รีวิว Vagabond เจาะแผนลับเครือข่ายนรก
Vagabond หรือ Baegabondeu (배가본드) ซึ่งแปลว่า คนพเนจร เป็นดราม่าซีรีส์จำนวน 16 ตอน ที่ออกอากาศทางช่อง SBS (Seoul Broadcasting System) ทุกคืนวันศุกร์-เสาร์ เวลา 4 ทุ่มเป็นต้นไป และออกอากาศผ่านทางสตรีมมิ่งชื่อดังอย่าง เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) ในเวลาเดียวกัน ไม่ต้องรอให้ออนแอร์ในเกาหลีครบแล้วค่อยมาลงทีเดียว เรียกว่าบ้านเราได้ดูผ่านเน็ตฟลิกซ์ไปพร้อม ๆ กับทางเกาหลีแบบไม่มีโฆษณาคั่นด้วย (ดีกว่าอีกแน่ะ) รีวิว Vagabondเรื่องย่อ
สตันท์แมนนามว่า ชาดัลกอน (ลีซึงกิ) ซึ่งได้เข้ามาพัวพันกับโศกนาฏกรรมเครื่องบินตกที่มีหลานชายคนเดียวของเขานั่งไปด้วย และจบลงด้วยการพบเจอเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการคอรัปชันระดับชาติ และมีเครือข่ายโยงใยไปยังองค์กรระดับโลกด้วย ในขณะเดียวกัน โกแฮริ (แบซูจี) ลูกสาวคนโตของทหารเรือผู้ล่วงลับ ได้ตัดสินใจทำงานในหน่วยความมั่นคงแห่งชาติ (NIS) ในฐานะหน่วยสืบราชการลับประจำต่างประเทศ เพื่อเลี้ยงดูแม่และพี่น้องของเธอ แม้แฮริฝันที่จะได้ใช้ชีวิตเรียบง่ายในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐธรรมดาก็ตาม แต่ความฝันนั้นก็ถูกท้าทายเมื่อเธอบังเอิญได้พบชาดัลกอนที่กำลังตามหาความจริงในคดีเครื่องบินตก นำมาพาให้ทั้งคู่ระเหเร่ร่อนข้ามประเทศทั้งหนีคนตามฆ่า ทั้งค้นหาผู้บงการอยู่เบื้องหลัง ในฉากหลังหลายประเทศอย่างเกาหลี โปรตุเกส และโมรอกโค ด้วย ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเรื่อง Vagabond หรือ Baegabondeu (배가본드) ซึ่งแปลว่า คนพเนจรความน่าสนใจของซีรีส์นี้เริ่มที่ 2 ดารานำนั้น เป็นการกลับมาร่วมงานกันของนักแสดงชั้นแนวหน้าของเอเชียที่มีแฟนติดตามเยอะมาก ๆ อย่าง ลีซึงกิ (Lee Seung-Gi) กับ แบซูจี (Bae Suzy) นับตั้งแต่ซีรีส์ย้อนยุคเรื่อง Gu Family Book คังชิ คัมภีร์ตระกูลจิ้งจอก เมื่อ 6 ปีก่อน ซึ่งทั้งคู่ก็มีแฟนติดตามจากที่ทั้งสองเป็นศิลปินที่มีผลงานเพลงดัง
