วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

Brave Father Online

รีวิว Brave Father Online คุณพ่อนักรบแห่งแสง

หลัง อากาซึกิ (โคทาโร่ โยชิดะ) พ่อผู้บ้างานลาออกเพื่อกลับมาอยู่บ้านทั้งที่กำลังจะได้ตำแหน่งใหญ่โตสร้างความสงสัยให้กับครอบครัว โดยเฉพาะ อากิโอะ (เคนทาโร่ ซาคากุจิ) ลูกชายคนโตที่ไม่ได้สื่อสารกับพ่อมาเป็นเวลาช้านาน จนกระทั่งความคิดหนึ่งจากเพื่อนในเกมออนไลน์ไฟนอล แฟนตาซี 14 ได้จุดประกายให้เขาชักชวนคุณพ่อมาเล่นเกมและจัดแจงให้ตัวเองกลายเป็นเพื่อนในเกมโดยไม่บอกความจริง เพื่อหวังจะได้สื่อสารกันฉันท์พ่อลูกเหมือนในอดีตและที่สำคัญมันยังเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้พ่อของเขายอมเปิดอกบอกความลับคาใจก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป รีวิว Brave Father Online ดูหนังชัด

เรื่องย่อ
หนัง Brave Father Online หรือชื่อไทยว่า คุณพ่อนักรบแห่งแสง ไม่ว่าอะไร จะเกิดขึ้น พวกเราจะสู้เคียงข้างกันเสมอ “ Brave Father Online : Our Story Final Fantasy XIV ภาพยนตร์ฟีลกู๊ดที่ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องจริงในอินเตอร์เน็ต

อาคิโอะ เป็นพนักงานบริษัทธรรมดาๆผู้มีงานอดิเรกเป็นการเล่นเกมออนไลน์ Final Fantasy XIV
จู่ๆวันหนึ่งพ่อของเขาที่เป็นคนปากหนักและห่างเหินกันเกินกว่าจะคุยกันแบบเปิดใจได้ ก็ลาออกจากงานกลับมาอยู่บ้านทั้งๆ ที่เป็นคนบ้างานมาตลอดชีวิต คนในครอบครัวไม่มีใครเข้าใจเหตุผลรวมถึงอาคิโอะด้วย
แต่แล้วเขาก็นึกถึงความทรงจำวัยเด็กที่เคยร่วมเล่น Final Fantasy กับพ่อขึ้นมา และเกิดความตั้งใจว่าเขาอยากสานสัมพันธ์กับพ่ออีกครั้งผ่านการเล่นเกม โดยเขาจะคอยช่วยเหลือพ่อในเกมแบบไม่เปิดเผยตัวตน เพื่อให้พ่อค่อยๆเปิดใจกับเขาทีละน้อย ใช้ชื่อแผนการว่า 光のお父さん หรือคุณพ่อนักรบแห่งแสงนั่นเอง แต่แล้วอาคิโอะก็ต้องแปลกใจที่พบว่า การเล่นเกมด้วยกันไม่ใช่แค่ทำให้รู้จักพ่อในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง แต่เขาเองก็จะได้เรียนรู้ตนเองด้วยเช่นกัน เนื้อหาคร่าวๆ ก็มีเท่านี้

ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากเค้าโครงเรื่องจริงของผู้เล่น FFXIV คนหนึ่ง ที่บันทึกประสบการณ์ดังกล่าวผ่าน blog ส่วนตัว จนกลายเป็นเรื่องราวที่โด่งดังในคอมมูนิตี้ของเกม และได้นำไปสร้างเป็นซีรีส์เมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา

ตามข้อมูลในสื่อที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าตัวหนังสร้างมาจากซีรีส์งานเขียน Hikari no Otousan ในเว็บบล็อกของผู้เล่นเกม Final Fantasy XIV ที่ใช้ชื่อว่า Ichigeki Kakusatsu SS Nikki โดยอ้างว่านี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงระหว่างเขากับพ่อ ปัจจุบันมียอดผู้เข้าชมบล็อกนั้นมากกว่า 10 ล้านวิว และยังเคยได้ขึ้นหน้าแนะนำของ Yahoo! จนถูกนำไปตีพิมพ์

