเนินไปสู่ช่วงหลังก็ไม่ได้มีเพียงเรื่องความผอมของแพตตี้อย่างเดียวเพราะมันยังเอาล่อเอาเถิดถึงขั้นพูดถึงการค้นพบเพศสภาพตัวเองในวัยรุ่น(หรือแม้กระทั่งตัวละครผู้ใหญ่ที่แต่งงานแล้ว)
แถมลากยาวแถไปเกี่ยวกับเรื่องศาสนาและความชั่วร้ายภายในที่ดั๊นมาผูกกับเรื่องความรู้สึกว่าตัวเองน่าเกลียดของแพตตี้จนไม่แปลกใจที่มันถูกเหล่านักวิจารณ์สับเละ แต่หากมองในแง่ความบันเทิงก็ต้องยอมรับว่าตลอด 12 ตอนของ Insatiable คือซีรีส์ที่เรื่องราวจัดจ้าน บ้าบอคอแตกและบันเทิงแบบไม่ลดละเลยสักตอน จนเหมาะแก่การดูแล้วมาแลกเปลี่ยนความเห็นกันระหว่างคนดูไม่แพ้ 13 Reasons Why หรือ Riverdale ของเน็ตฟลิกซ์เลยล่ะ
จะว่าไปสิ่งที่โดดเด่นมากๆของ Insatiable คงหนีไม่พ้นการแสดงของเหล่านักแสดงที่แม้จะไม่ดังมากแต่ก็มีเสน่ห์ในแบบของตนเอง ทั้ง เดบบี ไรอัน ที่มารับบทแพตตี้ ด้วยรูปลักษณ์แบบสาวฮอตหุ่นอวบอั๋นซึ่งเหมาะมากกับอดีตดาราเด็กช่องดิสนี่ย์อย่างเดบบี ที่ใช้เสน่ห์เฉพาะตัวมาดึงความสนใจจากคนดูได้ทุกซีนที่ปรากฏตัว ใครล่ะจะห้ามใจกับใบหน้าดูไร้เดียงสาแต่ความฮอตแบบเชพบ๊ะของนางได้ต่อให้บทลากแพตตี้ไปเจอเรื่องซวยต่างๆนานาหรือกระทั้งทำเรื่องชั่วร้าย คนดูก็พร้อมจะเอาใจช่วยเธออยู่ดี
ไม่เพียงเดบบี ไรอัน หรือเหล่านักแสดงวัยรุ่นหน้าตาดีเท่านั้น ต้องยอมรับว่า Insatiable ยังสร้างเรื่องราวและจุดขัดแย้งให้ตัวละครวัยผู้ใหญ่ได้น่าสนใจ (และแอบชวนจั๊กกะจี๋มากๆ) ทั้งบ็อบ อาร์มสตรองที่ได้ ดัลลาส โรเบิร์ต มารับบททนายสายแหววที่มุ่งปั้นแพตตี้เป็นนางงามแต่นางกลับถูกบีบจากอดีตแม่ของเด็กปั้นที่มุ่งดับฝันฮีโดยเฉพาะ
ส่วนตัวละคร บ็อบ บาร์นาร์ด ที่ได้คริสโตเฟอร์ กอร์แฮม มารับบทอัยการสายถอด เอะอะถอดเสื้อโชว์กล้ามและมักเป็นไม้เบื่อไม้เมากับ บ็อบ อาร์มสตรอง ก็น่าจะเป็นอาหารตาของเหล่าสาวๆได้อย่างแน่นอน ส่วน เอลิซา มิลาโน ก็รับบท คอราลี ได้อย่างมีสเน่ห์ชวนมอง และยิ่งเรื่องราวในช่วงหลังของซีรีส์เพิ่มมิติเรื่องครอบครัวเข้ามาก็ยิ่งทำให้ทั้ง 3 ตัวละครนี้ทวีความแซ่บขึ้นเรื่อยจนเกิดฉากพีคๆที่แอบบอกไปในวงเล็บแล้วว่าจั๊กกะจี๋มว๊ากมว๊าก
วิเคราะหลังดู
เราคิดว่าหลายๆ คนน่าจะเคยมีความรู้สึกที่ว่า อยากจะเป็นคนที่ดูดีกว่านี้ อยากจะผอมกว่านี้ อยากจะสวยหล่อกว่านี้ อยากจะเป็นคนป๊อปปูลาร์ ถ้าเป็นได้ ชีวิตคงจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น และคงกล้าที่จะทำในสิ่งที่ตอนนี้ไม่กล้าทำ เพียงเพราะข้อจำกัดด้านรูปลักษณ์ของตัวเองแพ็ตตี้จาก Insatiable ก็น่าจะเป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน
แพ็ตตี้คือสาวอ้วนที่มักโดนเพื่อนๆ ในโรงเรียนกลั่นแกล้ง ได้รับฉายาว่า Fatty Patty และมักจะกินอาหารระหว่างดูทีวีอย่างไม่รู้สึกผิด อยู่มาวันหนึ่งเธอได้รับบาดเจ็บจึงต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลนานถึง 3 เดือน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เธอไม่สามารถกินอะไรได้เลยนอกจากอาหารเหลว ช่วงเวลา 3 เดือนนั้นแหละคือจุดเปลี่ยนชีวิตของเธอ เพราะหลังจากนั้นเธอได้กลายเป็นสาวสวยรูปร่างผอมเพรียวราวกับเป็นคนละคน และเมื่อเธอได้กลายเป็นคนสวย เธอก็ถือโอกาสนี้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ รวมถึงแก้เผ็ดใครหลายๆ คนที่เคยทำแสบไว้กับเธอ โดยได้ความช่วยเหลือจากบ๊อบ อาร์มสตรอง ทนายหนุ่มวัยกลางคนที่มีอาชีพเสริมเป็นโค้ชนางงาม…แค่นี้ก็รู้สึกได้ถึงความสุดโต่งและความขัดแย้งในตัวมันเองแล้ว นี่แค่เบาะๆ เพราะบอกก่อนเลยว่าเรื่องนี้นอกจากจะสนุกและตลกจนต้องหลุดขำออกมาแล้ว (ปกติเราหลุดขำยากมาก) เรื่องนี้มีความพิเศษคือความล้นของสถานการณ์และตัวละครที่มีความ extra กันสุดๆ ชนิดที่ว่าเราไม่สามารถคาดการณ์ได้เลยว่าเนื้อเรื่องจะเอาประเด็นอะไรมาเล่น คือมันมีหลากหลายมาก และมีจุดหักมุมที่อาจจะต้องร้อง WTF ออกมา
Insatiable = ความต้องการที่ไม่เคยถูกเติมเต็มจนเพียงพอ
ตัวซีรีส์ชูประเด็นนี้มากพอสมควรผ่านตัวละครหลายๆ ตัว จะสังเกตได้ว่าตัวละครแต่ละตัวมีความมุ่งมั่นต้องการในสิ่งที่แตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่นแพ็ตตี้: อยากเป็นสาวสวยที่เพียบพร้อม
บ๊อบ อาร์มสตรอง: อยากพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้โหลยโท่ย
คอราลี: อยากเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไฮโซ
ครอบครัวบาร์นาร์ด: อยากคีพภาพลักษณ์ให้ดูดีเสมอ
ขอหยิบยกมาเพียงบางเคสละกัน เริ่มจากแพ็ตตี้ก่อนเลย สมัยที่เธอยังอ้วน เธอไม่เคยพอกับการกิน เธอสามารถหยิบยกอาหารปริมาณมหาศาลมานั่งกินกลางดึกได้โดยไม่รู้สึกผิด แน่นอนว่าเธอไม่โอเคกับรูปร่างตัวเองหรอก แต่ทำไงได้ ก็อาหารเป็นเพื่อนแท้ของเธอนี่
แต่เมื่อแพ็ตตี้ผอมลง อาหารไม่ใช่สิ่งที่จะเติมเต็มความต้องการของเธออีกต่อไป ในทางตรงกันข้าม เธอพยายามไม่กลับไปหามันเพราะเธอกลัวว่ามันจะทำให้เธออ้วนอีก ตอนนี้เธอมีความมั่นใจมากขึ้น มีต้องการที่มากกว่าเดิม เธออยากได้รับการยอมรับ อยากมีแฟนหนุ่มหล่อ อยากแก้เผ็ดคนที่เคยรังแกเธอ อยากเป็นนางงาม อยากมีครอบครัวที่อบอุ่น ฯลฯ และเธอคิดว่าความสวยที่เธอได้รับมา มันจะสามารถทำให้เธอมีสิ่งเหล่านั้นได้
ซึ่งแน่นอน แพ็ตตี้ได้รับหลายสิ่งที่เธอต้องการ แต่สุดท้ายเธอก็ยังไม่รู้สึกพอ ที่สำคัญเธอดูเหมือนจะทุกข์มากกว่าเดิม ด้วยวิธีการต่างๆ และสถานการณ์ที่เธอเลือกเดินทางไปหา มันทำให้ชีวิตเธอวุ่นวายกว่าเดิมอีก จะเรียกว่าความมั่นใจเกินร้อยของแพ็ตตี้กลายเป็นดาบสองคมก็คงไม่ผิดนักในกรณีนี้ เพราะมันทำให้เธอหลงผิดในบางกรณี จนส่งผลกระทบวงกว้างต่อคนอื่นๆ รวมถึงตัวเธอเอง
