รีวิว My Holo Love - วุ่นรักโฮโลแกรม
อีกครั้งของ Original Netflix กับ ซีรีส์สายเกาหลีอย่าง วุ่นรักโฮโลแกรมที่ต้องบอกเลยว่าแม้ชื่อเรื่องจะกุ๊กกิ๊ก แต่เนื้อหาไม่ได้ก๊อกแก๊กนะจ๊ะ จากคราวก่อนที่ได้มีการสร้างซีรีส์ไซไฟดราม่าอย่าง Memories of Alhambra (อารัมบรามายาพิศวง) ในปี 2020 นี้เน็ตฟลิกซ์ก็ส่งหมวดเดียวกันมาอีกครั้ง และสิ่งประดิษฐ์สุดล้ำที่ Netflix นำมาเป็นแกนหลักของเรื่องก็คือ AI. ในร่างโฮโลแกรมเสมือนจริงนั่นเอง รีวิว My Holo Loveเรื่องย่อ
เรื่องราวความรักของสาวโสดโดนเดี่ยวคนหนึ่ง ชึ่งบังเอิญได้รับแว่นตาไฮเทค ที่สามารถฉายภาพโฮโลแกรมของชายหนุ่มที่ควบคุมด้วยระบบ AI ทำให้ภาพโฮโลแกรมนี้มีความสมจริงเหมือนมนุษย์จริงๆมาก และเธอก็เกิดหลงรักภาพโฮโลแกรมนี้ แต่อยู่มาวันหนึ่งเธอเกิดไปพบชายคนหนึ่งที่หน้าเหมือน AI ที่่เธอหลงรักยังกับฝาแฝด แต่ด้วยดวงใจที่แตกร้าว จากความรักที่เปื้อนน้ำตาในอดีต ทำเธอไม่สามารถที่จะรักมนุษย์จริงๆได้อีกแล้ว แล้วความรักระหว่างมนุษย์กับ AI (ปัญญาประดิษฐ์)จะสามารถเป็นไปได้หรือไม่เคยพูด(หรือพิมพ์ดี?) ไปแล้วครั้งหนึ่งว่าทางเรานี่อย่างชอบเลยจริง ๆ ที่วงการภาพยนตร์เกาหลีใต้ได้พัฒนาคุณภาพงาน มาจนถึงจุดที่สามารถผลิตหรือเล่าเรื่องราวแปลก ๆ พล็อตประหลาดสุดว้าวซ่าได้มากมายอย่างที่เราได้เห็นกันอยู่ทุกวันนี้ My Holo Love วุ่นรักโฮโลแกรม เองก็เป็นอีกหนึ่งซีรีส์จากฝั่งเกาหลีใต้ที่เพิ่งเสิร์ฟร้อน ๆ ใส่จานด่วนมาให้เราได้ดูกันในช่องทาง Netflix เมื่อไม่นานเช่นกัน
ซึ่งทันทีที่ได้ดูตัวอย่างหนังก็ต้องออกตัวก่อนเลยว่า เราค่อนข้างจะรอคอยและคาดหวังมากเลยทีเดียว เพราะเรื่องราวความรักระหว่างหญิงสาวแสนธรรมดากับ A.I. หนุ่มสุดหล่อ มันช่างเป็นความรักที่แสนจะโรแมนติกและน่าสนใจมากเหลือเกิน
เนื้อเรื่อง
ฮัน โซยอน (แสดงโดย โก ซองฮี) สาวออฟฟิศที่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากด้วยการปิดบังการมีภาวะบกพร่องการรับรู้ใบหน้า จนเพื่อนที่ทำงานของเธอพากันไม่ชอบเธอเท่าไรนัก ทำให้ตลอดเวลาเธอแทบจะใช้ชีวิตด้วยตัวคนเดียวมาตลอด กระทั่งวันหนึ่งเธอบังเอิญได้รับแว่นตาอัจฉริยะที่ซ่อนเทคโนโลยีสุดล้ำอย่าง ‘โฮโล'(แสดงโดย ยุน ฮยอนมิน) ผู้ช่วย AI. ที่มีการแสดงภาพเหมือนอย่าง โฮโลแกรม ในครอบครองเป็นเรื่องยากที่เธอจะยอมรับสิ่งนี้ตั้งแต่แรกเห็น แต่โฮโลก็คอยช่วยเหลือเธออย่างดีในทุกๆเรื่อง จนในที่สุดความสัมพันธ์ของเธอกับโฮโลก็ได้พัฒนาขึ้นเรื่อยมา เรื่องราวยากขึ้นเมื่อ ‘นันโด’ (แสดงโดย ยุน ฮยอนมิน) ผู้คิดค้นและสร้างโฮโลต้องมาตามทวงแว่นตาอัจฉริยะนั้นคืนเพราะมีนักธุรกิจคนอื่นคอยจะแย่งชิงเทคโนโลยีของเขาไปเช่นกัน ทว่ากามเทพก็กลับแผลงศรอีกครั้งเมื่อนันโดตกหลุมรักโซยอนขึ้นมา พวกเขาจะทำอย่างไร เมื่อการมีความรักไม่ใช่เรื่องธรรมดาอีกต่อไป..
