วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

City Hunter Shinjuku Private Eyes

รีวิว City Hunter Shinjuku Private Eyes ซิตี้ฮันเตอร์ โคตรนักสืบชินจูกุ ปี๊ป

จากปลายปากกาของซึคาสะ โฮโจกับตัวละครสุดเท่แห่งยุค 80 ที่ยังคงอยู่ในใจหลายๆ คน ซาเอบะเรียว หรือ ซิตี้ฮันเตอร์มือปราบเหล่าร้ายนักกวาดล้างสุดเท่ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ตัวละครหลายตัวในยุคต่อๆ มา กับอาการ “Beep” ที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา City Hunter : Shinjuku Private Eyes ภาพยนตร์อนิเมชันเรื่องนี้จะทำให้หลายคนหายคิดถึงและอยากกลับไปดูอนิเมะเก่าหรือกลับไปอ่านมังงะอีกรอบ! รีวิว City Hunter Shinjuku Private Eyes และ ดูหนังฟรี

เรื่องย่อ ซาเอบะ เรียว เป็นมือปืนและนักสืบเอกชนที่ทำงานในเขตชินจูกุ เขามีทักษะการยิงปืนที่เก่งฉกาจพอ ๆ กับความตื่นตัวทางเพศต่อสาว ๆ จนมักถูกคู่หูของเขา มากิมุระ คาโอริ สั่งสอนด้วยค้อนยักษ์ 100 ตัน ครั้งนี้พวกเขาต้องรับหน้าที่คุ้มกันผู้ว่าจ้างสาวสวย ชินโด ไอ จากกลุ่มโจรก่อการร้ายที่หมายปองความลับบางอย่างที่เชื่อมโยงกับแผนการร้ายที่จะส่งผลต่อทุกคนในเมืองแห่งนี้ ขณะเดียวกันคาโอริก็พบกับเพื่อนสมัยเด็ก มิคุนิ ชินจิ ซึ่งเขาก็กลายเป็นศัตรูหัวใจของซาเอบะ เรียว และอาจเกี่ยวข้องกับแผนก่อการร้ายครั้งนี้



การกลับมาอีกครั้งของสุดยอดนักสืบและมือปืนพลัง Beep แห่งชินจูกุในรอบ 20 ปี ซาเอบะ เรียว เจ้าของรหัส xyz ใน ซิตี้ ฮันเตอร์ ที่มาพร้อมกับทีมสร้างและนักพากย์ชุดดั้งเดิม และกำกับโดย โคดามะ เคนจิ ต้นตำรับผู้สร้างอนิเมะทีวีซีรีส์จากผลงานโบว์แดงของอาจารย์ โฮโจ ทซึคาสะ เจ้าของผลงานมังงะ ทั้ง Cat’s Eye (1983–1985) และ City Hunter (1987–1988) นอกจากนี้โคดามะยังได้ทำฉบับมูฟวี่ของนักล่าในป่าคอนกรีตมาแล้วถึง 4 เรื่อง โดยเรื่องสุดท้ายก็คือ City Hunter: The Motion Picture ตั้งแต่ปี 1997 ก่อนจะหันไปกำกับอนิเมะเดอะมูฟวี่ของโคนันยอดนักสืบอยู่หลายภาค นี่จึงนับเป็นการกลับมาหารากฐานชื่อเสียงในสายอาชีพของผู้กำกับโคดามะอีกครั้ง หลังจากหายกันไปนานถึง 22 ปีก็ว่าได้ แถมครั้งนี้ยังได้ค่ายอนิเมะยักษ์ใหญ่อย่าง Sunrise มาดูแลทำให้ได้งานภาพที่ไม่ถอดเขี้ยวต้นฉบับทิ้ง และยังคงคุณภาพอนิเมะฉายโรงในยุคปัจจุบัน เรียกว่าเสริมจุดแข็งได้ลงตัวมาก