และติดตามในฐานะที่เป็นนักแสดงที่มีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่องด้วย เขาว่าดารานำมีชื่อเสียงก็โกยเรตติ้งไปเป็นกระบุงแล้ว และเพียงเปิดตัวตอนแรกก็สามารถขึ้นไปที่อันดับ 3 เป็นรองแค่ Home for Summer (여름아부탁해) ของช่องใหญ่ KBS และ A Place in the Sun (태양의계절) ของช่อง KBS2 (ทั้งสองเรื่องเป็นซีรีส์ขนาดยาวทีมีฐานแฟนแน่นเหนียวระดับ 100 ตอนขึ้น และในไทยมีให้รับชมทางสตรีมมิ่งของ viu)
ส่วนในด้านทีมงานสร้างทางเน็ตฟลิกซ์ก็ชูว่าเป็นการร่วมงานครั้งที่ 4 ของผู้กำกับ ยูอินชิค (Yu In-Sik) ที่มีผลงานคว้ารางวัลอย่าง Dr. Romantic (นี่ก็มีใน viu) และทีมเขียนบทอย่างจางยองชอล และ จางคยองซุน นอกจากนั้น นี่ยังเป็นโปรดักชันทุ่มทุนที่ถ่ายทำถึง 3 ประเทศคือ เกาหลี โปรตุเกส และโมรอคโค และจัดเต็มทั้งฉากบู๊อัดแน่นร่วมกับวิช่วลเอฟเฟกต์ที่ให้ความรู้สึกระดับหนังโรงเกาหลีเลยทีเดียว
ตามที่บอกว่านี่ไม่ใช่รีวิวเต็ม แต่เป็นการดูทรงสัปดาห์แรกที่ฉายว่าควรตามดูต่อไหม เพราะต้องรอเกาหลีฉายไปพร้อม ๆ กันรวม ๆ ก็ต้องลากยาวกัน 8 สัปดาห์ทีเดียวกว่าจะได้ดูจบ จากที่ดูมา 2 ตอนนี้ สิ่งหนึ่งที่พูดได้ คือนี่เป็นหนังแนวสืบสวนแก้ต่างที่มีเบื้องหลังเป็นอาชญากรรรมคอรัปชันในภาครัฐที่โยงใยบริษัทผู้ผลิตอาวุธและคนในรัฐบาล
ซึ่งพอฉากหลังมันใหญ่มาก ๆ แบบนี้มันก็เลยยิ่งที่ให้เล่นกับคอนทราสต์ความเล็กจ้อยของตัวเอกได้อย่างดี เพราะพระเอกโคตรธรรมดา เป็นพวกทำอะไรไม่สำเร็จหาความภาคภูมิใจในตัวเองได้ยาก มีความฝันเป็นดาราคิวบู๊แบบ บรูซ ลี แบบเฉินหลง ถึงขนาดคิดชื่อในวงการของตัวเองไว้ว่าง บรูซ ชาน เลยทีเดียว
แต่กระนั้นเขาก็แค่พวกฝีมือปลายแถวเป็นตัวประกอบเจ็บตัวที่ไม่รุ่งเอาเสียที จนท้ายสุดเพื่อหลานคนเดียวที่กำลังโตขึ้นมีค่าใช้จ่ายมากขึ้น เขาเลยต้องลาออกและขับรถแท็กซี่แทน คือคนแบบนี้เองหรือที่กำลังงัดข้อกับอำนาจที่ใหญ่ล้นฟ้าขนาดประกอบอาชญากรรมใหญ่เช่นก่อการร้าย และฆ่าปิดปากได้อย่างไม่มีใครล่วงรู้ แค่นี้เราก็ลุ้นช่วยพระเอกจะแย่แล้ว
แต่คนเขียนบทก็ยังดันดราม่าสูตรสำเร็จเข้าไปอีก เอาให้สงสารจับใจกันไปเลย เพราะสาเหตุที่ทำให้ชาดัลกอนต้องไปพัวพันกับเรื่องใหญ่นี้เพราะเขาต้องสูญเสียหลานรักคนเดียวไปบนเครื่องบินที่ถูกก่อการร้ายแต่ทำให้เหมือนประสบอุบัติเหตุตกลงในโมรอคโคนั่นเอง และคลิปสุดท้ายที่หลานเขาบันทึกเพื่อขอโทษที่ทั้งสองทะเลาะกันก่อนจะมาขึ้นเครื่องดันไปถ่ายติดชายต้องสงสัยที่น่าจะเป็นคนก่อวินาศกรรมได้เข้าไปอีก
