รีวิว Tootsies And The Fake - ตุ๊ดซี่ส์ แอนด์ เดอะเฟค
เรื่องย่อ
งานเข้าเหล่าแก๊งตุ๊ดทันทีเมื่อ เคที่ (อารยา เอ ฮาร์เก็ตต์) ซุปตาร์เบอร์ต้นของเมืองไทยดันประสบอุบัติเหตุจากเหงื่อเจ้ากรรมของ อีกอล์ฟ (ปิงปอง ธงชัย) จนโคม่า งานนี้นางเลยแท็กทีม 2 เพื่อนตุ๊ดทั้ง กัส (เพชร เผ่าเพชร) ที่ต้องตัดสินใจเลือกระหว่าง วิน (กรรณ สวัสดิวัตน์) แฟนใหม่แสนดี กับ ท็อป (เจ กฤษณภูมิ) แฟนเก่าชวนใจสั่น, คิม (เต๋อ รัฐนันท์) ศจีสาวตกสวรรค์แถมจมูกพังกลางอากาศ และอีก 1 เพื่อนดี้อย่าง แน็ตตี้ (พีค ภัทรศยา) ที่แม่ขู่จะยกมรดกให้แมวหากนางไม่ยอมมีลูก ทั้งสี่ต้องร่วมภารกิจแปลง เจ๊น้ำ (อารยา เอ ฮาร์เก็ต) แม่ค้ากะหรี่ที่มีเพียงใบหน้าที่ไปศัลย์ ฯ จนเหมือนคุณเคที่ มา “เฟค” เป็นซุปตาร์เบอร์หนึ่งของเมืองไทยในงานถ่ายโฆษณาชิ้นสำคัญก่อนจะถูกฟ้องจนหมดตัว รีวิว Tootsies And The Fakeนับจากเรื่องราวสนุก ๆ ของกะเทยชื่อ ช่า บนเพจเฟซบุ๊ค บันทึกของตุ๊ด ได้โลดแล่นบนหน้าไทม์ไลน์สร้างความสนุก เสียงหัวเราะ ให้ข้อคิด และบ่อยครั้งก็มีคราบน้ำตามาเป็นของแถมผู้อ่าน จนกระแสความนิยมได้ไปเตะตาทาง GDH 559 แล้วมอบหน้าที่กุมบังเหียนให้กับ เติ้ล กิตติภัค ทองอ่วม อดีตแคสติงไดเรกเตอร์ตัวกลั่นมาเป็นผู้กำกับแบบเปิดซิงครั้งแรกในชีวิต แล้วหลังจากซีรีส์ออนแอร์ ดูหนังฟรีและ สตรีมมิงออนไลน์ จนได้รับความนิยมไปจนครบ 2 ซีซัน ปีนี้ก็ได้ฤกษ์ที่เหล่าแก๊งตุ๊ดซี่ส์จะได้มาโลดแล่นบนจอใหญ่ และในเมื่อสูตรของซีรีส์มันทำแล้ว “สำเร็จ” ก็เลยยกโครงสร้างการเล่าเรื่องของซีรีส์มาใช้เสียเลย
แต่เพื่อให้เหมาะกับหนังความยาว 108 นาทีของหนังแทนที่เรื่องราวจะเจาะไปที่แต่ละตัวละครแบบในซีรีส์แต่ละตอน หนังเลยปรับโครงสร้างให้มีพลอตหลักเป็นภารกิจกู้หน้าความ “พังพิ” ที่กอล์ฟและคิมก่อไว้กับซุปตาร์อย่าง แคร์ธรี่… (ออกเสียงเลียนแบบตัวละครป๋อมแป๋ม) แล้วเสริมพลอตรองด้วยประเด็นของกัส อย่างประเด็นที่นางเกลียดเด็กเข้าไส้ แต่วินดันต้องเอาหลานกำพร้ามาเลี้ยงในบ้านเป็นพลอตรองที่เกือบสำคัญเท่าพลอตหลัก แล้วมีพลอตย่อยอย่างเรื่องของแนตตี้ที่น้อยใจแม่ไม่ยอมเซ็นยกมรดกแถมยังไปเอาแมวมาเลี้ยงเป็นลูกแถมยังบังคับให้เธอมีลูกให้ได้อีกพลอตนึง ซึ่งสิ่งที่กิตติภัคจะต้องยอมแลกคือความสมเหตุสมผลของเรื่องราวแล้วไปเน้นเสิร์ฟความสนุกจากมุกแซ่บ ๆ ที่แฟนซีรีส์ต่างคุ้นเคย ซึ่งผลลัพธ์นับว่าน่าพึงพอใจทีเดียว
อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าตัวหนังก็คือร่างอวตารของซีรีส์ ดังนั้น “อรรถรส” แบบคุ้นตาคุ้นลิ้นก็ยังถูกนำมาใช้ตั้งแต่ซีนเปิดเรื่องที่ยังเน้นเรื่องขี้ของแนตตี้เพื่อกระตุ้นให้แฟนซีรีส์รำลึกได้ว่านางเคยขี้ในรถนะ มีฉากคิมที่ดั้งหักเพื่อเน้นย้ำพฤติกรรมติดศัลยกรรมของนาง แถมลงมาจากเครื่องยังให้กัสไปเจอกับท็อปผัวเก่าของนางอี๊ก ส่วนกอล์ฟมีแค่เกริ่นตอนเปิดเรื่องว่า พี่วิศิษย์ ผัวขิงแก่แต่แซ่บของนางบวชพระจนนางอกหักเพียงเพื่อเชื่อมเรื่องราวมาสู้ฉบับหนังใหญ่เฉย ๆ
ข้อดี
ซึ่งหนังเปิดเรื่องด้วยคาแรกเตอร์ที่คนดูคุ้นเคย พร้อมเสียงบรรยายของช่า ก็ยังเป็นประโยชน์สำหรับคนที่ไม่ใช่แฟนซีรีส์ที่สามารถจดจำได้เลยว่า ตัวละครนี้เห็นหน้าปุ๊บรู้เลยว่าเป็นคนยังไงโดยไม่ต้องทำการบ้านดูซีรีส์ไปก่อนแต่อย่างใด แต่หากคิดว่า งี้..เราก็ดูซีรีส์ซ้ำไปอีกรอบไม่ดีกว่าเหรอ ? ก็อยากจะบอกว่า กิตติภัค ฉลาดพอและเข้าใจสื่ออย่างภาพยนตร์มากพอที่จะเลือกหยิบสิ่งที่ใช่มานำเสนอและที่สำคัญคือการเพิ่มตัวละครของ ชมภู่ อารยา ก็เป็นทางเลือกอันชาญฉลาดที่จะจับนางเอกระดับตัวแม่ของเหล่ากะเทยไทยมาเล่นบทที่แตกต่างจากที่เคยแสดงมาเสริมด้วยเมกอัปเอฟเฟกต์ทั้งเขี้ยวและหูปลอมพ่วงด้วยการฝึกฝนเป็นเจ๊น้ำเพื่อรับบทตัวเฟค ก็ช่วยพิสูจน์ฝีมือทางการแสดงของเธอไปอีกขั้น แม้ดูเหมือนว่าโดยภาพรวมแล้วมันจะทำให้หนังเรื่องนี้มีศูนย์กลางที่เจ๊น้ำมากกว่าเรื่องเล่าของเหล่าตุ๊ดซี่ส์เหมือนในซีรีส์ก็เถอะ แต่หนังก็ยังมีธีม “เฟค” ที่นอกจากการต้องทำตามภารกิจหาคนหน้าเหมือนมาเฟคแล้ว ชีวิตแต่ละคนยังต้องดีลกับความเฟคที่ต่างกันไป ทั้งเฟครักเด็กเพื่อผัว, เฟคอยากมีลูกเพื่อมรดก, หรืออย่างจมูกใหม่ของคิมก็ทำให้เห็นว่านางก็ติดความเฟคไม่แพ้คนอื่น แม้แต่กอล์ฟเองก็เคยเสพย์ติดความเฟคในความสัมพันธ์กับพี่วิศิษย์ที่ท้ายสุดก็มีอันต้องแยกจากกัน หนังออนไลน์ช่วยเกาะเกี่ยวยึดโยงเรื่องราวให้เป็นเนื้อเดียวกัน และยังเอื้อให้เกิดมุกใหม่ ๆ บนจอใหญ่สร้างความครื้นเครงได้แบบเป๊ะปังกะละมังหม้อเลยล่ะเธอว์…
