วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2563

Ragnarok

ดูหนังออนไลน์

รีวิว Ragnarok - มหาศึกชี้ชะตา

มหาศึกชี้ชะตา Original Series ของ Netflix จากประเทศ Norway หากคุณผู้อ่านชื่นชอบหนังเรื่อง Thor Ragnarok ของค่าย Marvel แล้วติดใจเกี่ยวกับเรื่องราวเกี่ยวกับเหล่าทวยเทพ คุณผู้อ่านต้องรักซีรีส์ Norwegian เรื่องนี้แน่นอน กำกับโดย  Adam Price  รีวิว Ragnarok

เรื่องย่อ

เรื่องราวของครอบครัวหนึ่งย้ายกลับมาอยู่ถิ่นเดิมเมือง Edda ประกอบด้วย มังเน รับบทโดย David Stakston (พี่ชาย ), ลัวร์ทิส รับบทโดย Jonas Strand Gravli (น้องชาย) และทูริด รับบทโดย Henriette Steenstrup (แม่) แต่เมื่อลูกชายทั้งสองอยู่ในโรงเรียนใหม่ได้สักพักเรื่องราวปริศนาและความน่าสงสัยหลาย ๆ อย่างจึงเกิดขึ้น ทั้งสภาพแวดล้อมภายในเมืองเสื่อมโทรม น้ำแข็งเริ่มละลาย หรือว่านี่จะเป็นสัญญาณของวันสิ้นโลกตามตำนาน Ragnarok


หากคุณเป็นคนชอบดูซีรี่ส์ที่มีพลังพิเศษเข้ามาเกี่ยวข้องและคุณชื่นชอบตำนานเทพเจ้าต่างๆเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย ซีรี่ส์เรื่องนี้จะไม่ทำให้คุณผิดหวังเลย มันเป็นซีรี่ส์วัยรุ่นที่เล่าเรื่องพลังพิเศษที่พลังเหล่านั้นเป็นพลังของเทพเจ้า ถึงแม้ว่าซีรี่ส์เรื่องนี้จะเล่าอย่างช้าๆ ดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆ

แต่เรื่องราวของซีรี่ส์มันกับค่อยๆเข้มข้นขึ้นเรื่องๆในทุกตอน มันทำให้คนดูรู้สึกว่าไม่สามารถหยุดได้ และด้วยความที่ซีรี่ส์เรื่องนี้มันมีอยู่แค่ 6 ตอนเท่านั้น หลังจากดูจบครบหมดแล้ว เชื่อว่าหลายคนก็ต้องถามหาซีซั่น 2 กันอย่างแน่นอน

เนื้อเรื่อง

มังเน และน้องชาย ลัวร์ทิส และคุณแม่ของเขา ทูริด ได้ย้ายเข้ามาอาศัยที่เมืองบ้านเกิดที่ชื่อว่า Edda เพราะแม่ของเขาได้ทำงานเป็นพนักงานบัญชีให้กับบริษัทอุตสาหกรรมที่ชื่อว่า โยธุล (Jutul) ในขณะกำลังเข้าเมือง มังเนได้เข้าไปช่วยเหลือชายแก่ตาบอดคนหนึ่ง หญิงชราพนักงานร้านขายของเห็นความมีน้ำใจของเขาเลยอวยพรให้กับเด็กหนุ่มคนนี้ ปรากฏแสงในตาของมังเนสว่างวาบขึ้นมา และดูเหมือนว่าเขาได้รับพลังบางอย่างเข้ามาในตัว

เด็กทั้งสอง มังเนและกับลัวร์ทิส ได้ย้ายเข้าโรงเรียนในเมืองและเรียนในชั้นเดียวกัน คนน้องลัวร์ทิสเรียนข้ามชั้นเพราะหัวดี ส่วนพี่ชายมังเน เป็นเด็กสมาธิสั้น และมีปัญหาด้านการอ่าน เลยทำให้ต้องเรียนชั้นเดียวกันกับคนน้อง มังเนได้พบเพื่อนใหม่ที่ชื่อว่า อิโซเด เด็กสาวที่ใส่ใจในการรณรงค์เกี่ยวกับสภาพแวดล้อม และคอยทำวีดีโอบน Youtube เพื่อเผยแพร่ให้คนหันมาสนใจเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น โดยเธอห่วงมากเกี่ยวกับเรื่องน้ำแข็งในเมืองละลาย เป็นเพราะสภาวะโลกร้อน

ครอบครัวโยธุลเป็นเจ้าของโรงงานอุตสาหกรรม และมีอิทธิพลภายในเมืองแห่งนี้ และดูเหมือนว่าพวกเขาจะทำให้สภาพแวดล้อมของเมืองแย่ลงเพราะโรงงาน วิดาร์ เจ้าของโรงงานได้บังเอิญพบกับเพื่อเก่า ทูริด และลูกชายของเธอ มังเน ดูเหมือนว่าพลังบางอย่างในตัวของมังเนเตือนเขาว่า ชายคนนี้ไม่ได้เป็นแค่เจ้าของโรงงานธรรมดาๆ และดูเหมือนว่า เหตุการณ์ที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมต่างๆ ภายในเมือง จะมาจากตัวเขาหรือไม่

การดำเนินเรื่อง

โดยเรื่องราวจะดำเนินเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน การปรับตัวเข้าสังคมของเด็กสมาธิสั้นอย่าง มังเน ที่เป็นตัวละครหลัก และยังดึงสภาวะโลกร้อน Climate Change เข้ามาเป็นแกนหลักของเรื่องโดยตีความให้มันเป็นเหมือนกับ “วันสิ้นโลก” ทำให้เราอยากรู้ว่า พลังของเทพเจ้าที่มังเนได้มา เขาจะใช้มันไปเพื่ออะไร และสู้กับใครกันล่ะ?

