Metamorphosis 2019
รีวิว Metamorphosis ปีศาจเปลี่ยนหน้า
Metamorphosis คือหนังสยองขวัญในกลุ่ม “หนังไล่ผี” ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากหนังฝั่งตะวันตกอย่าง The Exorcist หรือกระทั่ง The Conjuring ซึ่งให้ความแปลกใหม่ร่วมสมัย โดยจุดเด่นสำคัญในหนังกลุ่มนี้คือตัวละครกลุ่มหลักของเรื่องจะต้องเผชิญหน้ากับวิญญาณร้ายหรือปีศาจที่มาอาศัยร่างมนุษย์เพื่อแสดงออกถึงความชั่วร้าย ผู้ที่มาปราบปีศาจมักจะเป็นบาทหลวงหรือนักไล่ผีที่เป็นตัวแทนของพระผู้เป็นเจ้าตามความเชื่อของศาสนาคริสต์ รีวิว Metamorphosis ปีศาจเปลี่ยนหน้า และ ดูหนังออนไลน์
เรื่องย่อ
เรื่องลึกลับของครอบครัวหนึ่ง นำโดยผู้เป็นพ่ออย่าง พัค คังกู (รับบทโดย ซอง ดงอิล) ที่เพิ่งย้ายเข้าบ้านใหม่ได้ไม่นาน แต่กลับเจอกับเรื่องราวสุดสะพรึงและไม่ชอบมาพากลมากมาย จนพวกเขาเริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของคนในครอบครัว และคำตอบที่ได้คือการพยายามแฝงตัวของปีศาจปริศนา ด้วยการ “เปลี่ยนหน้า” เป็นหนึ่งในพวกเขา
แต่เรื่องนี้ดูจะหนักเกินกว่าพวกเขาจะแก้ไขกันเองได้ คนเดียวที่คนพ่อพอจะนึกออกคือ พัค จุงซู (รับบทโดย เบ ซองอู) น้องชายที่ปัจจุบันเป็นบาทหลวง แต่ จุงซู กลับลังเลในการให้ความช่วยเหลืออันเนื่องมาจากความล้มเหลวในการปราบผีของเขาในอดีตจนทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิต และกลายเป็นความฝังใจเขาจนถึงปัจจุบัน แต่สุดท้ายแล้ว เขาจะเลือกเมินเฉยต่อเหตุการณ์นี้เพราะไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย หรือจะยอมเสี่ยงเพื่อช่วยครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียวของเขาก่อนที่จะสายเกินไป
โดยตัวพลอต น่าสนใจในมุมของสาระเรื่องความชั่วที่อยู่ในสัญลักษณ์ของปีศาจ ความชั่วจะเข้าครอบงำมนุษย์ได้ ก็เมื่อจิตใจคนนั้นมีความโกรธ เก็บกด คิดไม่ดี เป็นช่วงเวลาที่คนจะหลุด ไร้สติ ไร้เหตุผล ปล่อยความชั่วครอบงำ ทำสิ่งเลวร้ายได้ ว่ากันง่ายๆคือ เมื่อจิตพร้อมจะมืด ความมืดก็เจ้ายึดครองได้ง่าย ถ้าจิตสว่าง มันก็คงไม่มีที่ให้แฝงตัว