ถือว่าการวางหมากจูงด้านอารมณ์ และด้านเหตุผลต่าง ๆ ทำออกมาได้โอเคเลยนะ แม้ว่าตัวพลอตจริง ๆ ก็ยังไม่ได้ว้าวอะไรมากนะ เราเห็นหนังแนวนี้มาเยอะแล้วล่ะ แต่ซีรีส์นี้ก็หาที่ทางใหม่ของตัวเองได้ด้วยการสร้างคาแรกเตอร์แทนนี่ล่ะ แต่ก็ต้องยอมรับว่าคาแรกเตอร์พระเอกเป็นดาบสองคมพอสมควร เพราะเขามุ่งล้างแค้นจนบางทีก็ทำอะไรไม่มีเหตุผลมากเกินไป หลายครั้งเราหงุดหงิดกับการตัดสินใจที่ไม่มีสติของเขามากกว่าจะสงสารว่าเขาทำอะไรโง่ ๆ เพราะความเสียใจที่เสียหลายชายไปเสียอีกนะ
ด้านนางเอกอย่างโกแฮรี ในตอนแรกเหมือนจะถูกวางมาเพื่อหลอกคนดูว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย แต่พอตอนที่ 2 ทุกอย่างก็เหมือนจะเคลียร์ไปหมด คาแรกเตอร์เธอจะงอแง ๆ หน่อย ดูไม่มีพิษมีภัยจริง ๆ ได้ แม้เธอจะทำงานในฝ่ายความมั่นคงในฐานะสายลับก็ตาม (ก็ไม่แน่ว่าทั้งหมดก็หลอกคนดูอีก)
อย่างไรก็ดีพอตอนที่ 2 เราได้เห็นความชัดเจนอะไรมากขึ้น เมฆหมอกหนาที่ปิดบังความเข้าใจเราในตอนเปิดตัวก็พลันจางหายไป เราเริ่มแบ่งแยกฝั่งคนดีกับคนร้ายออกพอสมควร ซึ่งจะว่าไปก็ดูเร็วเกินไปล่ะนะ อาจมีพลิกอีกหลายตลบก็ได้ แต่ที่ต้องพูดคือการเพียงสองตอนเราก็รู้สึกว่าความเข้มข้นของเนื้อหามันลดลงด้วยความกระจ่างที่ว่ามา
บุคลิกนางเอกที่ดูผ่อนคลายทำให้เนื้อหาฝั่งพระเอกทอนความเครียดลงเยอะ ไม่รู้จะบิ้วกลับไปซีเรียสมาก ๆ ได้อีกไหม คงต้องหวังพึ่งบทของตัวร้ายที่เป็นนักฆ่าที่ดำเนินงานอยู่รอบ ๆ ตัวพระนางว่าจะทวีความน่ากลัวคุกคามได้มากกว่านี้อีก และบทเบื้องหลังของเหล่าตัวร้ายจอมบงการที่มีสายอยู่ในรัฐบาล กับเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงไม่กี่คนที่พยายามสืบหาความจริงนั้น จะทำให้ตัวซีรีส์ซับซ้อนและสนุกขึ้นได้อีก
สิ่งที่คาดหวังได้อีกอย่างคือฉากแอ็กชันนี่ล่ะ เพราะแค่ตอนแรกเราก็ได้เห็นฉากไล่ล่าบนรถกับลีซึงกิโชว์ฟรีรันนิ่งเท่ ๆ ไปตามอาคารสถานของโมรอคโคได้แปลกตาและเร้าใจมาก ๆ ตอนสองก็มีฉากโชว์ฟัดในครัวและฉากเท่ ๆ ในการหนีคุกอีก ก็เป็นซีรีส์แนวแอ็กชันสปายที่ชัดเจนล่ะนะ ใครชอบแนวนี้ก็น่าสนใจทีเดียว
