วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

The King Eternal Monarch

หนัง HD

รีวิว The King Eternal Monarch จอมราชัน บัลลังก์อมตะ

ซีรีส์เปิดตัวแรงที่โชว์ให้เห็นทั้งงานสร้างสุดอลังการ และพล็อตเรื่องที่น่าสนใจได้ตั้งแต่ทีเซอร์ตัวแรกที่ปล่อยออกมา ทั้งยังเป็นผลงานซีรีส์เรื่องแรกของ ‘อีมินโฮ’ ในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่โบกมือลาแฟน ๆ เข้ากรมทหารไป การกลับมาครั้งนี้ของสามีแห่งชาติจึงเข้ามาสร้างความคาดหวังเอาไว้ในใจคนดูในทันที ว่ามันจะต้องกลายเป็นอีกหนึ่งซีรีส์แห่งปี ไม่แพ้ Crash Landing On You อย่างแน่นอน รีวิว The King Eternal Monarch

เรื่องย่อ 

ซีรีส์เรื่องนี้เป็นเรื่องของโลกคู่ขนานและการเล่นกับห้วงเวลาไปพร้อมกัน โดยเรื่องราวเปิดมาที่อนาคตก่อนเรื่องจริงจะดำเนินไปในช่วงหลัง ผ่านเรื่องเล่าของ “อีริม” (รับบทโดย Lee Jung-Jin) ชายปริศนาอายุ 70 ปีผู้เล่าถึงประวัติตัวเองว่ามาจากอีกโลกหนึ่ง ในช่วงปีของจักรวรรดิเกาหลี 1994 กับการแย่งชิงขลุ่ยวิเศษ “มันพาชิกช็อก” ที่มีอำนาจลี้ลับหลายอย่างแฝงอยู่ และเป็นสมบัติแห่งชาติของจักรวรรดิเกาหลีในโลกแห่งนี้ และเขาต้องสังหารน้องชายผู้ครองบัลลังค์พร้อมกับ “อีกน” หลานชายเพื่อให้ได้ของสิ่งนี้มา แต่แผนกลับผิดพลาดจากการปรากฏตัวอย่างลึกลับของคนผู้หนึ่งที่ได้เข้ามาช่วยชีวิตอีกอนไว้ได้ อีริมจึงต้องหนีไปและได้ข้ามประตูมิติในป่าไผ่มายังโลกปกติที่ปกครองด้วยระบบสาธารณะรัฐ มีประธานาธิบดีเป็นประมุข โดยราชวงศ์เกาหลีได้สูญสิ้นไปแล้วในปัจจุบัน เขาได้มาพบตัวเองและหลายชายในโลกแห่งนี้อีกครั้งที่มีสถานะเป็นเพียงคนธรรมดา ก่อนจะสังหารทั้งคู่ลงอีกครั้ง

ในเวลาต่อมาเจ้าชายอีกนได้เสด็จขึ้นครองราชย์ เป็นสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งราชวงศ์อีสืบต่อจากพ่ในเวลาต่อมาเจ้าชายอีกนได้เสด็จขึ้นครองราชย์ เป็นสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งราชวงศ์อีสืบต่อจากพ่อ และก็พยายามตามหาหญิงสาวปริศนาที่คาดว่ามาช่วยเขาในวัยเด็ก จากการที่ป้ายห้อยคอของเธอหล่นในวันนั้น และระบุว่าเป็นตำรวจ วันหนึ่งอีกนก็ได้พบประตูมิติในป่าไผ่ และก็ข้ามประตูมาพร้อมกับม้าขาวคู่ใจมายังโลกอีกด้าน จนมาเจอกับ “จองแทอึล” (รับบทโดย Kim Go-Eun) หญิงสาวที่เขาตามหาในโลกแห่งนี้มาตลอดชีวิต

แต่สิ่งที่น่าชมก็คือ การเซ็ทโลกสมมุติ จักรวรรดิเกาหลีปี 1994 ทั้งในอดีตและปัจจุบันปี 2019 (ปีในเรื่องหลัก) ซึ่งต้องใช้จินตนาการสูงพอสมควรว่าการที่ราชวงศ์เกาหลีไม่สิ้นการปกครองมาถึงปัจจุบันจะเป็นอย่างไร  ซึ่งก็มีการเซ็ทฉากผสมกับการใช้ CG รวมกัน มีภาพมุมสูงโชว์ให้เห็นของสิ่งก่อสร้างอย่างในจินตนาการอย่างพระราชวังปูซาน

