วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2563

Project Power

ดูหนังออนไลน์

รีวิว Project Power - พลังลับพลังฮีโร่

ตัวหนังเป็นการผสมผสานระหว่างหนังแอ็กชั่นแนวตำรวจตามล่ายาเสพติด กับเรื่องแนวพลังพิเศษ ซุปเปอร์ฮีโร่ ที่นำเสนอในแบบ “กึ่งสมจริง” ได้อย่างน่าสนใจและถือว่าลงตัวไม่น้อย จัดว่าเป็นมิติใหม่ของหนังแนวพลังพิเศษและซุปเปอร์ฮีโร่อีกรูปแบบเลยก็ว่าได้ รีวิว Project Power

เรื่องย่อ

มียาชนิดหนึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงให้มนุษย์ธรรมดา สามารถมีพลังพิเศษได้ มันจึงกลายเป็นเหมือนสิ่งเสพติดชนิดหนึ่ง และแน่นอน มันมีผลเพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้น Robin เด็กสาวที่เป็นนักหน้าค้ายาตามท้องถนน ต้องมาพบกับ Art อดีตผู้พันผู้พยายามตามหาลูกสาวที่ถูกจับตัวไป พร้อมกับ Frank นายตำรวจผู้แอบใช้ยา เพื่อใช้ประโยชน์ในการสืบคดี ทั้งสามคนต้องมาเกี่ยวพันกับเบื้องหลังของยาพลังพิเศษนี้ พร้อมหยุดยั้งไม่ให้ยาพิเศษนี้ สร้างอันตรายกับผู้คน


ถ้าอยากจะมีพลังพิเศษสักอย่างหนึ่ง คุณอยากจะมีพลังอะไร? คำถามนี้มันอาจจะเป็นเรื่องที่ดูเหมือนไม่เป็นจริงและชวนฝันสำหรับใครหลาย ๆ คน หนังซุปเปอร์ฮีโร่จึงกลายเป็นสิ่งที่ตอบสนองถึงความฝันของคนที่อยากจะมีพลังพิเศษนั้น และถ้าหากมีพลังพิเศษให้คุณได้ใช้สมหวัง แต่มีเวลาจำกัดเพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้น คุณจะเอาหรือไม่? และนี่คือหนังที่จะบอกคำตอบกับคุณได้

2 ผู้กำกับจากหนัง Paranormal Activity ภาค 3 และ 4 อย่าง เฮนรี จูสต์ และ เอเรียล สคุลแมน ได้โอกาสจากเน็ตฟลิกซ์ทำหนังแนวซูเปอร์ฮีโรในแบบฉบับของตัวเอง โดยได้ แมตสัน ทอมลิน ที่กำลังมีผลงานเขียนบทร่วมกับผู้กำกับ แมตต์ รีฟส์ ในหนังรีบูท The Batman มารับหน้าที่เขียนบท ว่ากันตามนี้เราน่าจะได้ดูหนังออนไลน์ที่ได้พลังความสดจากทีมเบื้องหลังที่ถือว่าเป็นรุ่นใหม่ การรับโจทย์ตีความหนังซูเปอร์ฮีโรในแบบ X-Men (หรือจะพูดว่า The Inhumans ก็ได้) ที่ได้พลังจากยาแบบชั่วคราวจนกลายเป็นการเสพติดพลัง ก็น่าจะได้เห็นทรวดทรงใหม่ ๆ ที่คาดไม่ถึงอยู่บ้าง

หนังที่เสียดสีประเด็นสังคม?

ถือเป็นความน่าสนใจของการผสมแนวหนังสองแบบสองสไตล์มาใส่ไว้ในเรื่องเดียวกัน นั่นคือแนวหนังซุปเปอร์ฮีโร่เหนือความจริง และแนวแอ็คชั่นตำรวจไล่ล่าผู้ร้ายที่เห็นได้ในชีวิตจริง มันเลยทำให้เนื้อหานั้นไม่ดูแฟนตาซีจ๋าเกินไป และไม่สมจริงเกินเหตุ เรียกว่ากึ่งสมจริงก็ถือว่าไม่ผิดเท่าไหร่ และสิ่งที่แทบไม่น่าเชื่ออย่างหนึ่งคือ หนังเรื่องนี้กำกับโดย Henry Joost และ Ariel Schulman ผู้ที่เคยกำกับหนังภาคต่อขนหัวลุกอย่าง Paranormal Activity 3-4  ที่เปลี่ยนแนวมากำกับหนังสไตล์แอ็คชั่นแบบนี้ได้