จากสองย่อหน้าที่ผ่านมาก็คงพอจะบอกได้แล้วว่าเกณฑ์ที่เราจะให้คะแนนหาใช่เรื่องความสมเหตุสมผลของเนื้อเรื่องหรือข้อคิดอะไรที่จะได้จากหนัง แต่เป็นบรรดามุกที่หนังเอามาเสิร์ฟเสียมากกว่า ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าลำพังแค่คาแรกเตอร์ของ กัส คิม กอล์ฟ และแน็ตตี้ จากซีรีส์ก็เป็นส่วนผสมที่ลงตัวและคนดูก็รักพวกเขาจนพร้อมเอาใจช่วยจากซีรีส์มา 2 ซีซันแล้วแต่สำหรับคนที่ไม่ใช่แฟนจากซีรีส์ก็ยังจะได้ฮาจากความจัดจ้านของคาแรกเตอร์ที่ชัดและมีสีสันอยู่ดี
อย่างกัส ก็จะเป็นเสียงเล่าเรื่องหลักและพาร์ตโรแมนติกที่นางจะต้องเลือกระหว่างผู้ 2 คนทั้งผัวเก่าและผัวใหม่ ซึ่งการแสดงของ เพชร เผ่าเพชร เจริญสุข ยังคงให้น้ำหนักที่พอดีระหว่างคอเมดีกับดราม่าได้ดี อาจไม่มีซีนฮามากนักแต่ช่วยให้เรื่องราวมีน้ำหนักจากข้อคิดความสัมพันธ์ที่เติบโตขึ้นและความรับผิดชอบในอนาคตที่ผูกมากับความสัมพันธ์ที่นางเลือกเอง
ส่วน เต๋อ รัฐนันท์ จรรยาจิรวงศ์ หนุ่มหล่อที่มาแอ็บตุ๊ดจนได้ดีไม่แพ้เพชร ก็ทำให้ตัวละครคิม ศจีสาว (สจ๊วร์ตที่ออกสาว) เสพย์ติดศัลยกรรมมีชีวิตขึ้นมา และบุญบาปของนางหรือทีมงานก็ไม่ทราบ นางดันไปทำจมูกใหม่มาพอดี ซึ่งทีมเขียนบทก็ไม่รอช้าเล่นกับมุกซีลีโคนทะลุ จมูกหัก กันเต็มที่ เพื่อส่งให้ตัวละครคิมได้มีโอกาสร้องวี๊ดว้ายกระตู้วู้กันให้เต็มที่ ด้าน พีค ภัทรศยา เครือสุวรรณ ที่แม้ในหนังใหญ่จะไม่มีโอกาสสร้างความฮาจากรสนิยมชอบผัวทอมหน้าตาประหลาด ๆ แต่คราวนี้ความเฟคที่ตัวละครของนางต้องเผชิญในเรื่องก็ให้โอกาสนางได้แสดงอาการหื่น แล้วหื่นกับใครไม่หื่นดันหื่นกับเพื่อนตัวเอง…พังพิ! สิคะ จนฉากห้องซาวน่ากลายเป็นอีกหนึ่งฉากฮาที่พลาดไม่ได้
และที่ไม่พูดถึงไม่ได้แถมเป็นนักแสดงที่ไม่อาจแทนที่ได้เลยคือ ปิงปอง ธงชัย ทองกันทม จากแม่ค้าเสื้อผ้าที่ดังในโลกออนไลน์ นางได้ทำให้ตัวละครกอล์ฟกลายเป็นที่รักของคนดูได้จริง ๆ แถมยังมีโมเมนต์ดี ๆ หลายฉากโดยเฉพาะฉากที่นางได้รับคำชมเรื่องการแต่งหน้าจากแม่ แคร์ธรี่…. ทั้งสายตาและสีหน้าได้แสดงออกชัดเจนว่านางปลื้มปริ่มมาก แถมตัวละคร กอล์ฟ ของนางยังเป็นคนเดียวที่กล้าเผชิญหน้ากับความจริง แม้ความจริงที่ว่าจะแลกมาด้วยการต้องเฟคเพื่อเอาตัวรอดก็ตาม