ซึ่งถ้าเป็นการสิงร่าง ก็คงเข้าใจประเด็นนี้ได้ลงตัว แต่พอเป็น ‘ปีศาจเปลี่ยนหน้า’ เลยต้องมโนขยายต่อให้เองอีกว่า ปีศาจฉลาดจนรู้จุดอ่อนของคน เลยเลียนแบบเป็นคนๆนั้นได้ แต่คนชั่วคงเลียนแบบคนดีไม่ได้ จึงได้แต่ถอดแบบมุมด้านมืดของคนนั้นออกมาผสมผสานความชั่วร้ายขอตนเข้าไปอีก
แต่เนื้อหาในรายละเอียดก็อาจมีหลวมๆไปบ้าง และมุมดรามาก็ยังไปได้ไม่สุด แม้กระนั้นก็ตาม ฉากสุดท้ายที่เข้าบทของสองพี่น้อง คังกู และจุงซู ก็ยังถือว่าทำได้ดี ได้อารมณ์มาก ยกความดีให้กับฝีมือการแสดงของทั้งซองดงอิลและแบซองอูไปเลย
เรื่องปลีกย่อยที่สะดุดใจผู้เขียน คืองานแคสติ้งดี ลูกสาวสองคนนี่คือหน้าคล้ายกันมาก เคยดูงานแสดงของทั้งคู่ แต่ไม่เคยรู้สึกว่าหน้าเหมือนกัน พอมาอยู่ด้วยกันในเรื่องนี้คือดีงามลงตัวเลย สมเป็นพี่น้องจริงๆ และเมื่อรวมกับน้องชายเข้าไปอีกกลายเป็นว่าทุกคนเหมาะสมจะเป็นลูกของพ่อซองดงอิลมากเลย
ผู้กำกับ คิม ฮง-ซุน (Kim Hong-seon) เจ้าของรางวัล บลูดรากอน (เวทีสุพรรณหงส์ของเกาหลีใต้) สาขาผู้กำกับหน้าใหม่ยอดเยี่ยมจากหนัง The Traffickers (2012) และเคยกำกับซีรีส์ดังอย่าง Liar Game (2014) ฉบับเกาหลีใต้มาแล้ว แน่นอนว่าเขาถนัดงานแนวดราม่าอาชญากรรมเขย่าขวัญมาเป็นทุนเดิม แต่ครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งแรกที่เขาได้ทำหนังแนวสยองขวัญ โดยได้ดาราฝีมือเข้าชิงรางวัลอย่าง เบ ซองอู ที่ปกติมักได้รับบทสมทบแต่มารอบนี้ก็ได้บทเด่น จุงซู บาทหลวงนักไล่ผีที่มีปมในอดีต
จุงซู (รับบทโดย แบซองอู) เป็นบาทหลวงคาทอลิก ที่มีความสามารถปราบผี ในการทำพิธีครั้งหนึ่งได้เปลี่ยนชีวิตเขาจนตกต่ำท้อถอย เพราะวันนั้น นอกจากจะไม่สามารถกำจัดผีร้ายได้แล้ว ยังช่วยชีวิตสาวผู้เคราะห์ร้ายคนที่ถูกสิงไม่ได้ เธอตายไปต่อหน้าต่อตา และผีร้ายก็ยังทิ้งคำอาฆาตมาดร้ายว่าจะตามรังควานไปถึงครอบครัวของบาทหลวงจุงซูที่บาทหลวงแพ้มันก็เพราะมันเป็น ‘ปีศาจเปลี่ยนหน้าได้’
ทำให้เขาหลงกลพลาดท่าไป (คงเพราะต่างจากปกติที่รู้ๆกันว่าปีศาจมักใช้การสิงร่างคนมากกว่า)
บาทหลวงจุงซู รู้สึกผิดต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นตราบาปที่ละอายใจจนมิอาจทำงานปราบผีได้อีก เขาแยกจากครอบครัวมาอาศัยที่โบสถ์ เขามุ่งแต่งานสอนหนังสือ และทำงานอาสาให้โบสถ์ ในระหว่างที่รอการอนุมัติโอนย้าย หวังไปอาศัยอยู่ต่างประเทศ ส่วนแม่ของเหยื่อก็ไม่พอใจ ปล่อยข่าวความผิดของ