ตัวซีรีส์ยังมีอีก 14 ตอนต้องรอดูทุกคืนวันศุกร์และวันเสาร์เอา แต่ถ้าถามจากเปิดหัวมา 2 ตอนแรกนี้คิดว่าอย่างไร ก็ต้องบอกให้คะแนนผ่านมาตรฐานนะ แต่ยังไม่ถึงกับรู้สึกว่าจะเป็นปรากฏการณ์ที่ต้องดูขนาดนั้น คิดว่าต้องรอดูกันยาว ๆ อีกสักหน่อย ยิ่งชื่อเรื่องที่แปลว่าพเนจรร่อนเร่
ก็น่าจะหมายถึงพระเอกที่น่าจะไม่ได้อยู่กับที่ต้องหนีตายและหลบซ่อนไปเรื่อย ๆ ก็ไม่เชื่อหรอกว่าที่ปล่อยเผยความจริงมาขนาดนี้ในเวลาแค่ 2 ตอน จะเป็นการหมดไอเดียของทีมงานแล้ว มันน่าจะมีจุดพลิกหลอกเราอีกแน่ ๆ คอยดูสิ โดยเฉพาะฉากในอนาคตที่เอามาเปิดเรื่องสั้น ๆ ชวนให้ติดตามสงสัย ที่พระเอกเหมือนจะกลายเป็นทหารรับจ้างและอาจจะต้องฆ่านางเอกในต่างประเทศ นี่น่าสนใจมากว่าจากสตันท์แมนธรรมดาจะไปถึงจุดนั้นได้อย่างไร
ส่วนที่ชอบ
ซีรีส์เริ่มจากเรื่องของคนตัวเล็ก ๆ ที่ถูกผลักให้ไปอยู่ในสถานการณ์ที่ใหญ่เกินตัว จริง ๆ ก็เกินไปเยอะเลย นึกสภาพคนหาเช้ากินค่ำที่อยู่ดี ๆ จะต้องไปเจอทั้งกลุ่มผู้ก่อการร้าย องค์กรนักฆ่า หน่วยข่าวกรองระดับชาติ ระดับข้ามชาติ แวดวงการเมืองประเทศ การเมืองโลก เชส นี่มันอะไรกันเนี่ย ไอ้หนุ่มดวงซวยคนนี้มีนาม ชาดัลกอน เขามีคาแรกเตอร์แนวมุทะลุ ตรง ซื่อ อ่านง่าย ไม่พลิกแพลงเป็นคาแรกเตอร์แบบที่ไม่น่าอยู่ในหนังแนวสายลับสองหน้าไล่ล่าหักหลังคอร์รัปชันได้เลย แต่เพราะแบบนี้ล่ะเลยทำให้ซีรีส์นี้ดูแตกต่างขึ้นมา เขาเหมือนตะปูที่ตอกลงบนไม้แกะสลักมากลวดลายหลอกตา ทำให้เราติดตามเรื่องราวง่ายเข้าใจได้แม้ไม่ชินกับหนังที่พลิกไปมา
ข้อดีอีกอย่างคือถึงเขาจะเป็นอย่างนี้แต่เขาไม่ได้โง่เป็นพระเอกละครน้ำเน่า ในจุดวิกฤตเขาคือคนที่มักสังเกตความผิดปกติได้ก่อนใคร เขาสงสัยและหาคำตอบแบบไม่ยี่หระต่ออุปสรรคเลย ชอบประโยคที่ประธานาธิบดีพูดกับเขาในตอนสุดท้ายมากว่า “คุณเป็นคนประเภทที่ต่อให้ฟ้าผ่าใส่ก็คงไม่ตาย”ใครดูมาคงรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ สกิลพระเอกโชคช่วยก็มีบ้าง
แต่ดูโดยเนื้อตัวละครนี้ก็มีความพยายามมากกว่าใคร ๆ อยู่มาก และดูหนัง HDนั่นจึงเปิดโอกาสดี ๆ อย่างการรอดชีวิต และได้รับการช่วยเหลือที่ทันเวลาในเหตุการณ์ต่อมา และนั่นมันเลยสมเหตุสมผลพอที่เราจะไม่คอยดูแล้ว เอ๊ะ อยู่เรื่อย ๆ เช่นหนังบางเรื่องเป็น