ซาเอบะ เรียวความเท่ที่คงทนมากกว่า 30 ปีของ “ซิตี้ฮันเตอร์”
สไตล์ของซาเอบะ เรียวนั้นยังคงเหมือนเดิม เท่เหมือนเดิม เก่งเหมือนเดิมและยังหื่นเหมือนเดิม พร้อมด้วยนักพากย์ต้นฉบับจากซีรีส์และ OVA ถึงแม้ว่าซาเอบะจะถูกจับมาอยู่ในยุคปัจจุบันโดยที่ไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย แต่เสน่ห์ของชายยุคอนาล็อกอย่างเขาที่ดิบ เถื่อน(หื่น)แต่ยังเป็นสุภาพบุรุษนั้นยังคงความเท่ไม่น้อยน่าเหล่าพระเอกอนิเมะในยุคนี้แต่อย่างใด ด้วยเทคโนโลยีของการสร้างภาพยนตร์ที่ใหม่ขึ้นนั้นกลับถูกเทไปที่ตัวร้ายและสร้างตัวร้ายที่เก่งกว่าเดิมยากจะจัดการและเสริมความไฮเทคเข้ามาอีกด้วย แต่ซาเอบะ เรียวนั้น ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยนี้ยกเครื่องให้การเคลื่อนไหวของเขาดูต่อเนื่องขึ้นและฉากแอคชั่นทำได้ดีมากขึ้น พร้อมกับความเทพที่ดูเกินเลยไปของทั้งพระเอกและสมาชิกทีมสามารถสอดประสานเรื่องราวไปพร้อมๆ กับมุขหื่นสุดคลาสสิคได้เป็นอย่างดี

Beep ยังคงอยู่ แต่ลดลงนิดนึง
ในยุคที่การละเมิดหรือการลวนลามนั้นได้รับการใส่ใจมากกว่าสมัยก่อน แน่นอนว่ามุขลามกของเรียวน้อยก็ต้องลดลงด้วยเหมือนกัน ทั้งการเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อเด็กรุ่นใหม่และความเหมาะสมในยุคปัจจุบันด้วย แต่ใน City Hunter เวอร์ชั่นรีเมคนี้ ซาเอบะของเราก็ยังคงจัดเต็มมุขลามกและความหื่นภายใต้กรอบได้อย่างเต็มที่ แฟนๆไม่ผิดหวังแน่นอน

ลายเส้นใหม่ที่ให้ฟีลเดิม
การออกแบบตัวละครนั้นยังคงสไตล์ดั้งเดิมจากยุค 80 เอาไว้ได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าจะทำให้ตัวละครหลักนั้นโดดเด่นออกมาจากตัวละครอื่นๆ ในเรื่องที่หน้าตาการแต่งกายเป็นยุคปัจจุบันเสียหมด แต่ถึงกระนั้นแล้วก็สามารถทำออกมาได้กลมกลืนไปด้วยกัน และยังแฝงเสน่ห์ลายเส้นของซึคาสะ โฮโจไว้ในดีไซน์ที่ร่วมสมัยได้อีกด้วย

นี่ยังเป็นการกลับมาของนักพากย์คนเดิมจากต้นฉบับแทบยกทีม ไม่ว่าจะ คามิยะ อากิระ ในบท ซาเอบะ เรียว, อิคุระ คาสุเอะ ในบท คาโอริ, อาซากามิ โยโกะ ในบท ซาเอโกะ และ เกนดะ เทสโช ในบท อุมิโบซึ และถ้ายังเอาใจแฟนดั้งเดิมไม่พอ
ในตอนจบของหนังยังจะใช้เพลง Get Wild ซึ่งคือเพลงปิดฉบับทีวีซีรีส์ดั้งเดิมด้วย ใช่ครับ ฟินปะทุความทรงจำกันให้สุดไปเลย