มีการถวายการอารักขาสมเด็จพระจักรพรรดิแบบเข้มงวดทุกภารกิจที่ไป อย่างการอ่านนิทานให้เด็กฟัง ซึ่งสถานะราชวงศ์ในโลกนี้ได้รับความนิยมจากประชาชนมาก เรียกว่าเป็นหน้าตาของประเทศ มีข่าวลงสื่อให้คนได้จิ้นจับคู่นายกรัฐมนตรีหญิงเข้ากับจักรพรรดิอีกน ที่ยังครองความเป็นโสดแม้อายุจะมากถึง 30 ปีแล้วก็ตาม ซึ่งในส่วนของนายกหญิงคู (รับบทโดย Jung Eun-Chae) จะเป็นบทสมทบที่มาเกี่ยวข้องกับเรื่องความรักกับพระเอก เพราะเธอพุ่งเป้าต้องการเป็นมเหสีให้ได้อย่างชัดเจนตั้งแต่แรกเริ่ม

ด้านเนื้อเรื่อง

ตัวเรื่องหลังจากรับชมช่วงแรกยังค่อนข้างธรรมดามากไปสำหรับการวางตัวเป็นแนวเรื่องแฟนตาซีโลกคู่ขนานกับการท่องเวลา ซึ่งพล็อตเรื่องแนวนี้ทำกันมาเกร่อมากๆ และมีเหตุมีผลอธิบายอะไรได้มากกว่าเรื่องนี้ที่จู่ๆ ก็เปิดประตูมิติมาเลย หรือการวางเรื่องว่ามีการย้อนเวลาจากอีกโลกไปอีกโลก เพื่อช่วยตัวเอกและมีการทิ้งของสำคัญไว้ให้ตามหา ก็เป็นอะไรที่เรื่องอื่นใช้กันมาเยอะแล้ว ทำให้การรับชมจนถึงปัจจุบันยังไม่รู้สึกว้าวอะไรกับบทได้เลย มีเพียง CG ในส่วนแฟนตาซีต่างๆ ที่ดูดีหน่อย

แต่ก็ไม่ถึงขนาดเนี๊ยบ เพราะยังรู้สึกออกแนวการ์ตูนมากกว่าสมจริง ยิ่งการเน้นโยงกับเรื่อง อลิซในแดนมหัศจรรย์ (Alice in Wonderland) ให้มีคนใส่ชุดกระต่ายนำทางพระเอกไปอีกโลกยิ่งดูประหลาดแบบการ์ตูน ไม่เข้ากับเรื่องที่เปิดมาตอนแรกกับฉากการก่อกบฏนองเลือดเลย แต่มีจุดที่น่าสนใจคือการวางตัวร้าย “อีริม” (มีสถานะเป็นลุงของพระเอก แต่ถูกปลดออกจากราชวงศ์แล้ว) ให้มาอยู่ในโลกปกติของเราเพื่อวางแผนการชิงอำนาจกลับมา โดยมีอำนาจอิทธิพลอยู่แบบลับๆ ทั้ง 2 โลก และตั้งแต่ช่วง EP3 ไปหนังเริ่มเล่นมีการหยุดเวลามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งก็จะเชื่อมกับการข้ามมิติไปมาของทั้งพระเอกและตัวร้าย ที่ทั้งคู่เริ่มรับรู้การมีอยู่ของทั้งสองโลกและของกันและกัน

สงครามน่านน้ำระหว่างประเทศญี่ปุ่น VS. เกาหลี

ตัวเรื่องมีเกริ่นมานิดๆ หน่อยๆ ตลอดเวลาว่าจักรวรรดิเกาหลีที่พระเอกปกครองอยู่ในโลกคู่ขนานเจอปัญหาจากการคุกคามของญี่ปุ่น ซึ่งตามข้อเท็จจริงในโลกเราปกติทั้งคู่มีข้อพิพาทแย่งเกาะเล็กๆ ในทะเลกันอยู่ แต่ที่เป็นข่าวบ่อยๆ คือกับการรุกล้ำน่านน้ำญี่ปุ่นของเกาหลีเหนือเพื่อมาทำประมงมากกว่า ในซีรีส์นี้เกาหลีไม่ได้แบ่งประเทศ แต่แบ่งเป็นภาคเหนือกับใต้ เรื่องก็เลยเปลี่ยนเป็นญี่ปุ่นมารุกรานโดยตรงแทน ซึ่งจะมีฉากรบทางน้ำ พร้อมฝ่าบาทเปลี่ยนชุดเป็นจอมพลสูงสุดลงมาบัญชาการเรือรบโจมตีญี่ปุ่นเองในตอนที่ 6 ซึ่งก็ถือว่าลงทุนทำฉากให้ดูยิ่งใหญ่ไม่น้อย