ส่วนที่ชอบที่สุดของหนังที่ต้องพูดถึง คือการสร้างตัวร้ายในแบบแข็งแกร่งมาก ๆ เอาชนะได้ยากมาก ๆ ตัวตนที่ใหญ่และเป็นเครือข่ายเป็นอะไรที่แค่คิดก็ท้อแท้แล้ว มันคือไม้ซี่งัดไม้ซุงของจริง และต้องบอกว่าเพราะเหล่าตัวร้ายนี่ล่ะคือตัวเอกตัวจริงที่ทำให้ ฮีโรสง่างาม ทำให้ซีรีส์นี้น่าติดตามของจริงเลย
การพลิกสถานการณ์ไปมาก็เป็นความเชี่ยวชาญที่ดีของทีมเขียนบทนี้เหมือนกัน ไม่มีมิตรและศัตรูที่ถาวร ทำให้ซีรีส์นี้มันมือมากในการย้ายค่ายเปลี่ยนโปรกันอุตลุด ทำเอาเราต้องรอลุ้นดูว่าใครจะมีไพ่ตายอะไรอีก ใครจะหักหลังใครอีก และใครจะพลิกหน้าเผยเบื้องหลังอีก สนุกมากกก
และตอนจบที่เตรียมบิ้วต่อไปนี่ก็ทำให้หนังเดินสู่ทิศทางใหม่ ๆ ไปเลย ซึ่งเป็นอะไรที่น่าติดตามมาก เพราะตัวละครแต่ละตัวเปลี่ยนสถานะอัปเลเวลกันเป็นแถว โดยเฉพาะนางเอกของเรานี่พลิกไปแบบเกินเดามากว่าจะมาถึงจุดนี้เลยสินะ นอกจากนี้รูปแบบความสัมพันธ์ที่ผูกโยงแต่ละตัวละครหนังออนไลน์ก็ชัดขึ้นเห็นฝั่งฝ่ายชัดขึ้น แต่ชัดขึ้นนี้ก็ยังไขว้กันไปมายุ่งเหยิง และทำให้เรื่องราวยากขึ้นด้วย กลายเป็นปัญหาคนดูจบค้างคาลงแดงอยากรู้เรื่องต่อแบบสุด ๆ ไปเลยซะนี่
ส่วนที่ไม่ชอบ
ก็ยังคงรู้สึกเหมือนเดิมกับที่เคยพูดไปในช่วงรีวิว 2 ตอนแรก ว่ารำคาญบุคลิกไม่ยั้งคิดของพระเอก กลางเรื่องค่อนเรื่องผ่านเหตุการณ์มากมายว่าไอ้ที่ทำตามอารมณ์มันฉิบหายขนาดไหน พี่แกก็ยังมีโมเมนต์นั้นให้ได้ติดตามอยู่เนือง ๆ ไม่รู้จักจำ (ฮา) แต่พอดูจนจบก็เข้าใจการวางพัฒนาการตัวละครพอประมาณล่ะนะว่าถ้าเรื่องยังไปต่อได้ไกลก็คงไม่อยากรีบให้พระเอกเทพ ให้มีข้อบกพร่องทางอารมณ์นี่ล่ะจะได้ง่อย ๆ หน่อย แล้วก็จริงเลย ในช่วงหักเหใหญ่ในชีวิตพระเอกเราก็ได้พระเอกที่พร้อมไขว้กับคนทั้งโลกขึ้นมาแทนคนเก่า และพร้อม ๆ กันหนังก็สร้างจุดอ่อนใหม่ให้พระเอกและนั่นก็คือ โกแฮริ นางเอกสุดสวยของเรานี่เอง โว้ววว ลงตัวมาก ๆ เลยยอมมองข้ามความขุ่นข้องใจไปได้บ้างล่ะนะ
ด้านที่น่าเสียดายคือฉากแอ็กชันแบบฟรีรันนิ่งที่โชว์ในตอนแรก ๆ หลัง ๆ ก็กลายเป็นแอ็กชันทั่ว ๆ ไปในภายหลัง ถ้าดึงสกิลสตันท์แมนของพระเอกมาเล่นได้อีกเยอะ ๆ น่าจะสร้างความแตกต่างได้ดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น