บาทหลวงไปทั่ว จนทำให้ครอบครัวของบาทหลวงจุงซูเดือดร้อน อยู่ในสังคมไม่ได้ ต้องย้ายบ้านหนี
ขณะที่บทนำอื่นอย่าง จังกู หัวหน้าครอบครัวก็ได้ดาราที่เคยเข้าชิงรางวัลสมทบชายยอดเยี่ยมเช่นกันอย่าง ซอง ดงอิล มารับบทนำ และที่น่าจะคุ้นตาแฟน ๆ บ้านเรามากสุดคงไม่พ้น คิม เฮียวจุน หรือราชินีงูพิษใน Kingdom ซีรีส์ซอมบี้ย้อนยุคทางเน็ตฟลิกซ์ ที่มารับบทบาทลูกสาวคนโตของครอบครัว และ แพค ยุนซิก หรือท่านประธานาธิบดีจากซีรีส์ Vagabond ของเน็ตฟลิกซ์อีกเช่นกันที่มารับบทอาจารย์ของจุงซู
ความโดดเด่นที่สัมผัสได้จากหนังเรื่องนี้ คงต้องเอาเปรียบเทียบกับหนังแนวไล่ผีของเกาหลีเรื่องอื่นที่เพิ่งเข้าฉายไปไม่นานอย่าง The Divine Fury มือนรกพระเจ้าคลั่ง ซึ่งหากเปรียบเรื่องนั้นเป็นนักไล่ผีแบบหนัง จอมขมังเวทย์ ของไทยที่กำลังจะมีภาคต่อ Metamorphosis เรื่องนี้ก็คงเปรียบได้กับหนังไทยอย่าง สิงสู่ ของ วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง ก็ไม่ปาน ด้วยพลอตที่ว่าด้วยครอบครัวเผชิญวิญญาณร้ายที่ปลอมแปลงกายเป็นใครก็ได้ คอยรุกรานหลอกหลอน รวมทั้งก่อความแตกแยกหวาดระแวงกันเองในครอบครัว
ขณะที่หนังของวิศิษฏ์มุ่งการตีความเชิงสัญญะต่อสังคมไทย หนังเกาหลีเรื่องนี้กลับมุ่งตรงไปยังสาระ
แห่งแนวหนังสยองขวัญ ประหนึ่งจะพิสูจน์ว่าเกาหลีเองก็ทำหนังแบบ The Exorcist (1973) อันลือลั่นของฝรั่งได้เช่นกัน ผลลัพธ์ของมันจึงมิใช่การแสวงหาทางหักมุมให้คนดูอึ้งทึ่งหรือการแสดงสัญญะปรัชญามากมาย แต่กลับค่อย ๆ เชือดค่อย ๆ ขยี้หัวใจคนดูในแบบทางดราม่าที่เกาหลีถนัดจัดจ้าน ทั้งยังมีกลิ่นไอความสยองกดดันได้สมราคาหนังสยองขวัญที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในเกาหลีจริง ๆ
ปัจจัยความสนุกหรือน่ากลัวของหนัง ต้องยอมรับในฝีมือการแสดงของดารารุ่นใหญ่รุ่นเล็กประการหนึ่ง เพราะแต่ละคนต้องแสดงทั้งบทบาทครอบครัวที่อ่อนไหวเปี่ยมอารมณ์และคาแรกเตอร์เฉพาะตัว แต่ในหน้าเดียวกันพวกเขายังต้องแสดงความสยองพองขนในบทบาทของวิญญาณร้ายที่แปลงกายมาด้วย และด้วยความที่ไม่ดึงดาราดังที่เอกลักษณ์ชัดจนบดบังการแสดงมาเลยสักคน ทั้งยังเป็นนักแสดงสายฝีมือที่เด่นไปทางสายรางวัล ก็ทำให้หนังน่าเชื่อ หรืออินเข้าไปในการรับรู้ของคนดูง่าย