ซึ่งเรื่องราวในช่วงแรกของซีรีส์นั้นก็ทำได้ดีเหมือนที่เราหวังเอาไว้จริง ๆ ทั้งฉากเปิดตัวที่ทำให้คนดูได้รู้จักกับ โฮโล (รับบทโดย ยุนฮยอนมิน) ปัญญาประดิษฐ์ที่มาพร้อมกับภาพเสมือนจริงสุดหล่อ แถมยังถูกตั้งโปรแกรมมาให้ดูน่ารัก พูดจาดี มีความหลัวสูงมากกก ที่สำคัญคือ CG ภาพโฮโลแกรมก็ยังเนียนชนิดผ่านฉลุย บวกกับการแสดงที่ชัดเจนและมีเสน่ห์ของยุนฮยอนมินเข้าไป
มันจึงทำให้เราเชื่อได้หมดใจเลยว่านี่แหละ ‘โฮโลแกรมหนุ่มสุดเพอร์เฟ็กต์ที่ใครเห็นก็ต้องหลงรัก’ จนกระทั่งเขาได้เจอกับ ฮันโซยอน (รับบทโดย โกซองฮี) หญิงสาวผู้แสนธรรมดาและขาดความมั่นใจในตัวเอง ที่ชีวิตไม่มีอะไรเลยนอกจาก ทำงาน กลับบ้าน นอน กลายเป็นชีวิตวนลูป
ปัญหาทั้งหมดนั้นเกิดมาจาก ‘ภาวะไม่รู้ใบหน้า’ โรคประหลาดตั้งแต่เกิดที่ทำให้เธอไม่สามารถจดจำใบหน้าของใครได้เลยแม้กระทั่งพ่อแม่ของตัวเอง ถึงแม้ว่าเธอจะเติบโตและอยู่ร่วมกับมันมาได้นานแค่ไหน แต่ความเศร้าลึก ๆ ก็ยังคงก่อตัวขึ้นในจิตใจเธอทุก ๆ วัน การพบกันโดยโชคชะตาของสองตัวละครทั้ง ‘โฮโล’ และ ‘โซยอน’ มันจึงเกิดเป็นเคมีที่แตกต่างอย่างลงตัว ที่เราคนดูต่างก็หวังจะได้เห็นในซีรีส์รักโรแมนติกเช่นนี้อยู่แล้วนั่นเอง
แต่เรื่องราวและโทนเรื่องก็เปลี่ยนไปทันทีเมื่อ โกนันโด (รับบทโดย ยุนฮยอนมิน) ชายหนุ่มมาดกวนที่เป็นทั้ง ‘ผู้สร้าง’ และ ‘ร่างต้นแบบ’ ของโฮโลโผล่มา แถมยังมาพร้อมแผนร้ายที่พยายามจะเข้าหาโซยอนเพื่อชิง ‘แว่นโฮโลกราส’ ผลงานชิ้นเอกของเขาคืน แต่มันกลับกลายเป็นว่ายิ่งใกล้โซยอนมากขึ้นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกดีกับเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ ซะงั้น
การดำเนินเรื่อง
การดำเนินเนื้อเรื่องยังคงเป็นสไตล์ที่เป็นเน็ตฟลิกซ์ ไม่ได้เน้นความรักหวานแวว (แต่ก็พอมีให้หอมปากหอมคอ) เน้นไปที่การสะท้อนแวดวงธุรกิจ เพื่อการอยู่รอดคุณต้องยอมแลกกับการเป็นคนเลว และพุ่งเป้าไปที่การสืบคดี สืบหาความจริง มีฉากแอ็กชั่นพออ่านมาถึงตรงนี้คุณว่ามันดูผิดกับชื่อหนังมากใช่ไหม รู้สึกเหมือนโดนหลอกว่านี่แหละความโรแมนติกที่ตามหา ซึ่งใครที่หวังจะดูอะไรแบบนั้นก็อาจจะต้องกู้ดบายกับเรื่องนี้ไปก่อน หรือถ้าจะยอมดูต่อเพราะความสงสัย หรือชอบนักแสดงต้องการติดตามผลงาน คุณอาจจะได้เรื่องโปรดอีก 1 เรื่องก็ได้
การดำเนินเรื่องด้วยความที่มี 12 ตอนนั้น เรื่องจึงดำเนินไปไวมาก มีการเฉลยบางปมตั้งแต่แรกๆ เหมือนชี้จุดให้คนดูให้หายสงสัยทีละเปราะ แต่น่าประหลาดใจมากสำหรับเราคือพอเรานึกข้องใจอะไรขึ้นมาหนังก็จะเฉลยทันที มันคงบังเอิญมากๆ จริงๆ (สำหรับเรานะ) อย่างการที่เผยว่านันโดเป็นคนสร้างโฮโล