โดยใช้ฟุตเทจเก่าความละเอียดหยาบนิดๆ มาประกอบ (เข้าใจว่าไม่ได้ใช้ CG เป็นหลัก) มีฉากยิงปืนใหญ่จากเรือให้เห็นพอหอมปากหอมคอ ก็ถือว่าพอทำให้เห็นว่าเรื่องราวของซีรีส์น่าจะมีโอกาสหยิบเรื่องสงครามกับญี่ปุ่นมาเกี่ยวข้องด้วยต่อไปอีก เพราะเกาหลีในเรื่องนี้ถือว่ายิ่งใหญ่กว่าโลกปกติมาก และก็บีบบังคับให้ญี่ปุ่นยอมขอโทษ โดยใช้การงดส่งออกแร่หายาก “แรร์เอิร์ธ” มาเป็นมาตรการกดดัน (ในความจริงเรื่องแรร์เอิร์ธนี้มาจากจีนที่ผลิตมากสุดแล้วมากดดันที่อื่นจนเป็นข่าวดังช่วงก่อน)
ปล.ญี่ปุ่นในเรื่องนี้ทำเหมือนสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ดูแล้วเก่ามาก แบบจงใจไม่ให้ดูดีแบบกองเรือรบเกาหลีเลย

ความรู้สึกหลังดู

โลกคู่ขนานในฉบับเกาหลี
มันก็จริงที่ ‘The King Eternal Monarch จอมราชัน บัลลังก์อมตะ’ อาจไม่ใช่ซีรีส์เกาหลีเรื่องแรกที่พยายามจะดึง ‘ทฤษฎีโลกคู่ขนาน’ มาใช้เป็นแกนหลักในการดำเนินเนื้อเรื่อง เพราะไม่ว่าจะเป็น Signal , Time Slip Dr. Jin , W two worlds ฯลฯ ต่างก็เป็นซีรีส์เกาหลีชั้นเยี่ยมที่เล่าเรื่องราวในโลกคู่ขนานให้ออกมาลึกซึ้งและสนุกสนาน จนสร้างความประทับใจให้คนดูได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะเดียวกันหนัง HD ก็คงไม่มีซีรีส์เรื่องไหนที่กล้าบ้าบิ่นมากพอจะรื้อประวัติศาสตร์ที่มีอยู่จริงของชาติตัวเองกลับไปจนถึงจุดเปลี่ยนสำคัญบางอย่างในอดีต แล้วล้างไพ่ทั้งหมดที่มีเพื่อสร้างโลกอีกใบขึ้นมาใหม่ โลกที่ไม่เคยมีอยู่จริง โลกที่ไม่มีตัวอย่างใดให้เห็น โลกที่จักรวรรดิเกาหลี (the Kingdom of Corea) ยังไม่สิ้นการปกครองภายใต้ระบอบกษัตริย์แบบทุกวันนี้ และยังคงดำรงการปกครองโดยราชวงศ์มาได้จนถึงปัจจุบัน

รีวิว The King Eternal Monarch
เราจึงจะได้เห็นอารยธรรมใหม่ บรรยากาศใหม่ของจักรวรรดิเกาหลี ที่ยังคงกลิ่นอายเดิมที่เราคุ้นเคยไว้ได้อย่างดี แต่ก็มีรสชาติใหม่ ๆ ผสมเข้ามา ทั้งราชวังที่สวยงามตระการตาแบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหน รถรางใจกลางเมืองหลวงพร้อมสภาพเมืองที่เปลี่ยนไป หรือแม้กระทั่งพระราชพิธีต่าง ๆ ก็สร้างดูหนังผ่านเน็ต ขึ้นมาใหม่ได้อย่างงดงามและสมจริงจนน่าขนลุก

และเมื่อพูดถึงเรื่องราวของโลกคู่ขนานแล้ว แน่นอนว่าอีกหนึ่งความน่าสนใจของเรื่องนี้ก็ต้องตกไปอยุ่ที่ปม ‘ตัวละคร’ ต่าง ๆ ที่หากว่า ตัวเราในโลกหนึ่งเป็นคนแบบนี้ แต่ตัวเราอีกคนในอีกโลกหนึ่งก็จะกลับเป็นคนละขั้วกันเลยทีเดียว เช่น นิสัยใจคอ พื้นฐานตระกูลและครอบครัว รวมไปถึงชนชั้นทางสังคมที่ต่างเป็นคู่ตรงข้ามของกันและกันเหมือนกับ ‘หยินหยาง’ ทำให้สามารถสอดแทรกประเด็นสังคมสุดฮอตอย่างเรื่อง ‘ความเหลื่อมล้ำในสังคม’ ในเนื้อเรื่องได้อย่างแนบเนียนและน่าสนใจ ส่งผลให้ซีรีส์เรื่องนี้ดูมีคุณค่า และดูคุ้มค่าต่อการรับชมมากเลยทีเดียว

