วันพุธที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2563

The Lego Movie 2: The Second Part


 ดูหนังฟรี

รีวิว The Lego Movie 2: The Second Part

สำหรับภาคต่อนี้ ฟิลลอร์ดและคริส มิลเลอร์ สองผู้กำกับภาคแรกขยับมาเขียนบทแล้วส่งต่องานกำกับให้ ไมค์ มิตเชล โดยนอกจากการขนคาแรคเตอร์อันจากหนังหลายแฟรนไชส์ดังๆมาปรากฎตัวเรียกเสียงฮาแล้ว สิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือหนังภาคนี้ถูกคิดบทมารัดกุมขึ้น มีดราม่าครอบครัวที่ดูจับต้องได้มากขึ้นแต่ยังไม่ทิ้งมุกจิกกัดที่ดูจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว โดยไฮไลต์สำคัญของภาคนี้คือการที่มันถูกแปลงให้มีความเป็นมิวสิคัลมากขึ้น เพลงแต่ละเพลงนอกจากเล่าเรื่องแล้ว ยังอุตส่าห์แต่งเนื้อเพลงมาล้อเลียนหนังซูเปอร์ฮีโร่ หรือจิกกัดชีวิตตัวละครได้อย่างมีสีสัน ที่สำคัญเพลงยังเล่นสนุกกับคนดูตั้งแต่ต้นยังท้ายเครดิต (คือมีแม้กระทั่งเพลงที่แต่งเพื่อเอนด์เครดิตโดยเฉพาะอ่ะ คิดดูว์)  แบบที่ใครฟังเพลงในหนังแล้วไม่หลอนติดหัวนี่คงเป็นคนใจแข็งมาก แถมยังตื๊ดซะจนอยากเปิดผับในโรงหนังให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย รีวิว The Lego Movie 2

เรื่องย่อ

เมื่อเอเลี่ยนบุกจับตัว ไวล์ดสไตล์ (เอลิซาเบธ แบงส์) และผองเพื่อน เอ็มเม็ต (คริส แพร็ต) จำต้องเลิกแบ๊วแล้วใส่มาดเข้มออกเดินทางข้ามอวกาศเพื่อไปต่อกรกับ ควีนวอตเอฟว่าวอนนาบี (ทิฟฟานี แฮดดิช) ที่จับเพื่อนเอ็มเมตมาล้างสมอง แถมยังบังคับให้ แบตแมน (วิล อาร์เน็ต) แต่งงานกับเธอบังหน้าเพื่อหวังทำลายโลก และในขณะที่เอ็มเมต หมดสิ้นหนทางก็ได้พบกับ เร็กซ์ แดนเจอเวสต์ (คริส แพร็ต) ผู้มีอดีตดำมืดที่ยื่นมือมาช่วยเหลือ งานนี้เอ็มเม็ต จะช่วยเพื่อนของพวกเขาได้หรือไม่ ต้องติดตาม

มาสู่ภาคที่สองกับ เลโก้ เดอะ มูฟวี่ ที่ยังคงความเกรียน นักแขวะ และล้อเลียนกันได้ในทุกฉากๆ ภาคนี้ยังให้สนุกสนานบ้าบอเช่นเคย ปั้นแต่งโลกของเลโก้ให้เข้ากับการดูของผู้ใหญ่ได้ และมีสัญญะกับเนื้อเรื่องที่เข้าไปถึงใจคนได้ เหมาะกับทุกวัย โดยเฉพาะผู้ใหญ่ที่ยังมีหัวใจเป็นเด็กให้ได้พักพิง

เรียกได้ว่ากว่าแฟนๆ จะได้ชมภาคต่อก็ต้องรอคอยกันนานถึง 5 ปี เลยทีเดียว เชื่อว่าบางคนอาจจะจำเรื่องราวในภาคแรกไม่ได้เสียด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไปเพราะหนังได้ปูเรื่องราวมาให้คร่าวๆ แล้วว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นบ้างและไม่ใช่เรื่องซับซ้อนยากที่จะเข้าใจ ถือได้ว่าการผจญภัยของเหล่าเลโก้ในภาคนี้ได้ยกระดับความอันตรายมากขึ้นไปหลายเท่า เพราะตัวละครทุกตัวนั้นล้วนแล้วแต่ต้องเผชิญหน้ากับอันตรายที่แฝงมาด้วยความบ้องแบ๊ว ทำเอาคนดูอย่างเราอดยิ้มเอ็นดูไม่ได้เลย