นี่เราก็กำลังคิดว่ามันต้องมีต้นแบบของ AI. สิ แล้วก็เฉลยออกมาเลยว่าดูหนังสดเป็นนันโด แต่ไม่คิดว่าจะใช้เป็นนักแสดงคนเดียวกัน ซึ่งตรงจุดนี้ชอบมากๆ แต่ต้นเรื่องนี้นั้นเราต้องบอกว่าไม่ชอบนิสัยของนางเอกหรือโซยอนเท่าไรนัก ดูเป็นคนตื่นกลัวง่าย ขาดความคิด และดูเห็นแก่ตัวมาก แต่มองอีกมุมเธอนั้นช่างโดดเดี่ยว ไม่แปลกที่จะแสดงพฤติกรรมแบบนี้
แต่เธอจะมีความกล้าขึ้นหลังจากที่ผ่านครึ่งแรกของเรื่องไปแล้ว ใครที่ไม่ชอบคาแรกเตอร์แบบนี้ต้องยอมขัดใจกับเธอไปก่อนเดี๋ยวอาการจะดีขึ้นเอง พระรองอย่างนันโดนั้นค่อนข้างตามสูตรซีรีย์เกาหลี หน้าตาดี มีฐานะ หน้าที่การงานดี เป็นแบดบอย ไม่สนใจใคร ไม่สนใจโลกและใจร้อน จนไม่อยากเชื่อว่านันโดจะเป็นคนสร้างโฮโลขึ้นมา
แต่ทุกอย่างย่อมมีเหตุผลค่ะ ผู้กำกับไม่ได้สร้างคาแรกเตอร์แบบนี้มาส่งๆ ขอบคุณที่ผู้กำกับให้นักแสดงโฮโลกับนันโดเป็นคนเดียวกัน จุดนี้สามารถทำให้เกมพลิกได้ตลอด ไม่รู้ว่านางเอกจะเทใจไปทางไหน ติดแฮชแท็กแบ่งทีมกันได้ตั้งแต่ตอนนี้ คนหนึ่งแสนดี คนหนึ่งแบดบอย ยื้อยุดกันตามสบาย
อีกอย่างที่ชอบสำหรับเรื่องนี้เราชอบที่พฤติกรรมของตัวละครทุกตัวมีเหตุผลอ้างอิง ไม่ว่าช้าหรือเร็วเราสามารถรู้เหตุผลนั้นผ่านการเล่าเรื่องของผู้กำกับ แต่โจทย์ของเขาไม่ได้มีเพียงแค่เข้าถึงคนดูด้วยการเข้าถึงง่าย แต่จะทำอย่างไรให้ AI. มีบทบาทกับชีวิตตัวละครมากที่สุด
โดยที่ตัวละครที่มีผลมากที่สุดคือนันโด ด้วยความที่เป็นคนสร้างโฮโลขึ้นมากับมือของเขานั้น ด้วยโปรแกรมที่ถูกเขียนต่างกับนิสัยใจคอ สำหรับเรารู้สึกว่านั่นอาจเป็นอีกตัวตนหนึ่งของนันโดที่ซ่อนอยู่ก็ได้
ในส่วนของเนื้อเรื่องข้างเคียงประเด็นไปอยู่ที่การแทนที่ดูหนังผ่านเน็ตของ AI. ว่าจะมีผลที่ตามมาอย่างไรทั้งสะท้อนผ่านมุมของโซยอนที่เป็นคนสวมแว่นอัจฉริยะ และตัวละครอื่นๆก็ดี ซึ่งมองปราดเดียวก็เข้าใจได้เลย แต่ข้อที่เรายังขัดใจอยู่คือความสัมพันธ์ตัวละครมันถูกรวบรัดเกินไป มันไม่ถึงกับดูไม่ออกว่าใครคิดอย่างไร
แต่มันเพียงด่วนสรุปไปเท่านั้น เช่นในช่วงที่ตัดสินใจถอยห่างกัน หรือตอนสารภาพรักทุกอย่างดูไวไปหมดไม่มีโอกาสได้อธิบาย และยังมีช่วงหนึ่งเหมือนผู้กำกับพยายามจะยัดความไม่มีเหตุผลให้ตัวละคร และตัวละครบางตัวถูกลดความดีความชอบลงมา