คอราลีคืออีกหนึ่งคนที่มีความคล้ายคลึงกับแพ็ตตี้ คือเว็บสตรีมหนังอยากที่จะได้รับการยอมรับเหมือนกัน เธอเป็นภรรยาของบ๊อบ อาร์มสตรอง เป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่อยากจะร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกสังคมไฮโซ อยากจะได้รับการยอมรับ จึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองได้รับชื่อเสียง และขึ้นชื่อว่าทำเพื่อส่วนรวม นั่นเพราะต้นกำเนิดเธอเป็นเพียงคนธรรมดาที่ใช้ชีวิตอยู่ในรถเทรลเลอร์ การได้แต่งงานกับบ๊อบ อาร์มสตรอง เปลี่ยนชีวิตเธอให้กลายเป็นคนในสังคมชั้นสูง เธอจึงพยายามไขว่คว้าการยอมรับจากเพื่อนร่วมวงการเพื่อไม่ให้เสียหน้าและรู้สึกว่าตัวเองอยู่คนละชั้น
คอราลีมักจะอิจฉาครอบครัวบาร์นาร์ด อันประกอบไปด้วยบ๊อบ บาร์นาร์ด (ต้องใส่นามสกุลตามหลังเพราะเหตุนี้แหละ) เอ็ททา เม ผู้เป็นภรรยาของบ๊อบ และแม็กโนเลีย ลูกสาว ครอบครัวนี้ดูภายนอกนั้นแสนจะเพอร์เฟ็กต์ ไม่ว่าจะด้านรูปลักษณ์หน้าตา หน้าที่การงาน ความสามารถ หรือ connection กับผู้คนสำคัญๆ แต่หารู้ไม่ว่าเบื้องหลังความเป๊ะนี้ ครอบครัวบาร์นาร์ดก็มีดราม่าที่ไม่บอกใครเหมือนกัน แสดงให้เห็นเลยว่าอยากไปตัดสินอะไรจากภายนอก มันไม่มีอะไรเพอร์เฟ็กต์ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก สิ่งที่เค้าแสดงให้เราเห็น อาจจะไม่ใช่เรื่องทั้งหมด ก็เหมือนรูปภาพที่โพสในอินสตาแกรมนั่นแหละ
บางทีชีวิตที่เรียบง่ายและพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี คงจะเป็นชีวิตที่มีความสุขที่สุดแล้ว
To be Beautiful = To be Someone
นอกจากประเด็นเรื่องความต้องการที่ไม่มีวันถูกเติมเต็ม ความต้องการเรื่องการถูกยอมรับนั้นก็ถูกย้ำค่อนข้างเยอะ เห็นได้ชัดจากตัวละครอย่างแพ็ตตี้ที่เราเกริ่นไว้ข้างต้นว่าเธออยากจะสวยเพราะคิดว่าเมื่อสวยเมื่อไรคงได้เป็นคนสำคัญกับเค้ามั่งสักที นั่นเป็นเพราะสังคมขีดเส้นมาตรฐานบูชาคนที่ดูดีมันไม่ผิดที่แพ็ตตี้จะรู้สึกแบบนั้น เพราะสังคมก็ทำอย่างนั้นกับเธอจริงๆ ตอนที่เธออ้วน เธอเป็นเหยื่อของการรังแก เป็นคนนอก เป็นคนนก เป็นคนที่ไม่มีใครสนใจอยากให้ความช่วยเหลือ และเธอก็ได้กัดจิกว่าคนที่ไม่ได้ดูดีโดยรูปลักษณ์นั้นแม้จะโดนรังแกก็มักจะถูกคนมองผ่าน เพราะเห็นว่าคนกลุ่มนี้ไม่ได้น่าสงสารและมันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะโดนรังแก แต่สำหรับคนทั่วไปที่ไม่ได้มีลักษณะพิเศษโดดเด่นออกมา หากโดนรังแก แล้วสังคมจะให้ความเห็นใจอย่างมาก เธอบอกว่ามันช่างไม่แฟร์เอาซะเลย
Insatiable เป็นซีรีส์ที่ดูเผินๆ เหมือนจะไร้สาระและล้นไปมาก แต่อันที่จริงแอบแฝงประเด็นเรื่องการรู้จักตัวเองและพฤติกรรมทางสังคมที่เราอาจจะเห็นกันอยู่ทุกวันแต่ไม่ทันได้สังเกต ทางด้านการดำเนินเรื่องนั้นไม่ต้องกังวล เพราะสนุกสนานฉับไว้ไม่น่าเบื่อเลย และแน่นอนว่าปล่อยมุกตลกกันแบบไม่ยั้ง ต้องยกเครดิตให้นักแสดงและตัวละคร ทั้งตัวหลักและตัวรอง ที่แสดงกันได้ exaggerate สุดๆ (นี่ชมนะ) ตัวรองที่โดดเด่นโคตรๆ คือคู่แม่ลูกเก๊อย่างเรจิน่า และลูกสาวเชื้อชาติจีนอย่างดิกซี่ ที่โผล่มาทีไรก็ชวนให้ฮาปนหมั่นไส้ตลอด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น