และ Netflix เคยซื้อลิขสิทธิ์ไปสร้างซีรีส์มาแล้วในชื่อ FINAL FANTASY XIV Dad of Light สตรีมในปี 2017 ซึ่ง โนงุจิ เทรุโอะ เคยร่วมกำกับก่อนจะต้องมากุมบังเหียนฉบับหนังเรื่องนี้ มันจึงกลายเป็นความท้าทายเป็นอย่างยิ่งทั้งทำยังไงให้ต่างจากฉบับซีรีส์ที่คนได้ดูและรู้ชะตากรรมตัวละครไปหมดแล้ว แถมยังต้องทำให้การเล่าเรื่องบนจอภาพยนตร์ดูน่าตื่นตาตื่นใจกระชับและจับใจผู้คน ซึ่งก็น่ายินดีที่งานนี้ โนงุจิ ทำได้สำเร็จ

แก่นเรื่อง และ fan service

ทั้งที่เป็นคนในครอบครัวแท้ๆ แต่กลับเคอะเขิน สื่อสารกันแบบมีอะไรปิดกั้นในใจ พอเป็นเพื่อนในเกมที่เราเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่ กลับจะกล้าที่จะบอกอะไรหลายๆ อย่างได้สบายใจกว่า บางคนก็คงเคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน หรือจินตนาการได้ไม่ยาก เราจึงเผลอลุ้นไปกับอาคิโอะและคุณพ่อ (ผู้ไม่รู้ตัว) ให้คลายปมความสัมพันธ์ผ่านเกมให้สำเร็จ

คุณพ่อนักรบแห่งแสง เป็นหนังครอบครัวแบบเบาๆ ฟีลกู๊ด ชวนให้ขำซะเยอะชวนให้ซึ้งอีกนิดหน่อย ไม่ได้มีดราม่าหนักหน่วงอะไร เล่าเรื่องไปเรื่อยๆ แทรกด้วยมุกที่อ้างอิงจากเกมเป็นระยะ แต่ข้อดีของมุกกว่า 90% ในหนังก็คือ ไม่ต้องเป็นคนเล่น FFXIV ก็เก็ตได้ หรือไม่เคยเล่น FF เลยก็ยังฮาได้แบบเป็นสากล ทั้งความโก๊ะ ไม่ทันเทคโนโลยีของพ่อแบบคนสูงอายุที่เป็นเหมือนกันทั่วโลก ทั้งนิสัยของตัวเอกที่เป็นตัวแทนของคนวัยทำงาน

โดยจุดที่ฉบับหนังเลือกเปลี่ยนแปลงมีหลายจุดทั้งการเริ่มเรื่องในเหตุการณ์ก่อนพ่อจะกลับมาอยู่บ้าน (ต่างจากในซีรีส์ที่เปิดมาพ่อก็มาอยู่บ้านแล้ว) หรือการกล่าวถึงชีวิตในที่ทำงานของ อากิโอะ ที่นอกจากจะทำให้เห็นอาชีพครีเอทีฟโฆษณาแล้วยังเอื้อให้มีฉากโรแมนติกกับเพื่อนร่วมงานที่น่ารักน่าชังอีกด้วย แต่การเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้นการเพิ่มตัวละครน้องสาวที่ได้ ยามาโมโตะ ไมกะ มาแสดง (เราเพิ่งเห็นหน้าเธอไปเมื่อต้นปีใน SUNNY หนังแก๊งเพื่อนสาวสุดประทับใจ)