ถือว่าเป็นการทำผลงานที่ค่อนข้างน่าพอใจ บวกกับการนำเสนอของหนังเรื่องนี้ มันมีความเสียดสีสังคมหลากหลายประเด็นให้ขบคิดอยู่ตลอดไม่ว่าจะเป็น ชนชั้นการดิ้นรนของคนยากจนผ่านตัวละครอย่าง Robin หรือนายตำรวจผู้พยายามแหกกฏเกณฑ์บางอย่างเพื่อความยุติธรรมผ่าน Frank รวมไปถึงประเด็นของการถูกเอารัดเอาเปรียบจากองค์กรใหญ่ ๆ ที่ผ่านตัวละครอย่าง Art มันเลยทำให้สามารถเข้าถึงเนื้อเรื่องนี้ได้ไม่ยากเท่าไหร่นัก

การดำเนินเรื่อง

ทว่าในแง่เรื่องราวมวลรวม หนังเล่นท่าพื้นฐานมากพอสมควร มากเสียจนเนื้อหาอาจไม่ใช่จุดเด่นที่ดึงดูดให้เราอยากติดตามเรื่องราว เพราะนับแต่เปิดเรื่องก็แทบเฉลยทันควันว่าพลังเหนือมนุษย์ทั้งหลายแหล่ต่อไปนี้เกิดจากยาลึกลับที่เรือนาม เจเนซิส นำมาปล่อยให้แก๊งค้ายาในเมืองนิวออร์ลีนไปทดลองแบบฟรี ๆ และเพียงครึ่งทางของหนังก็เฉลยถึงเหตุจูงใจของเหล่าตัวร้ายที่อยู่เบื้องหลังเสียแล้ว เรียกว่าทำลายมู้ดแบบหนังสืบสวนแนวตำรวจปราบแก๊งค้ายาที่วางไว้ดิบดีไปง่าย ๆ แถมเหตุผลที่ว่าก็ไม่ได้เกินคาดแปลกประหลาดใจแต่อย่างใด

ทั้งที่ภารกิจของเหล่าตัวเอกในฐานะตัวแทนสายตาผู้ชมไม่ว่าจะเป็น โรบิน เด็กสาวผู้ใฝ่ฝันอยากเป็นแร็ปเปอร์แต่ฐานะทางบ้านปิดบังโอกาสเลยจำต้องมาแจกจ่ายยาพาวเวอร์จากญาติของตัวเอง และบังเอิญต้องมาพัวพันกับ อาร์ต อดีตทหารที่ออกตามหาลูกสาวซึ่งถูกลักพาตัวไป จนตามรอยมาถึงแก๊งค้ายาที่ญาติของโรบินเป็นสายส่ง

และสุดท้าย แฟรงก์ ตำรวจสายขบถแห่งนิวออร์ลีนที่เชื่อว่าการปราบอาชญากรที่มีพลังพิเศษต้องใช้วิธีเกลือจิ้มเกลือ ทำให้เขาเข้ามาใกล้ชิดกับโรบินในที่สุด เส้นเรื่องใหญ่จึงเป็นการที่อาร์ตออกตามสืบหาลูกสาวโดยมีโรบินและแฟรงก์ติดร่างแหเข้ามาจนกลายเป็นทีมเฉพาะกิจที่ต้องปะทะกับเหล่าผู้มีพลังพิเศษ ขยายวงไปถึงองค์กรข้ามชาติที่ทำการทดลองยาพาวเวอร์ ไม่มีอะไรซับซ้อนไปจากนี้

