รีวิว Bloodshot - จักรกลเลือดดุ
Bloodshot - จักรกลเลือดดุ หนังแนว Anti-Heroes คนใหม่จากค่าย Valiant Comics ที่เคยตั้งตนว่าจะเป็นตัวเปิดจักรวาล Valiant Universe เหมือนพวกค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง Marvel หรือ DC แต่เรื่องอื่นๆ ของ Valiant ก็ถูก Paramount ซื้อไปเหลือทิ้งไว้แค่ Bloodshot เนี่ยแหละ แต่ถึงกระนั้นก็ตามมันก็ออกมาเป็นหนังให้เราได้ดูกัน ซึ่งมันคืองานกำกับหนังใหญ่ครั้งแรกของ Dave Wilson แต่เจ้าตัวเคยกำกับหนึ่งตอนของซีรีส์ Love, Death & Robots ทาง Netflix มาแล้ว รีวิว Bloodshotเรื่องย่อ
เรื่องราวของ เรย์ แกร์ริสัน (รับบทโดย วิน ดีเซล) ชายผู้กลายเป็นเครื่องจักรสังหารทำภารกิจเสี่ยงตายตามคำสั่งขององค์กร ความทรงจำของเขาได้หายไป สิ่งเดียวที่เขารู้คือเขาต้องทำภารกิจช่วยเหลือคนรักของเขา และเขาไม่ใช่เพียงแค่คนธรรมดาเพราะภายในเลือดของเขาได้มีหุ่นขนาดเล็กที่เรียกว่า นาไนต์ ที่จะช่วยให้เขามีพลังเหนือมนุษย์ธรรมดาและมีพลังในการเยียวยารักษาสูง แทบพูดได้เลยว่าเขานั้นเหมือนจะเป็นเครื่องจักรสังหารอมตะ เป็นแฟรงค์เกนสไตน์ในยุคปัจจุบัน แต่แล้วเมื่อวันหนึ่งความผิดปกติบางอย่างมันก็ทำให้เขารู้ว่า เขากำลังถูกองค์กรนี้หลอกใช้ และคอยลบความทรงจำ หลอกลวงเขาให้ทำภารกิจเสี่ยงตายเพื่อผลประโยชน์ขององค์กรอยู่เสมอเอาจริงว่าด้วยตัวพลอตของตัวคอมิกนั้นก็ให้อารมณ์ ผสมระหว่าง Captain America (ทหารที่ถูกทดลองซูเปอร์โซลเยอร์ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2) Winter Soldier (ถูกลบความทรงจำและสร้างความทรงจำปลอมเพื่อให้ปฏิบัติภารกิจให้องค์กร) Wolverine (พลังในการฟื้นฟูร่างกายแบบเหนือโลก) Iron Man (ดีไซน์ศูนย์รวมพลังงานเป็นวงกลมอยู่ที่หน้าอก)
แต่ก็ต้องชื่นชมว่าพอเอามาทำหนังก็ให้อารมณืผสมผสานหลากหลายฮีโรแต่ก็เอามาเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองได้เหมือนกัน ทั้งภาพการฟื้นตัวที่โคตรเท่แบบเซลล์ค่อย ๆ ประสานกลับมาเหมือนรีเวิร์ส หรือพวกดีไซน์ของพวกอุปกรณ์ต่าง ๆ ก็ไฮเทคไม่แพ้พวก GI Jo ยิ่งรองบอสตอนเสริมพลังแล้วนี่ให้อารมณ์แบบ ด็อกเตอร์ออกโตปุส ใน Spider-Man 2 เลย จะบอกลอกการบ้านชาวบ้านมาทำก็ไม่เชิง น่าจะเรียกว่าการทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องแล้วเขียนตำราตัวเองมากกว่า
สิ่งที่ดีงาม
คืองาน ซีจี ที่เจ้าพ่อกราฟิกอย่างผู้กำกับ เดฟ วิลสัน ดูแลออกมาได้สมความคาดหวัง สวย เนี้ยบ และกล้าเล่นใหญ่ ตัวนักแสดงไล่ไปอย่าง วิน ดีเซล ก็จะเรียกแสดงดีไหมก็เรียกว่าแสดงเป็นตัวเองตามแบบมาตรฐานมากกว่า ถ้าตัดพลังพิเศษออกพี่แกก็เป็นดอมในหนังรถแข่ง ริดดิกในหนังอวกาศ สายลับในหนัง xXxดีนะถ้าแกพากย์กรูทให้เป็นวิน ดีเซล ด้วยคงเทพสุดแล้วล่ะ ก็เลยไม่มีอะไรต้องวิจารณืใครชอบสไตล์นิ่งดุ มีซีนอบอุ่นแบบขรึม ๆ ก็น่าจะชอบการแสดงของแก ส่วนตัวร้ายหลักอย่าง กาย เพียส ที่มาเล่นหนังเกี่ยวกับความทรงจำก็ชวนให้นึกถึงหนัง Memento ของโนแลน ที่แกเคยเล่นไว้เหมือนกัน