ภาคนี้ต่อตรงแหน่วจากภาค 1 หลังจากที่พ่อซึ่งเป็นเจ้าของจักรวาลเลโก้ชั้นใต้ดิน ยอมปลดปล่อยความเพอร์เฟ็คให้ลูกชายของเขาได้สานต่อการด้วยการเล่น เพื่อให้โลกของเลโก้ดำเนินต่อไปอย่างที่มันเป็นตามที่เอมเม็ตขอร้อง แต่เรื่องกลับพีคขึ้นเมื่อครอบครัวดังกล่าวมีลูกสาวคนสุดท้อง! นำมาสู่การมาเยือนจากต่างดาวที่ไม่พูดพร่ำทำเพลง ต่อสู้กันอุดตลุด โดยที่ฝั่งเลโก้กับเมคเกอร์ไม่สามารถสู้ได้เลยซักครั้ง

จนเวลาล่วงเลยมา 5 ปี เบิร์คซิตี้กลายร่างเป็นอะโพคาลิปเบิร์ค ทุกคนเติบโตขึ้น เหี้ยมขึ้น เพื่อไม่ให้ความน่ารักลักพาตัวไป เหลือแต่เอมเม็ตเท่านั้นที่ยังคงไร้เดียงสา ใจดี และมีความสุขกับสิ่งที่เขาเป็น ก่อนที่เขาจะได้นิมิตว่าจะเกิดหายนะ "มามาเกด้อน" ที่จะกลืนทุกอย่างลงในถังมืดมิด โดยดูหนังฟรีทุกอย่างจะเริ่มต้นขึ้นหลังจากเหล่าเมคเกอร์จากภาคแรกถูกลักพาตัวไป และจะจบลงด้วยงานแต่ง เอมเม็ตเป็นคนเดียวที่รอดจากการจับตัว เขาต้องเติบโต ต่อสู้ และช่วยเหลือพวกพ้องกลับมา เพื่อจะเจอบทสรุปหักมุม และทำให้โลกของทุกคนเปลี่ยนไปตลอดกาล

เลโก้ภาคนี้ยังคงเสน่ห์ของมุขตลกเกรียนได้ตลอดเวลา แถมการแขวะหนังเรื่องอื่น ซีรีย์เรื่องอื่นได้สนุกสนานเช่นเคย ส่วนที่ร้องเพลงก็ทำเอาเบื่อๆ ไปบ้าง แต่ใครที่สนุกกับจังหวะบีตมันส์ๆ ก็ทำให้อินได้ แต่สิ่งสำคัญของเรื่องนี้กลับเป็นเนื้อเรื่องที่เข้าถึงอินไซต์ของการเล่นและการเติบโต
สำหรับมุกในหนังนี่ก็แบ่งได้หลายประเภท ตั้งแต่มุกจิกกัดซูเปอร์ฮีโร่ที่นอกจากจะแซวแบตแมนเป็นเพลงได้ฮาและเจ็บแสบมากแล้ว ยังมีมุกที่กัดตัวสตูดิโอตัวเองอย่างหนังฮีโร่ของดีซีที่ดูจะยังเป็นรองมาร์เวลอยู่หลายช่วงตัว หรือจะเป็นความล้มเหลวของหนังจักรวาลดีซีอย่างจัสติสลีคก็เล่นแบบไม่เกรงใจวอร์เนอร์กันเลยทีเดียว แสดงให้เห็นถึงความสร้างสรรค์อันไร้ขอบเขตแถมยังอยู่ในเรตที่เด็กยังดูได้ด้วยนะ เพียงแต่มุกซูเปอร์ฮีโร่ดูจะเหมาะกับวัยรุ่นตอนปลายถึงผู้ใหญ่ที่เข้าโรงหนังในช่วง 15 ปีที่ผ่านมามากกว่าเด็กเล็กๆนะครับ