ถึงเรื่องราวจะเกิดขึ้น และจบไปแบบไม่มีอะไรใหม่ให้น่าสงสัยติดตามภาคต่อ (ถ้ามี) แต่สิ่งที่ 2 ผู้กำกับจากหนังผีกล้องวงจรปิดได้ปล่อยของไว้ กลับคือ งานอาร์ตและซีจีที่ตื่นตาเกินมาตรฐานหนังเน็ตฟลิกซ์ทั่วไป มีความสดใหม่ด้านภาพที่ทรงพลัง ฉากที่อาร์ตต้องปะทะกับมนุษย์เพลิงตอนต้นเรื่องจัดว่าตื่นตาตรึงใจได้ไม่น้อยทีเดียว การรอคอยดูพลังของแต่ละตัวละครกลายเป็นความน่าติดตามมาก ๆ ว่าคนนั้นจะมีพลังแบบไหน และแสดงออกพลังด้วยซีจีอย่างไร ซึ่งก็มีทั้งตัวที่เจ๋งมาก ๆ อย่างมนุษย์เพลิง มนุษย์น้ำแข็ง มนุษย์ยักษ์ แล้วก็ที่ดูธรรมดา ๆ อย่างมนุษย์กายเหล็ก หรือแค่มีพลังกายเพิ่มเท่านั้น

ตัวละคร

อาร์ท (แสดงโดย เจมี่ ฟ็อกซ์) อดีตผู้พันในกองทัพสหรัฐ ที่กลายเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเป็นแหล่งค้าปล่อยยา ซุปเปอร์พาวเวอร์ แต่ที่จริงแล้วลูกสาวของเขาคือ เทรซีย์ ซึ่งเป็นคนที่มีพลังพิเศษได้ถูกจับตัวไปเพื่อเอาเลือดของเธอมาใช้ในการทดลองในการผลิตยาที่ใช้ในการปลุกพลังพิเศษ เขาจึงต้องบุกตะลุยไปทั่วเพื่อตามหาว่าใครเป็นต้นตอในการผลิตยา เพื่อเป้าหมายที่จะพาตัวลูกสาวกลับคืนมาให้ได้

แฟรงค์ (แสดงโดย โจเซฟ กอร์ดอน เลวิทท์) นายตำรวจนอกเครื่องแบบของนิวออร์ลีน เขามีความมุ่งมั่นที่จะจับผู้ร้ายที่เสพยาพาวเวอร์ และใช้แอบใช้ยานั้นเป็นบางครั้งด้วยเพื่อจับผู้ร้าย พลังของเขาคือร่างหนังเหนียวที่กระสุนยิงไม่เข้า แฟรงค์ยังติดต่อและขอซื้อยาจากโรบินเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ด้วย

โรบิน (แสดงโดย โดมินิก ฟิชแบ็ก) สาวน้อยผิวสีฐานะยากจน ที่มีความฝันจะเป็นนักร้องแร็ปเปอร์ เนื่องจากต้องการหาเงินมากๆเพื่อรักษาแม่ที่ป่วยเป็นเบาหวาน เธอจึงรับยาพาวเวอร์มาขายตามท้องถนน แต่อีกด้านเธอยังร่วมมือกับแฟร้งค์ในการขายยาให้เขาไปใช้ แล้วต่อมาเธอยังร่วมมือกับอาร์ทเพื่อช่วยเขาตามหาลูกสาวด้วย

ในแง่การนำเสนอ

ในขณะที่รายละเอียดของพลัง ก็มีความสดใหม่ในการนำเสนอ เช่น การใช้ยาที่มีเวลาจำกัดในการออกฤทธิ์ไม่กี่นาที ทำให้ต้องวางแผนการใช้ หรือการใช้เกินขนาดร่างกายรับไม่ไหวก็ตายได้ และไม่ใช่ทุกคนที่จะรับพลังได้ตั้งแต่เม็ดแรก บางรายตัวระเบิดไปเลยก็มี อย่างไรก็ตามคำอธิบายที่มาของพลังก็ยังเป็นรูโหว่เล็ก ๆ เมื่ออาร์ตเฉลยว่าพลังจากยานี้มีที่มาจากพลังของพวกสัตว์ ซึ่งยากจะหาคำอธิบายว่ามนุษย์เพลิงกับมนุษย์น้ำแข็ง ไปเอาพลังจากสัตว์ประเภทไหนมา แต่ก็ไม่ได้เป็นจุดอ่อนร้ายแรงนัก (แต่ร้ายแรงแน่ถ้าจะมีภาคต่อแล้วยังยึดคำอธิบายนี้)