นอกจากนี้หนังยังอุดมไปด้วยนักแสดงรับเชิญมากมายทั้ง คุณแพร วทานิกา ที่มาในบทดีไซน์เนอร์กับมุกทิ่มเข็มเก็บชายกระโปรงที่ฮาหลายดอกอยู่, การปรากฎตัวของเชฟป้อมในฐานะฮีโรของตัวละครเจ๊น้ำ, เผือก พงศธร จงวิลาส ในบทผู้กำกับที่แทบจะลอกบุคลิกของ “ผู้กำกับโฆษณาระดับโลก” มาล้อเลียน หรือจะเป็น ไอซ์ พาริส อินทรโกมาลย์สุต ที่เพิ่งดังจากเพลง รักติดไซเรน ก็มาโชว์ลีลาโยกบั้นเอวให้สาว ๆ ได้กลืนน้ำลายกันเอื๊อก ๆ แน่นวล.. เอาล่ะ พารากราฟ หรือ ย่อหน้าต่อไปขออุทิศให้ อารยา เอ ฮาร์เก็ต ตัวแม่และสุดยอดนักแสดงที่ทำคนดูกรามค้างแบบไม่แคร์พรมแดงเมืองกาญจน์ เอ้ย! เมืองคานส์ ที่นางไปเดินสวย ๆ มาแม้แต่น้อย
อารยา เอ ฮาร์เก็ต ไม่ใช่หน้าใหม่สำหรับวงการภาพยนตร์แต่อย่างใดหลังเริ่มรับงานหนังใน สาระแนสิบล้อในปี 2553 แม่ชมก็เริ่มรับงานหนังเรื่องต่อมาที่พิสูจน์ว่าเธอก็เล่นตลกโปกฮาได้ทั้ง คุณนายโฮ ปี 2555 และ จำเนียร วิเวียน โตมร ในปี 2559 แต่ก็ต้องยอมรับว่าคาแรกเตอร์จากหนังทั้ง 3 เรื่องก็ยังวนเวียนกับบทนางเอก ๆ มีต๊อง ๆ บ้างแต่ยังไม่สุดเท่าไหร่ ดังนั้นสิ่งที่ ไตเติ้ล กิตติภัค ต้องปรับเลยคือการใส่ความเกรียน ความกักขฬะ ที่ไม่เคยเฉียดกราดเจ้าแม่แฟชันนิสตาอย่างชมภู่ให้กลายเป็นเจ๊น้ำให้ได้
ซึ่งผลลัพธ์คือยิ่งกว่าการจับ “ชมพู่มาเล่นตลก” เพราะคราวนี้ตัวบทเองยังเอื้อให้เธอได้แสดงเป็นชมพู่ปลอมในหลายบุคลิกทั้ง พนักงานเก็บเงินค่าผ่านทาง เด็กอ่างเบอร์ตอง (ส่วนความฮา เราขอเก็บไว้ให้ไปเซอร์ไพร์สกันในโรงนะ) แต่กับ เจ๊น้ำ คาแรกเตอร์ที่เธอต้องสวมตลอด 90% ของหนังมากกว่าที่เธอต้องแสดงให้คนดูเชื่อในความเป็นแม่ค้าแรด ๆ พูดคำด่าคำเหมือนวิถีชีวิตเป็นแบบนั้นจริง ๆ และยังต้องสลับโหมดมาดราม่าเพื่อทำให้เห็นว่า ชีวิตนี้เธอต้องการออกรายการเชฟป้อมจริง ๆ และในโมเมนต์ที่เธอเจอฮีโรในการทำอาหาร สายตาและท่าทางของอารยาคือเหนือคำบรรยายจริง ๆ แต่เหนืออื่นใดฉากแดนซ์ของนางในเพลงหมอลำร่วมกับกอล์ฟและคิมคือนิพพานของจริงค่ะ ทั้งปั๊วะ ทั้งปัง หน้าเดธ แต่บอดี้นี่พลิ้วเชียยยย. ฮ่าาาาาาาา.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น