อีกอันที่ประทับใจคงเป็นมุกเช็คอายุคอหนัง เพราะขุดมาทั้ง ดาย ฮาร์ด ที่อุตส่าห์มี บรูซ วิลลิส ฉบับเลโก้ ด้วย นอกจากนี้ยังอ้างอิงหนังดังๆตั้งแต่ Back to the future, The Matrix และอีกมากมาย โดยที่หนังถ่ายทอดสดมุกเหล่านี้ก็ยังไปตอบโจทย์ของหนังว่าด้วยการเติบโตได้อย่างช่างคิดอีกด้วยนอกนั้นก็เป็นมุกแซวคนบันเทิงประปรายที่ถ้าใครไม่รู้จักก็อาจไม่เก็ตได้เหมือนกัน จนมุกส่วนใหญ่ของหนังดูจะเหมาะกับคนที่ผ่านหนังและเพลงยุค 90 มาแบบหนักหน่วง เสพย์สื่อบันเทิงทั้งหนังทั้งเพลงหนักๆเลยถึงจะเข้าใจมุกในหนังที่เล่นกัน 5 บาท 10 บาทแทบทุกนาที

อีกส่วนประกอบความสนุกคือบรรดานักแสดงที่มาให้แสดง นอกจากคริส แพร็ต ที่พากย์ 2 ตัวละครและบรรดาหน้าเก่าเสียงเก่าที่ยังพากย์ได้สนุกเหมือนเดิมแล้ว หนังยังเพิ่ม ทิฟฟานี แฮดดิช ตลกสาวที่มาให้เสียงราชินีวอตเอฟว่าวอนนาบี แถมร้องเพลงได้ไพเราะอีกด้วย จนหนังออกมาครบเครื่องความสนุกสุดๆไปเลย ซึ่งการที่หนังเพิ่มคาแรกเตอร์มากขึ้นก็ทำให้มีนักแสดงรับเชิญมาพากย์เสียงให้ความบันเทิงมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัวอีกด้วย

พอเราตีความ ค่อยๆ เอาสัญญะมาร้อยเรียง เราจะเห็นความขัดแย้งทางความคิดระดับผู้ใหญ่ในเรื่องเหมือนที่เกิดขึ้นในภาคที่แล้ว เช่นตัวพี่ชายที่เติบโตเอาตัวรอด เย็นชากับน้องสาว เปลี่ยนทุกอย่างให้ดิบเถื่อน น้องสาวจะไม่ได้เอาไป ก็ออกมาเป็นภาพแบบ อะโพคาลิปเบิร์ค หรือการพยายามสื่อสารที่ไม่ได้ผลของน้องสาวไปหาพี่ชาย จนเกิดการทำลายล้างไม่มีที่สิ้นสุด ที่สุดท้ายแล้วผลลัพท์จะนำไปสู่สัจธรรมของชีวิต ในที่ๆทุกอย่าง "ไม่ได้สุดยอด" ที่ๆ ทุกอย่างจะต้องไปต่อ

นอกจากนั้นหนังก็ยังความขี้แซะไว้เหมือนเดิมแทบไม่มีผิดเพี้ยน เว้ยเสียแต่ว่าจะเพิ่มมุกใหม่ตามจำนวนหนังของ DC Comic, Fox และ Warner Bros. ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งหากใครที่ไม่เคยดูหนังของค่ายนี้มาก่อนก็อาจจะไม่ค่อยเข้าใจในหลายๆ มุก เพราะแต่ละมุกที่ยิงมานั้นต้องเป็นคนที่เคยดูหนังมาแล้วถึงจะเข้าใจจริงๆ เรียกได้ว่าเป็นหนังขี้แซะแห่งปีเลยก็ว่าได้ ในส่วนของเพลงประกอบภาพยนตร์ก็ถือว่าทำออกมาได้สร้างสรรค์ไม่แพ้ภาคแรก โดยเฉพาะในเอนด์เครดิตที่เชื่อว่าหลายจะต้องดูจนจบแน่นอน
แน่นอนว่าหนังไม่ได้ให้แค่ความสนุกและตลกโปกฮาอย่างเดียว แต่ยังแฝงเรื่องราวความสัมพันธ์ของเหล่าเลโก้ที่มีความทับซ้อนกับโลกมนุษย์ได้อย่างลึกซึ้ง รวมทั้งยังได้เห็นถึงพัฒนาการ, ความเปลี่ยนของชีวิตที่มีทั้งเรื่องดีและร้าย ซึ่งประสบการณ์เหล่านี้ก็ล้วนแล้วแต่ให้บทเรียนให้เรานั้นได้เรียนรู้ที่จะยอมรับและสิ่งไหนที่ไม่ดีก็ต้องหาทางป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก

รีวิว The Lego Movie 2

ความรู้สึกแรกหลังดูจบ
คือตอนแรกคิดว่า Lego Movie ไม่น่ามีภาคต่อเท่าไหร่ เพราะภาคแรกมันคือดีมาก ระดับ Masterpiece จบครบสมบูรณ์ในตัวมัน พอมีภาคต่อออกมาก็แอบคิดว่าจะซ้ำทางหรือเปล่า ยังคงสเน่ห์เดิมไว้ได้ไหม แต่สรุปก็คือตัวหนังยังคงความสนุกเอาไว้อย่างครบถ้วน โอเคว่าสูตรการดำเนินเรื่องอาจจะเหมือนเดิม แต่รายละเอียดปลีกย่อย เรื่องราว เนื้อหา รวมไปถึงกิมมิคนั้นแตกต่าง และเล่นใหญ่ไปกว่าเดิมมากเลยทีเดียว แต่ก็ไม่ลืมที่จะคงจุดเด่นของภาคแรกไว้

สิ่งที่น่าชื่นชม
มุกตลกนี่แหละคือจุดที่ทำให้ต่อมเนิร์ดแตกมากที่สุด ต่อมฮาก็แตกกระจาย คือมุกยิบมุกย่อย ปั่นนู่นปั่นนี่ แซวหนังเรื่องนู้นเรื่องนี้ จัดเต็มยิ่งกว่าภาคแรก ทำให้หนังค่อนข้างดูเพลินเอามากๆ แถมตัวเรื่องราวในภาคนี้คืออัดมาแทบจะเป็นมหากาพย์การดำเนินเรื่องเลย เพราะตัวเนื้อหามันมีรายละเอียดมากมายเต็มไปหมด แต่ก็ตรงนี้แหละคือจุดที่น่าชื่นชมจริงๆ ที่เขาขยายมันออกมาได้อลังการและยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ส่วนเรื่องของความคิดสร้างสรรค์และงานภาพมันดีมาในหนังตระกูลเลโก้ที่ฉายโรงทุกเรื่องอยู่แล้ว แต่เรื่องของเพลงประกอบอันนี้คือน่าจดจำมากจริง ๆ

สรุป

เป็นหนังที่ดี มีความเป็นผู้ใหญ่พอๆ กับความเป็นเด็ก เป็นส่วนผสมที่น่าสนใจ แต่หนังจำเป็นต้องทำการบ้านด้วยการดูภาคหนึ่งมาก่อน ทำให้มันเป็นตลาดเฉพาะเข้าไปอีก แต่ตัวหนังก็ไม่สนใจจุดนั้น สำหรับทีมงาน เลโก้เป็นอะไรที่เฉพาะมากๆ อยู่แล้ว และภาคภูมิใจกับตัวเองที่เป็นแบบนั้น นั่นทำให้หนังมีความแตกต่างพอสมควร เป็นหนังที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย และทำให้เราเข้าใจโลกของเด็กในผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ในเด็กได้ดีมากๆ

โดยรวม The LEGO Movie 2 ยังสานต่อความสนุกและคุณภาพจากภาคแรกเอาไว้ได้เลย ตัวบทตัวกิมมิคของเรื่องอาจจะไม่คมเท่าภาคแรก แต่รับรองว่าต้องยอมใจในความฮาและความบ้าของหนังที่อัดใส่เราตั้งแต่ต้นเรื่องไปยันเอนด์เครดิตเลยทีเดียว ใครที่ชอบภาคแรก หรือภาคแบทแมนก็ดี ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น