ซึ่งการเพิ่มตัวละครน้องสาวก็ทำให้มิติของคำว่าครอบครัวลึกขึ้น เราได้เห็นความเป็นห่วงของคนเป็นพ่อที่บางทีก็สร้างรอยแผลให้ลูกในฉากที่เธอพาแฟนหนุ่มมาบ้านแล้วถูกพ่อพูดจาดูถูกจนปัญหาต่างๆ คลี่คลายเมื่อพ่อได้คำแนะนำจากเพื่อนในเกม (ซึ่งก็คือลูกชายตัวเอง) โดยเราจะเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงต่างๆในฉบับหนังช่วยให้เราสัมผัสด้านที่อ่อนโยนของทั้งพ่อและลูกได้อย่างลึกซึ้ง แถมยังใช้เวลาในการเชื่อมโยงโลกใบต่างๆของตัวละคร อากิโอะ ทั้งพ่อ ที่บ้าน เพื่อนร่วมงานและสาวที่แอบชอบเขา และโลกในเกมไฟนอล แฟนตาซี ได้อย่างกลมกลืนและเป็นเหตุเป็นผลคู่ขนานและส่งผลต่อชะตากรรมตัวละครได้ดีกว่าฉบับซีรีส์เยอะเลย

และแน่นอนว่าในเมื่อหนังเกี่ยวของกับเกม ไฟนอล แฟนตาซี 14 หลายคนคงจับตามองภาพเกมในหนัง เพราะหากพูดตามตรงฉบับซีรีส์เรายังไม่รู้สึกว่าภาพในเกมมันเชื่อมโยงมาสู่ตัวละครนัก แต่ในฉบับหนังหายห่วงได้เลยเพราะผู้สร้างลงทุนทำภาพแอนิเมชันขึ้นมาใหม่ให้มีการเคลื่อนไหวและปรับมุมกล้องตามอารมณ์ในฉากต่างๆเพื่อเชื่อมโยงมาเล่าในโลกจริงที่ตัวละครกำลังคิดหรือตัดสินใจได้อย่างแนบเนียน
ซึ่งเชื่อว่าทางเจ้าของเกมอย่าง สแควร์อีนิกซ์ น่าจะมองเห็นศักยภาพของหนังที่จะผลักให้ Final Fantasy มีเรื่องเล่าทรงพลังไว้ต่อยอดความนิยมให้แฟรนไชส์ได้ เลยยอมให้มีการนำตัวละครและฉากหลังมาทำเป็นฉบับภาพยนตร์ จนผลลัพธ์ที่ได้คือนอกจากภาพสวยแล้วมันยังเสริมการเล่าเรื่องได้อย่างทรงพลังอีกด้วย

สำหรับทีมนักแสดงต้องบอกว่านี่คือดรีมทีมอย่างแท้จริง ตั้งแต่ โคทาโร่ โยชิดะ ในบทพ่อผู้เงียบขรึมซึ่งด้วยใบหน้าที่ดูเขร่งขรึมเดาทางลำบากก็ทำให้เราเข้าใจในกำแพงกั้นระหว่างพ่อลูกได้ทันที แถมในซีนเรียกน้ำตาเขาก็ยังทำได้ดีมากๆมาแบบนิ่งๆแต่หนักหน่วงเหลือเกิน ส่วนหนุ่มหล่ออย่าง เคนทาโร่ ซาคากุจิ ก็ทำให้บท อากิโอะ ดูน่าเอ็นดู แถมยังน่าเห็นใจจนเราอดเอาใจช่วยตามไม่ได้

แต่ใช่ว่าหนังจะเอาใจแต่สาวๆ เพราะอยากจะบอกว่าฉบับหนังนี้เหมือนจะพยายามล้างความแห้งผากของซีรีส์ด้วยบรรดาสาวสวยทั้ง ยามาโมโตะ ไมกะ ในบทน้องสาวของอากิโอะที่โผล่มาพร้อมรอยยิ้มชวนละลายแล้ว ยังมี ซากุมะ ยูอิ ในบทเพื่อนร่วมงานสาวที่แอบหลงรักอากิโอะ ที่มองเผินๆลุคสาวผมสั้นดูเก้ๆกังๆอาจทำให้มองผ่านไปได้ แต่พอช็อตน้องซากุมะใส่แว่นเท่านั้นแหละรับรองหนุ่มๆมีใจละลายแน่นอน