จุดเด่น

แม้ระหว่างทางที่กำลังฉายซีรีส์เรื่องนี้อยู่จะเจอมรสุมทั้งกระแสซีรีส์ที่ไม่เปรี้ยงอย่างที่คิด หรือจะเกิดกระแสแอนตี้ ‘คิมโกอึน’ ในบทบาทนางเอกคู่กับพระเอกดังอย่าง ‘อีมินโฮ’ ขึ้นทั้งในเกาหลีและไทย ด้วยเหตุผลที่ว่า ‘เพราะไม่สวยพอจึงทำให้ซีรีส์แป้ก’ ‘เพราะไม่เด่นพอจะเคียงคู่กับพระเอกดัง’ หรือแม้กระทั่ง ‘ทำไมถึงเป็นนางเอกได้ทั้งที่หน้าตาธรรมดา’ และอีกสารพัดเหตุผลที่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า ในฐานะคนที่เลือกจะดู Ep. 2 ต่อไป ‘คิมโกอึน’ นี่แหละคือความหวังเดียวของหมู่บ้านเลยก็ว่าได้!

เ พราะทั้งตอนของ Ep. 2 นั้นเต็มไปด้วยความน่าเบื่อ อืดอาดยืดยาด และการเล่าเรื่องชวนหลับแทบทั้งสิ้น จนเรื่องราวไม่มีอะไรคืบหน้าไปมากกว่า Ep. 1 เลย แถมยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกได้ว่าคาแร็กเตอร์ ‘พระเจ้าอีกน’ (แสดงโดยอีมินโฮ) นั้น นอกจากการตีความบทบาทและแสดงออกถึงบุคลิกความเป็นกษัตริย์หนุ่มผู้แสนสุขุมและอบอุ่นที่มินโฮเองก็ทำได้ดีแล้ว

มุมอื่น ๆ ที่เหลือของตัวละครนี้ก็แทบจะไม่มีอะไรที่ทำให้เราภักดีกับซีรีส์เรื่องนี้ได้อีกต่อไป ทั้งความบทพูดแสนน้ำเน่าที่ชอบโพล่งออกมาแบบไม่รู้เวล่ำเวลา ความเพ้อเจ้อ และดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้านอะไรใด ๆ เลย กับการที่เขาหลงมิติมายังที่ไหนก็ไม่รู้ แถมยังหาทางกลับไม่ได้ การพบเจอกับเรื่องราวแฟนตาซีหลุดโลกขนาดนี้

เรากลับไม่ได้เห็นความพยายามแก้ปัญหาหรือท่าทีตระหนกใด ๆ ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งแม้แต่น้อย หนำซ้ำยังมีเวลามาใจเย็นตามจีบนางเอกด้วยคำพูดคำจาที่ดูไม่น่าเชื่อถือ พร่ำเพ้อถึงแต่เรื่องอีกโลกหนึ่งอยู่ได้ทุกวี่วัน จนกลายเป็นตัวละครน่ารำคาญไปซะงั้น ความพังหลาย ๆ อย่างใน  Ep. 2 ล้วนมีส่วนทำให้ความน่าสนใจของซีรีส์เรื่องนี้มาถึงจุดวิกฤตหนักเข้าจนได้

แต่ในทางตรงกันข้าม กับบทบาทตำรวจหญิงแกร่งอย่าง ‘จองแทอึล’ (นำแสดงโดย คิมโกอึน) ที่ดูเหมือนจะเป็นผู้หญิงธรรมดา  ๆ ไม่ได้สวยสะดุดตาอะไรมากมาย (ขนาดแต่งหน้าน้อย ๆ ยังน่ารักขนาดนี้) แต่เธอมาพร้อมคาแร็กเตอร์หญิงสาวผู้แข็งแกร่งทั้งภายนอกและภายใน นิสัยขวางโลกไม่ยอมใคร และเลือกจะเก็บซ่อนความอ่อนไหวเอาไว้ เธอจึงกลายเป็นตัวละครชูโรงที่มีมิติด้านอารมณ์มากกว่าตัวละครไหน ๆ และนั่นจึงเป็นเสน่ห์เดียวของเรื่องราวที่เรายังพอจะไปต่อด้วยได้ แม้ในใจจะแอบคิดว่าซีรีส์เรื่องนี้มันควรดีได้มากกว่านี้ก็เถอะ