ชอบตรงบางฉากแกทำให้เราหวั่นไหวได้เหมือนกันนะว่าหรือแกไม่ใช่ตัวร้ายหว่า คือดูมีมิติที่ห่วงพระเอกจริง ๆ ซึ่งก็อีกตัวที่ทำให้รู้สึกแบบนี้ได้คือรองบอสที่ได้ แซม ฮิวจ์แอน มาเล่น มีฉากหนึ่งที่รู้สึกว่าจริง ๆ เขาเข้าใจพระเอกดีเลยโกรธพระเอกมากที่ยังเป็นทาสขององค์กรอยู่ นักแสดงอีกคนที่อยากพูดถึงคือ ไอซา กอนซาเลส เพราะการมีอยู่ของเธอมันทำให้หนังสดใสดีจริง ๆ ส่วนตัวละครที่อาจต้องปรับหน่อยในอนาคตคือ วิแกนส์ โปรแกรมเมอร์ช่างจ้อจิตเหงาที่บทยังล้น ๆ อยู่มาก
เมื่อพิจารณาจากองค์ประกอบโดยรวมของ Bloodshot แล้ว เราจะพบว่ามันอยู่ในกลุ่ม หนังอารัมภบทของตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ ที่มีความน่าสนใจ ประกอบกับตัวละครนี้ยังมีปูมหลังของตัวเองที่เป็นแรงขับเคลื่อนพฤติกรรมให้เขาเลือกจะออกปฏิบัติการเพื่อ “ล้างแค้น” ให้กับคนรักที่ถูกฆ่าตายไป
ไม่เพียงเท่านั้นตัวละครบลัดช็อตยังมีความคล้ายคลึงกับซูเปอร์ฮีโร่จากมาร์เวล อย่างไอรอนแมน ที่ต้องใช้สิ่งประดิษฐ์ทางเทคโนโลยีเพื่อกอบกู้ชีวิตของตัวเองให้กลับมามีลมหายใจอีกครั้ง แตกต่างแค่เพียงฐานะและหน้าตาทางสังคม ซึ่งบลัดช็อตดูเป็นรองกว่าหลายสิบเท่าตัว
หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับนายทหารคนหนึ่งที่ทำหน้าที่ปฏิบัติภารกิจบางอย่าง แต่แล้วก็พลาดท่าเสียทีโดนฆ่าเสียชีวิต และทาง RST ก็ได้นำร่างเขามาชุบชีวิตใหม่ด้วยเทคโนโลยีหุ่นยนต์จิ๋วสุดล้ำ Nanites เปรียบดั่งเลือดของเขา ที่ทำให้เขามีพละกำลังที่แข็งแกร่งขึ้น และที่สำคัญมีพลังในการรักษาขั้นสูง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพระเอกก็รู้ตัวว่าเขากำลังโดนทาง RST หลอกให้ปฏิบัติภารกิจต่างๆ ด้วยการป้อนความทรงจำเป้าหมายที่ต้องการให้ฆ่า แต่งเรื่องราวลงไปในหัวของนายทหารคนนี้ เขาจึงหาทางออกมาทวงแค้น
หนังแสดงนำโดย Vin Diesel ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่านะ คาแรคเตอร์ก็เหมือน Dom Toretto นั่นแหละ เพียงแต่อยู่ในคราบของยอดมนุษย์อะไรทำนองนั้น (เอาจริงๆ Vin Diesel ไม่ว่าจะเล่นหนังเรื่องไหนก็เหมือนกันหมดทุกเรื่องแหละ 555) ส่วนตัวประกอบคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Eiza González, Sam Heughan, Guy Pearce ก็ไม่ได้โดดเด่นหรือน่าจดจำแต่อย่างใด บทไม่มีอะไรเลยด้วยซ้ำ ตัวประกอบจริงๆ รายขอ Eiza González ออกมาให้กระชุ่มกระชวยหัวใจแค่นั้นแหละ