และนั่นก็เป็นข้อเสียที่ต้องนำมาพูดก่อนข้อดีเลยล่ะ เพราะหนังเรื่องนี้ห่างหายจากยุคนี้ไปนานมาก เอาเป็นว่าเด็กที่ดูอนิเมะรุ่นใหม่ ๆ ไม่รู้จักดีพอ และถึงอยากจะลองดูเรื่องนี้เป็นความประทับใจแรก ๆ เผื่อจะสานต่อไปดูฉบับอื่น ๆ ก็คงบอกได้เพียงว่า คงไม่ประทับใจหรอก เพราะหนังไม่ปูพื้นใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่พยายามดึงเด็กหรือแฟนกลุ่มใหม่เลย ทุกตัวละครทักทายคนดูแบบคนคุ้นเคย ไม่ได้สนว่าจะมีคนแปลกหน้าปะปนในหมู่คนดู แล้วก็ไม่ใส่ใจจะแนะนำตัวเพื่อรู้จักเลยด้วย

และแม้ว่าจะได้ทีมอนิเมะรุ่นใหม่ ๆ ที่ช่วยด้านเทคนิคให้ทันยุคทันสมัย ทว่าจังหวะการเล่า การชงมุก ตบมุก หรือไอเดียในเรื่องราวคงต้องยอมรับว่า โบราณ คือแทบดึงอารมณ์อนิเมะยุค 90 กลับมาเลย ซึ่งถ้าวัดด้วยสายตาคนรุ่นใหม่มันจะไม่ฮาไม่สนุกเท่าไหร่แล้ว ยิ่งพวกมุกเรียวโดนค้อนทุบ หรือหลีหญิงเนี่ย เชยสะบัดจริง ๆ มันเลยเป็นได้เพียงหนังสนองความทรงจำของแฟน ๆ รุ่นเดิมเท่านั้นเอง และแนะนำคนรุ่นใหม่ให้ลองไปดู City Hunter ที่หนังฝรั่งเศสเอาไปทำเป็นฉบับคนแสดงดูก่อนดีกว่า อันนั้นอ่ะได้ทั้งกลิ่นอายเดิม ๆ และยังเอาใจคนรุ่นใหม่ให้สนุกด้วยมากกว่า ถ้าดูแล้วชอบค่อยมาดูต่อเรื่องนี้อีกที

กลับมาข้อดีบ้าง ด้วยความที่ตั้งธงเป็นหนังสนองนี้ดแฟนรุ่นเดอะ หนังเลยอัดแน่นตัวละครแบบน่าจะช่วยให้หายคิดถึงไปได้เยอะเลย เพราะตัวหลัก ๆ ยกพลมากันหมดตามที่เกริ่นไปช่วงแรก ส่วนตัวละครใหม่ ๆ ก็เสริมเรื่องได้พอประมาณ แม้จะไม่ถึงกับน่าจดจำ ไม่ถึงกับช่วยสร้างสตอรี่ที่กระแทกใจผู้ชม แต่ก็ทำให้ดูเพลินดูสนุกได้ตลอดจนจบ ด้วยความอัดแน่นนี้เลยมีช่องมากมายให้เราได้เจออีสเตอร์เอ้ก เจอตัวละครเซอร์ไพรส์ ขอไม่บอกว่าใคร (แม้ในตัวอย่างตัดมาให้เห็นอยู่แล้วก็เถอะ) แต่มันก็ยังน่าประหลาดใจล่ะ เพราะพวกเธอมีบทบาทมากกว่าที่คิดด้วย