รายละเอียดแน่น

อย่างที่เกริ่นเอาไว้ในช่วงแรกว่านี่คือซีรีส์ที่งานสร้างอลังการ ภาพสวยสมจริง มุมกล้องปราณีต และนักแสดงก็ดูสวยหล่อน่ามองไปหมด บ่งบอกให้เห็นถึงความพิถีพิถันตั้งใจของทีมงาน จนในใจก็แอบหยวน ๆ ให้กับความพังในบางจุดของเนื้อเรื่องได้อยู่ ถึงแม้ว่าการดำเนินเรื่องยังคงไม่คืบหน้าเท่าไหร่นัก แต่ทุกอย่างก็เริ่มกลับมาเข้าที่เข้าทางบ้างแล้วใน Ep. 3 – Ep. 6 ที่ซีรีส์ยังคงทำหน้าที่หย่อนปมปริศนาเพิ่มเติมและเริ่มขยี้จุดชวนสงสัยในตอนก่อนหน้านี้มากขึ้น แถมแต่ละตัวละครก็เริ่มมีพัฒนาการที่น่าสนใจให้ได้เห็นกันมากขึ้นเรื่อย ๆ

เช่น การเล่าถึงแผนการอันแยบยลของตัวร้ายสุดโหดอย่าง ‘อีริม’ ที่จะกลับมาทวงบัลลังก์คืนในไม่ช้า หรือแม้กระทั่งการมาถึงอีกโลกหนึ่งเป็นครั้งแรกของนางเอก รวมไปถึงชั้นเชิงการเล่าเรื่องของซีรีส์ ที่เริ่มจะผูกโยงเรื่องราวที่ปูทางเอาไว้แต่แรกให้คนดูได้เข้าใจและร่วมลุ้นไปกับตัวละครมากขึ้น แต่ประเด็นน่าสนใจอื่น ๆ ที่จะชวนให้เราหยิบยกขึ้นมาพูดถึงนั้นยังคงมีน้อยมากเหลือเกิน ถ้าแทบกับซีรีส์อื่น ๆ ที่มีจำนวนตอนมากขนาดนี้แล้ว จนหวังว่าใน Ep. ต่อ ๆ ไปซีรีส์จะเริ่มรู้ทันคนดูและพยายามเร่งเครื่องให้มากกว่านี้ เพราะไม่อย่างนั้นความตั้งใจในการทำซีรีส์ของทีมงาน และความตั้งใจในการติดตามดูต่อของคนดู ก็คงจะเสียเปล่าพอ ๆ กันอย่างน่าเสียดาย

สรุป

เนื้อเรื่อง EP1-6 ยังเรียกว่าเดินเรื่องไม่ได้น่าติดตามสักเท่าไหร่ เรื่องดูเป็นแนวแฟนตาซีไซไฟแต่ทำออกมาดูธรรมดาทั่วไป และก็ไม่เดินหน้าเรื่องราวไปสักเท่าไหร่ วนๆ กับการขายความหล่อเท่ของพระเอก เพราะเรื่องถูกวางเป็นแฟนตาซีโรแมนซ์เป็นหลัก ซึ่งในสายโรแมนติกตัวหนังทำออกมาได้ดีอยู่แล้ว มีฉากชวนฝันเยอะ แต่ตัวนางเอกก็มีความง่ายจนเกินไปจากตอนแรกหัวดื้อไม่เชื่อมาก พอข้ามโลกไปได้ก็กลายเป็นอ่อนระทวยยอมไปหมด หันมารักพระเอกทันทีจนไม่มีลุ้นอะไรเลย แต่สิ่งที่เตะตาน่าสนใจคือการสมมุติว่าราชวงศ์เกาหลียังสืบทอดมาถึงยุคปัจจุบันจะมีหน้าตาเป็นเช่นไร อันนี้เป็นส่วนที่ต้องชมว่าทำได้ดีและมีความน่าสนใจเสมอเมื่อเรื่องเดินไปยังโลกฝั่งนี้ครับ


EP7-8 ถึงค่อยมีเนื้อหาที่น่าติดตามจากการที่พระเอกพาองค์รักษ์ข้ามมาเจอตัวเองอีกฝั่งมาเจอตัวเอง พร้อมกับเริ่มเดินหน้าสืบสวนหาตัวร้ายในโลกปกติ และก็เริ่มเผยให้เห็นแผนการหลักของตัวร้ายอีริม พร้อมทั้งเปิดตัวละคร “คนใส่ชุดฮู้ดกระต่าย” ที่ค้างไว้เป็นปริศนาในตอนเริ่มเรื่องสักทีว่าคือใคร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น