เหมือนพัฒนาขึ้นแล้วก็ถูกทำให้ร่วงลงมาอยู่ที่เดิมคือจุดที่ไม่เก่งทั้งที่ตัวละครนั้นเคยวางแผนหรือคิดได้ดีกว่านี้ แต่ขอยกข้อดีในการเพิ่มปมเข้ามาเรื่อยๆ จากที่ตอนแรกมีปมอยู่แล้วเมื่อปมถูกแก้ก็มีปมใหม่เข้ามา เหมือนเล่นเกมผ่านด่านนี้แล้วก็ไปด่านต่อไปมันทำให้เรื่องน่าประเด็นให้ติดตามต่อ
ด้านตัวละคร
ตัวละครที่ชอบสำหรับเรื่องนี้ขอยกให้คุณแม่ของโซยอน ให้ความรู้สึกเหมือนคนเป็นแม่จริงๆ การสื่ออารมณ์ที่มีต่อลูกสาวกับชายหนุ่มข้างบ้าน ทำให้เธอเป็นผู้หญิงที่ดูอบอุ่นและน่ารักมากในสายตาเรา และการที่เธอต้องเจ็บปวดที่ลูกสาวไม่สามารถมองเห็นหน้าเธอได้ด้วยภาวะผิดปกติ ความหวังดีที่อยากให้ลูกสาวได้พบเจอคนรักที่ดีเพราะเธอเองก็อายุมากแล้ว คุุณอี จองอึนเล่นบทนี้ได้ดีมาก ขอยกรางวัลคุณแม่ดีเด่นให้เลยแม้ว่ามันไม่ใช่บทเด่นแต่เป็นตัวสำคัญในการเยียวยาจิตใจยามที่ตัวละครหลักตกในสถานะลำบาก เหมือนช่วยส่งให้เรื่องสามารถไปในทางบวกได้และอีกบทคือตัวร้าย ขอชื่นชมนักแสดงที่สื่ออารมณ์ได้ร้ายกาจมาก ท่าทางการวางมาดมองแล้วเชื่อว่านี่คือนักธุรกิจที่หิวเงินมากๆคนหนึ่ง แต่มันก็ดูไม่ค่อยเห็นมิติอื่นอะไรนอกจากต้องการทำกำไรเท่านั้น แม้บทแบบนี้จะไม่ได้แปลกอะไร แต่เราดูแล้วเราชอบที่แคสติ้งคนนี้ได้เหมาะมากๆ
โดยรวม
หากคุณจะเคยมีสักครั้งในช่วงชีวิตที่ตกหลุมรักสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อย่างตัวการ์ตูน หรือหุ่นยนต์ต่างๆ เราขอบอกเลยว่านี่เป็นหนึ่งเรื่องที่จะทัชใจคุณได้ดี เมื่อโฮโลเองก็เป็นปัญญาประดิษฐ์ที่ไม่สามารถจะมีความรู้สึก มีเพียงชุดคำสั่งและการประมวลผลที่ช่วยให้เขาสามารถเป็นที่ถูกใจของโซยอนได้ จนทำให้เธอเผลอใจไปหลงรักเข้าแต่จะทำอย่างไรล่ะในเมื่อโฮโลเป็นแค่โปรแกรมเสมือนที่เหมือนมาก มีฟังก์ชั่นการทำงานที่ล้ำกว่า Siri เทียบเท่ากับ Jarvis ของโทนี่ สตาร์คแต่ก็มีข้อเสียอย่างที่ทราบกันว่าเขาเป็นเพียงภาพที่สร้างขึ้น คุณไม่สามารถที่จะสัมผัสถูกตัวเขาได้เลย (น่าเศร้าจัง) แต่เรื่องน่าสนใจเพราะเขาไม่ได้หยุดแค่โฮโลถูกตั้งค่ามาจากโรงงานเพียงเท่านี้
แต่โฮโลสามารถเรียนรู้และพัฒนาสมองกลของตัวเองจนแทบจะเหมือนมนุษย์ 100% ดูแล้วยังอยากมีไว้ที่บ้านสัก 1 คนเลยเนี่ย และแม้ว่าจะใช้คนจริงในการแสดงเป็น AI. แต่ในช่วงที่ต้องทำภาพกราฟิกถือว่าทำได้ดีจนเชื่อเลยว่าเป็น AI. ไม่ได้ดูลอยมาก และ AI. ในเรื่องการแสดงผลก็ไม่ได้ล้ำหน้าจนเวอร์เหมือนไปอยู่ดาวอังคาร เป็นภาพที่เราเห็นในหนังแนวเทคโนโลยีกันอยู่แล้วอย่างเช่น Black mirror นั่นแปลว่าจุดประสงค์ของผู้กำกับคงเป็นเรื่องอื่น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น