ด้านฉากแอ็กชั่น

ด้วยความที่มันเป็นหนังแอ็คชั่นลูกผสม ซึ่งเว็บดูหนังจะเน้นหนักในการนำเสนอเนื้อหาที่ดูเป็นจริง ทำให้เรื่องของพลังพิเศษที่เป็นเหมือนไฮไลท์สำคัญของหนังดูมีการนำเสนอที่น้อยไปกว่าที่ควรจะเป็น  และขอชื่นชมกับการพากย์ไทยของหนังเรื่องนี้ที่ทำออกมาได้ดีมาก ๆ โดยเฉพาะการแร็ปที่แปลเป็นภาษาไทยออกมาได้ค่อนข้างดี แถมแร็ปไหลลื่น คล้องจองมีสัมผัส แต่ในบางฉากของเรื่องยังมีเสียงจากต้นฉบับหลุด ๆ ออกมาบ้าง ทำให้สะดุดในการชมเล็กน้อย แต่โดยรวมถือว่ารับได้และทำได้ดีกว่าที่คิดไว้ในหลาย ๆ องค์ประกอบ

ส่วนเรื่องของยาที่เป็นแหล่งพลังพิเศษ ตัวเรื่องนำเสนอว่า ยาพาวเวอร์ที่คนเสพเข้าไป จะได้รับพลังพิเศษที่พัฒนามาจากสัตว์ก็จริง แต่ก็มีข้อเสียรุนแรงที่สุดคือ คนใช้ยาไม่มีทางรู้เลยว่า จะได้พลังพิเศษแบบไหนมาใช้ แถมเวลาในการใช้ก็มีระยะเวลาจำกัด นอกจากนี้ข้อเสียร้ายแรงที่สุดคือ ยาอาจจะส่งผลกระทบทำให้คนใช้ร่างระเบิดตายไปเลยก็มี

รีวิว Project Power

นอกจากนี้ในแง่พลังพิเศษ ยังมีการล้อเลียนเรื่องพลังที่ได้มาจากสัตว์ให้เป็นความรู้ที่น่าสนใจ บางพลังไม่มาจากสัตว์ที่ไม่น่าเชื่อด้วยซ้ำ ตรงนี้สามารถต่อยอดได้อีกเยอะถ้ามีการทำภาคต่อในอนาคต

ข้อด้อย

ข้อด้อยของหนังก็มีอยู่เช่น การกำกับภาพในฉากแอ็กชั่นบางตอน ดูเหมือนพยายามทดลองอะไรใหม่ๆบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ดูว้าวมากมายนัก และเอาเข้าจริงๆก็ไม่ได้มีฉากแอ็กชั่นที่น่าจดจำอะไรนัก ทั้งๆที่เป็นหนังเน้นแอ็กชั่น รวมถึงฉากต่างๆในเรื่องที่ไม่ได้ชวนให้ลุ้นอะไรเท่าไหร่นัก

ความน่าดู

สิ่งที่จูงใจให้หนังน่าดูอีกอย่าง คือการมาโชว์ฝีมือของ เจมี ฟ็อกซ์ ในบท อาร์ต ที่อาจไม่ใช่งานยากของฟ็อกซ์นักเพราะตัวละครมีเป้าหมายเดียวคือห่วงและตามหาลูกสาว มีความขัดแย้งในตัวแค่ว่าไม่ใช่คนเลวแต่ต้องใช้วิธีการที่รุนแรงในบางครั้งเพื่อสืบหาคนที่ลักพาตัว ในขณะที่ดาราอีกคนอย่าง โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิตต์ ก็สวมบท แฟรงก์ ตำรวจนอกคอกที่รักเมืองเกิดจนยอมขายวิญญาณให้พลังได้แบบไม่ยากเย็นเช่นกัน

โจทย์หนักน่าจะมาอยู่ที่ดาราหน้าใหม่อย่าง โดมินิก ฟิชแบ็ก ดาราสาวสายทีวีซีรีส์ที่ได้บทนำจากการโชว์ฝีมือในหนังโรงสายเวทีประกวดเพียงเรื่องเดียว แล้วต้องมาปะทะกับดาราเบอร์ใหญ่ทันที โดยตัวละคร โรบิน ของเธอเป็นตัวแทนผู้ชมให้เข้าไปสู่โลกของหนังอย่างแท้จริง ซึ่งพูดกันตามตรงว่าด้านเซ็กซ์แอปพีลของเธอนั้นไม่ได้เป็นจุดแข็ง