สำหรับใครที่กลัวว่าตัวเองไม่ได้อินกับเกมไฟนอลแฟนตาซีนักอาจจะดูหนังไม่สนุก ตรงนี้อยากบอกว่าผมเองก็ไม่เคยเล่นเกมมาก่อนสักภาคแต่ตัวหนังสามารถดึงเสน่ห์ของเกม ใช้ฟังก์ชันเกมมาช่วยให้ตัวละครพ่อลูกสื่อสารกันได้อย่างน่าประทับใจจนต่อให้ไม่ได้เป็นแฟนเกมก็อินได้ไม่ยากรับรองว่าตลอด 114 นาทีของหนังจะเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ขอบตาอุ่นและได้ความประทับใจกลับไปแน่นอนครับ

จุดที่ประทับใจ

ของเรื่องนี้คงหนีไม่พ้นความอิ่มเอมของความสัมพันธ์พ่อ-ลูก ซึ่งเอาจริงๆบางครั้งสถานะก็กลายเป็นอุปสรรคในการเปิดใจเข้าหากัน
แต่กลับกันเราทำไมเราถึงกล้าพูดทุกเรื่องกับคนที่ไม่รู้จัก อีกจุดที่หนังนำเสนอได้ดีคือความต่างของวัยที่ทำให้เห็นทัศนคติ ค่านิยม และมุมมองที่แตกต่างกัน ซึ่งหนังก็ถ่ายทอดออกมาให้เห็นได้ดีทั้งในมุมที่ตลกและซีเรียสอีกทั้งนักแสดงก็เล่นดีทั้งพ่อและลูก สัมผัสได้ถึงความน่าอึดอัดในแบบที่มันไม่ควรอึดอัดจริงๆ

มีจุดที่น่าเสียดายนิดหน่อย

คือรู้สึกว่าฉากไคลแม็กซ์บิ้วอารมณ์มาได้ดีมาก แต่ยังไปได้ไม่สุด เหมือนต้อนเรามาได้จนหมดทางหนี แต่ไม่ยอมฆ่าให้ตาย ซึ่งตอนดูผมคิดว่าคงเสียนำ้ตาให้เรื่องนี้แน่ๆ แต่มาได้แต่เกือบจะปริ่มๆเอง

สำหรับคนที่เคยดูฉบับซีรี่ส์มาแล้ว

ก็ถือว่ายังได้มุมมองอีกแบบนึง เพราะถึงแม้โครงเรื่องหลักเกือบจะเหมือนเดิมแต่รายละเอียดได้ถูกเปลี่ยนไปหลายจุดเพื่อให้เหมาะกับการเป็นภาพยนตร์แม้แต่คาแรตเตอร์ของตัวละครก็ถูกเปลี่ยนให้มีความสมเหตุสมผลขึ้นด้วย

ทิ้งท้ายสำหรับใครที่ไม่เคยเล่นหรือรู้ไม่รู้จัก FF XIV มาก่อนก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะเนื้อหาภายในหนังไม่ได้เสนออะไรที่เข้าใจยาก แค่คุณรู้จักคำว่าเกม Online ก็เพียงพอแล้ว ส่วนคนที่เคยเล่น FF XIV คุณได้จะเจอมุกหรือกิมมิคจากเกมที่ใส่เอาไว้และน่าจะทำให้ประทับใจกับเรื่องนี้ยิ่งขึ้นไปอีก

สรุป

ในฐานะคนที่เล่น FFXIV เรียกว่าไปดูเพราะเป็นหน้าที่ ฮะฮ่า ไม่คาดหวังเท่าไหร่เพราะว่า หนังออนไลน์ เคยอ่านบล็อกและดูฉบับละครมาแล้วก็คิดว่าคงเหมือนๆ กัน แต่ปรากฏว่าก็ประทับใจอยู่ดี ถึงจะไม่ได้ดัดแปลงเนื้อหาหลักไป แต่ฉบับภาพยนตร์นี้มีการเพิ่มเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยและตัวละครบางตัวเข้ามา ทำให้การเล่าเรื่องมีรายละเอียดมากกว่ากว่าแบบละคร ความยาวของหนังคือ 114 นาที เกือบสองชั่วโมง มีบางช่วงที่คนดูละครมาแล้วจะรู้สึกว่าเดินเรื่องช้า (ก็มันเรื่องเดิม) แต่โดยรวมก็สมจังหวะหนังที่ออกแนวสบายๆ ไม่เร่งรีบ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น