นอกจากนั้นผู้กำกับและมือเขียนบทยังช่วยกันสร้างซีนที่น่าขนหัวลุกออกมาได้อย่างน่าสนใจไม่ว่าจะเป็น ฉากสองพี่น้องในห้องน้ำ (อันนี้หลอนมาก) หรือฉากที่ชวนหวาดเสียวจากฝีมือของลูกชายคนเล็กในยามที่ทุกคนหลับไหล ตลอดจนฉากรุนแรงที่เต็มไปด้วยพลังอย่างฉากโต๊ะทานข้าว ฉากเตียงนอนของลูกสาว และฉากถือค้อนไล่ฆ่า ล้วนแล้วแต่มีพลังขับเคลื่อนกราฟความสนุกและลุ้นของหนังมากขึ้น เครียดขึ้น ได้อย่างดี
ฉากที่โดดเด่นที่สุดใน Metamorphosis
คือฉากที่สองพี่น้องซังวู (คิม ฮเย-จุน) และฮยุนจู (โช ยี-ฮยุน) ที่กำลังปรึกษาถึงพฤติกรรมแปลกๆของพ่อตัวเอง ทันใดนั้นคังกู ก็บุกเข้ามาให้ห้องของลูกสาวแล้วจู่โจมพวกเธอ อย่างน่าหวาดผวา เกมแมวไล่จับหนูเริ่มต้นขึ้น คังกูเดินไปหยิบค้อนมาไล่ทุบหัวลูกสาวตัวเอง ระหว่างที่ซังวูและฮยุนจูหวาดผวาและกรีดร้อง ทันใดนั้นคังกูตัวจริงได้เดินขึ้นบันไดมาด้วยความฉงนว่าลูกสาวตัวเองเป็นอะไร สายตาของลูกๆที่แทบไม่เชื่อตาของตัวเอง ทันใดนั้นมยุงจู (จาง ยังนัม) ก็ปรากฏตัวขึ้นมาด้วยท่าทีเคร่งเครียดและหยิบค้อนที่หล่นอยู่มาไล่ฟาดสมาชิกคนอื่นในบ้านต่อ
จุดเด่นของปีศาจใน Metamorphosis
คือการปั่นหัวสมาชิกในครอบครัวของคังกูให้เกิดความหวาดระแวงไม่เชื่อใจกันเอง ก่อนที่หนังจะเล่นงานพวกเขาและทำให้คนดูได้เห็นช่องโหว่ของความสัมพันธ์ในครอบครัวนี้ แม้ทุกอยู่อาจจะดูเป็นไปตามสูตรสำเร็จแบบหนังไล่ผีที่เราคุ้นตามาก่อน แต่เมื่อกลายมาเป็นหนังสัญชาติเกาหลีแล้ว ความเป็นเอเชียที่คนในภูมิภาคนี้จะเชื่อมโยงเรื่องความผูกพันของคนในครอบครัว จึงทำให้ประเด็นในหนังเรื่องนี้ดูใกล้ตัวคนดูมากกว่าที่คิด
ส่งท้าย
อย่างสุดท้ายที่คงต้องชื่นชม หนังถ่ายทอดสด ว่าคงเป็นเทคนิคการแต่งหน้า และการออกแบบศิลป์ต่าง ๆ ที่ทำได้สยอมสมจริงและแปลกตา มีบ้างบางฉากที่พอจัดไฟแล้วกลายเป็นผีฮ่องกงบ้าง แต่โดยภาพรวมต้องยอมรับว่าการแต่งหน้าเสริมพลังของวิญญาณร้ายได้น่าขนลุกมาก ๆ จริง ๆ และจุดอ่อนอีกอย่างก็คือเรื่องของตอนจบที่คิดว่าน่าจะขยี้ได้แปลกใหม่มากกว่านี้ แต่แบบนี้ก็ยอมรับได้อยู่ โดยรวมคงต้องบอกว่าเป็นหนังที่สนุกเกินความคาดหมาย เป็นม้ามืดในสัปดาห์นี้ได้เลยล่ะนะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น