สิ่งที่ชอบอีกอย่างคือการให้ฉากหลังปรับมายังยุคปัจจุบันปี 2019เราได้เห็นกระดานแจ้งข่าวที่กลายมาเป็นจอแอลอีดี ไม่เหลือเค้ากระดานดำที่ต้องเขียน xyz อีกแล้ว แต่ต้องใช้มือถือส่อง AR เพื่อดูแล้วเขียน xyz ใส่หน้าจอโทรศัพท์แทน หรือจะฉากเมืองชินจูกุที่เปลี่ยนไปจากยุคเดิม ทั้งหมดนี้ทำให้เรารู้สึกว่าตัวละครที่เรารักเหล่านี้ ยังไม่ได้หายไปไหน เหมือนไม่ได้ยินข่าวเพื่อนสนิทมานาน แต่พอเห็นภาพปัจจุบันในหน้าฟีดเขากำลังมีความสุขในชีวิตยังเป็นคนีรอยยิ้มแบบเดิม เราก็รู้สึกดีไปด้วย อันนี้ก็เช่นกัน มันทำให้เรารู้สึกได้ว่าเวลาแห่งความสุขความสนุกในตอนเด็กมันยังไม่ตายไปกับยุคสมัยที่อาจไม่ใช่ของเราอีกต่อไปแล้วนั่นเอง

ด้วยที่ปรับยุคมา ตัวร้ายในภาคนี้เลยเน้นที่ความไฮเทคมากขึ้น ส่วนด้านพระเอกก็ยังคงอะนาล็อกสไตล์เช่นเดิม แน่นอนพอเอาคนรุ่นก่อนมาเป็นหัวในการนำเสนอ มันก็สรุปตามคาดที่ว่า อย่างไรเสียฝีมือแท้ ๆ แบบเก่าเก๋าก็ย่อมเป็นทองแท้กว่าความทันสมัยอันฉาบฉวยอยู่วันยังค่ำ แม้ในสายตาของคนรุ่นใหม่ก็คงมองแล้วรู้สึกว่าไอ้พลอตของไฮเทคพวกนี้มันไม่ว้าวไม่ล้ำอะไรเท่าไหร่เลย เหมือนมาฟังคนแก่โม้เรื่องเทคโนโลยีที่มันเอ้าต์ไปแล้วประมาณนั้น

สรุป
ก็อย่างที่ว่ามา ถ้าใส่แว่นแบบยุคนี้มองก็ต้องบอกว่า มันคือหนังที่ดูเชยพอประมาณ แต่ถ้ามองจากสายตาแฟนเก่า ๆ ก็ต้องบอกว่าหนังให้ความใส่ใจคนดูเดิมและเคารพผู้ชมอย่างมาก ยิ่งที่ว่าในปัจจุบันแฟนที่ยังตามซิตี้ฮันเตอร์ ก็จะทราบดีว่าในเรื่อง Angel Heart นั้น อาจารย์โฮโจได้ทำให้ตัวละครหลักตัวหนึ่งได้จากไปตลอดกาลแล้ว ซึ่งเอาตรง ๆ มันทำร้ายจิตใจแฟน ๆ มากทีเดียว การที่หนังอนิเมะเรื่องนี้นำตัว

ละครทุกตัวกลับมาครบในยุคปีปัจจุบัน เสมือนว่าเรื่องราวการสูญเสียไม่เคยเกิดขึ้น มันเลยโคตรฟินเลยสำหรับคนที่รักซิตี้ฮันเตอร์ และ หนังออนไลน์ ไม่ได้อยากให้ใครคนใดคนหนึ่งต้องจากไป
ซิตี้ฮันเตอร์ โคตรนักสืบชินจูกุ ปี๊ป นั้นเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นที่จะสามารถตอบสนองความต้องการของแฟนๆซีรีส์นี้ได้เป็นอย่างดี แต่ก็ยังสามารถหว่านเสน่ห์ให้ผู้ชมที่ไม่เคยรู้จักซิตี้ฮันเตอร์ให้หลงรักและเปิดใจให้กับซีรีส์นี้ได้เหมือนกัน ถึงแม้จะมีบาดแผลบ้างแต่ก็ถือว่าซาเอบะ เรียวกระโดดข้ามเวลามาโลดแล่นในยุคปัจจุบันได้อย่างสวยงาม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น