แต่การสื่อภาวะของวัยรุ่นที่สับสนในชีวิตตัวเองไม่พอแล้วบังเอิญต้องมาเจอปัญหาใหญ่ที่ผู้ใหญ่ยังรับมือลำบาก ก็ถือว่าแสดงได้ผ่านมาตรฐาน พอพยุงหนังไปได้ ซึ่งก็น่าเสียดายถ้าบทหนังเปิดโอกาสให้เหล่าตัวละครนำมีมุมที่ลึกและน่าสนใจแตกต่างจากตัวละครสูตรที่ใช้กันบ่อยแล้วอย่างนี้ หนังน่าจะมีจุดแข็งหลักในการนำเสนอภาคต่อได้

โดยรวม

ก่อนอื่นต้องชมว่า “ตัวหนังมีไอเดียที่ดี” โดยตัวเรื่องเป็นการผสมผสานระหว่างหนังแนวแฟนตาซีพลังพิเศษแบบซุปเปอร์ฮีโร่ ให้เข้ากับโทนหนังสไตล์ตำรวจจับพ่อค้ายาในแบบสมจริงและดูน่าเชื่อถือเอามากๆ ตัวหนังยังสะท้อนภาพของสังคมด้านมืดในนิวออร์ลีน ชุมชนคนดำ ที่ทำได้ดี รวมถึงจิกกัดสังคมปัจจุบันได้ด้วย

ตัวหนังดำเนินเรื่องในแบบ “ตามสูตรสำเร็จ” ของหนังแอ็กชั่นทั่วไป โดยเอาองค์ประกอบของหนังแนวคู่หูต่างขั้ว ต่างสีผิว กับหนังแนว ซามูไรพ่อลูกอ่อน เข้ามาใช้ แม้การเดินเรื่องจะเดาทางได้ง่ายมาก แต่จังหวะของหนังแทบไม่มีช่วงน่าเบื่อเท่าไรนัก

ตัวละครในเรื่องเองก็ชวนให้เอาใจช่วย น่าติดตามดูพัฒนาการ โดยเฉพาะการใส่ตัวละครสาววัยรุ่นผิวสีอย่าง โรบิน ที่นำแสดงโดย โดมินิก ฟิชแบ็ก นักแสดงหน้าใหม่ที่มีผลงานมาก่อนหน้านี้บ้าง ก็ถือว่าแสดงได้ดี แม้จะไม่ใช่คนผิวสีที่สวยน่ารักอะไรก็ตาม แต่เหมือนเป็นความจงใจของทีมสร้างหนังเองที่ “ไม่ต้องการนางเอกสาวสวย” ตามขนบหนังแอ็กชั่นทั่วไป แต่เป็นวัยรุ่นที่เราสามารถพบเห็นได้ในชิตประจำวัน ซึ่งก็เข้าทางแนวเรื่องแบบ Self Insert ที่ให้คนดูวัยรุ่นสามารถแทนตัวเองเข้าไปในตัวละครได้ เรียกว่าเป็นการใส่ประเด็นเรื่อง Coming of Age ในหนังแอ็กชั่นสไตล์ผู้ใหญ่ได้ไม่เลว

สรุป

นี่เป็นหนังเน็ตฟลิกซ์สายซูเปอร์ฮีโรที่ผิวหน้าวูบวาบตื่นตาทั้งงานภาพ งานอาร์ต และซีจี มีรายละเอียดเกี่ยวกับพลังที่คิดว่าต่อยอดพัฒนาให้สนุกได้มากกว่านี้ มีดาราที่เห็นก็คุ้นหน้าทำให้อยากดูเป็นแม่เหล็กได้ แต่กระนั้นถึงภายนอกจะตื่นตาเพียงใด แต่ภายในก็ยังไม่ตราตรึงใจนัก ด้วยบทที่ยังหาจุดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของตนเองไม่เจอ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น