เนื้อเรื่องในเรื่องนี้เหมือนตัวอย่างเลย ไม่มีเซอร์ไพรส์ ไม่เกินคาดเดา ไม่มีอะไรเลยจริงๆ คือด้วยความที่เราเห็นและรับรู้เรื่องราวจากในตัวอย่างหมดแล้ว มันจึงไม่มีอะไรช่วยดึงให้เราอยู่กับหนังสักเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นเราจึงไปคาดหวังกับฉากแอ็คชั่น ความดุของ Anti-Heroes ตัวนี้แทน
ข้อเสีย
ที่ชัด ๆ ของหนังก็คงเป็นความซับซ้อนในที่มาที่ไปของตัวเอกที่ต้องอาศัยเวลาปูพื้นสักพัก และจุดหักมุมในระยะแรกเรื่องพระเอกถูกลบและสร้างความทรงจำปลอมเพื่อหลอกใช้ก็ถูกเรื่องย่อสปอยล์ไปหมดละตั้งแต่ก่อนดูหนัง เลยขาดความว้าวของพลอตช่วงต้นไปหน่อย พอดูหนัง HDยิ่งหนังมีรูรั่วในบทที่ขัดความรู้สึกว่าพลังระดับซูเปอร์ฮีโรนี่คนทั้งโลกไม่รู้เรื่องเลยเป็นความขัดแย้งในองค์กรหนึ่งเท่านั้นมันเลยขาดความยิ่งใหญ่ไปหน่อย ซึ่งก็สะท้อนมาด้วยฉากแอ็กชันทั้งหลายที่ไปไม่ค่อยสุด มาก็ไม่ได้เยอะอย่างที่หนังแนวนี้ควรอัดใส่ไม่ยั้งมีฉากโชว์ใหญ่ ๆ สักหลายฉากหน่อย แต่นี่นับ ๆ ไปก็มีฉากซัดจริงจังสัก 3 ฉาก และเป็นฉากที่ติดตาจริง ๆ แค่ฉากลิฟต์ร่วงตอนท้ายเท่านั้นเอง
ก็ต้องยอมรับล่ะว่าด้วยความเป็นหนังภาคแรกเลยต้องแบ่งที่ให้การเล่าเรื่องเยอะหน่อย ก็เป็นความน่าเสียดาย แต่อีกใจก็เห็นแววเลยว่าถ้ามีภาคต่อได้ จะเป็นหนังถ่ายทอดสดระเบิดระเบ้อไม่แพ้หนังรถแข่งของวิน ดีเซล แน่ ๆ เป็นแฟรนไชส์ที่มีอนาคตพอสมควรเลยล่ะ และที่สำคัญหนังน่าจะโหดเอาเรต R ได้เลยแต่ก็เหมือนยั้ง ๆ ไว้พอควร น่าจะลองคิดเล่นกลุ่มผู้ใหญ่ไปเลยอาจดีกว่า
แต่ก็ผิดหวังอีกเช่นเคย เพราะฉากแอ็คชั่นก็ไม่ได้ว้าว ไม่ได้สนุกอะไรเลย มันดาดๆ และธรรมดามาก ไอ้ที่พอจะเท่ก็เห็นในตัวอย่างหมดแล้ว มันจึงไม่เหลือส่วนให้เพลิน ให้ตื่นเต้นสักเท่าไหร่ แถมความแค้น ความเดือด ความดุ มันยังไม่มากพอที่จะทำให้มันสนุกได้
สรุป
แม้ว่าหนังจะดูอุบความลับบางอย่างของตัวละครบลัดช็อต แต่ก็ไม่มีอะไรเหนือความคาดหมายของผู้ชมนัก ประกอบกับช่วงแรกของหนังก็จัดได้ว่าเนือยจนน่าหลับ แต่ก็มีการแทรกสอดฉากแอ็คชั่นเข้ามาเป็นระยะให้ผู้ชมไม่วูบไปคาเบาะ ส่วนไคลแมกซ์การต่อสู้ในช่วงท้ายเรื่อง ไม่ได้เป็นฉากยิ่งใหญ่มากมายซึ่งเป็นเหมือนการปูทางไปสู่ภาคต่อที่อาจจะตามมาในอนาคต แต่คงไม่ใช่ในเร็ววันนี้ เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดและรายได้หนังที่ดูยังไงก็คงเป็นเรื่องยาก
ก็เป็นหนังที่น่าจะเหมาะคนชอบอะไรที่ไฮเทค ไซไฟ ซีจี แบบนั้น แอ็กชันก็มี ตลกก็แซม ๆ พลอตหักมุมก็ได้ การแสดงจัดว่าโอเคกับหนังแนวนี้ ก็เป็นหนังที่ดูได้เรื่องหนึ่งเลยสำหรับสายซูเปอร์ฮีโร และขอเชียร์ให้มีภาคต่อเพราะเห็นแววความวินาศสันตะโรได้สนั่นโลกาแน่ ๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น