ในตอนแรกของซีรีส์ก็จะค่อยๆ ปูพื้นฐานว่า ใครเป็นใครกันบ้าง ทำให้มีช่วงที่ดำเนิ่นเรื่องราวชีวิตวัยรุ่นในรั้วโรงเรียนที่ดูแล้วก็ ว้าว หรือดีอะไรมาก แต่พอดูหนังออนไลน์ตัดมาที่พาร์ทในการรับรู้ถึงพลังในตัวของมังเนที่กำลังตื่นขึ้น และจุดหักมุมในตอนที่ 1 ต้องขอบอกเลยว่าทำให้นึกถึงซีรีส์แนวฮีโร่ที่คล้ายๆกันอย่าง Smallvile ขึ้นมาทันที

เรื่องนี้แม้ว่ามันจะออกแนวๆ ซุปเปอร์ฮีโร่ ที่อิงตามตำนานเทพเจ้านอร์ส สู้สงครามแร็กนาร็อคกับพวกยักษ์ แต่มันก็ไม่ได้มีฉากต่อสู้ หรือแสดงพลังเยอะขนาดนั้น มันจะแสดงให้เห็นถึงการใช้ชีวิตของเด็กคนหนึ่ง ที่ได้พลังมา และดูว่าเขาจะจัดการกับเรื่องราวรอบๆตัว และพลังที่เขาได้มายังไงบ้าง ซึ่งมันก็สนุกสำหรับคนที่ชอบแนวนี้ ถ้าใครที่หวังฉากต่อสู้แบบฮีโร่ หรือโชว์พลังเทพ ถ้าคุณเห็นในตัวอย่างซีรีส์แล้ว มันก็ไม่ได้มีมากกว่านั้นเท่าไหร่หรอก แต่การแสดงพลังแต่ละครั้งนั่นก็ทำให้เนื้อเรื่องน่ายิ่งน่าสนใจขึ้นไปอีก

ในพาร์ทของการใช้ชีวิตในโรงเรียนของเด็กสมาธิสั้น ที่ดูเหมือนจะเป็นปัญหา มันทำให้เราพบว่าบ้านเขามันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยในการที่ต้องเข้าพบกับจิตแพทย์ ทำให้หลายๆ อย่างในเรื่องดูน่าสนใจขึ้น เช่นการจัดการกับอารมณ์ หรือแม้กระทั่งมีเรื่องราวความรัก ระหว่างเพื่อน การความรักวัยรุ่นแบบ Poppy Love เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

มีเรื่องการเมือง

การเมืองในท้องถิ่นดุเดือดมาก ซีรีส์สื่อผ่านตัวละครทวยเทพประสานกับเหตุการณ์ปัจจุบันอันทันสมัย เช่น เรื่องผลประโยชน์ของโรงงานอุตสาหกรรมหรือนายทุนที่เอาเปรียบประชาชนในเมือง Edda  ธุรกิจทุกอย่างขึ้นอยู่กับนายทุน คุณผู้อ่านคงคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับระบบการค้าเสรีที่เมื่อเวลาผ่านไปจะมีนายทุนบางเจ้าสามารถผูกขาดสินค้าหรือบริการได้

แต่ระบบการค้าเสรีก็มีผลดีทำให้มีอิสระสามารถลงทุนและทำงานตามต้องการได้  เรื่องราวภายในซีรีส์นายทุนสามารถก้าวขึ้นมาอยู่เหนือความยุติธรรมได้ นั่นคือโรงงานอุตสาหกรรมของตระกูล โยธุล เหล่าประชาชนและกฎหมายจะสามารถทวงคืนความยุติธรรมได้หรือไม่ต้องติดตามต่อในซีรีส์นะครับ

เรื่องของธรรมชาติ

ธรรมชาติที่ถูกทำลาย ซีรีส์สะท้อนให้เห็นว่าเมื่อโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น จะมีโรงงานบางส่วนทำตามกฎหมายและบางส่วนฝ่าฝืนเป็นที่มาสร้างความเสียหายให้แก่ธรรมชาติ เริ่มจากแม่น้ำลุกลามไปต้นไม้ ภูเขา และทำลายชั้นบรรยากาศ

แต่ไม่มีประชาชนคนใดสามารถต่อกรกับนายทุนได้เพราะมีผลประโยชน์และตำรวจทำงานหละหลวม จึงต้องให้เทพลุกขึ้นมาสู้นั่นเอง ซึ่งซีรีส์สามารถใช้สัญญะผ่านนายทุนกับความยุติธรรมด้วยตำนานสงคราม Ragnarok นั้นเอง

ความลับต่างๆและพลัง

ความลับเยอะ ขออนุญาตเดาล่วงหน้านะครับเนื่องจากตัวละครยังไม่ได้รับการเฉลยแน่ชัด แม้กระทั่งตัวหลักของเรื่องอย่าง มังเน ผมเดาว่าซีซั่นสองก็จะยังคงไม่เฉลยหมดเช่นเคย แอบขำเล็กน้อยกับความตื่นต้นของตัวเองและผมต้องรอซีซั่นสามต่อไปอีก การตายของตัวละครก็น่าสงสัยว่าจริงหรือไม่ ทวยเทพที่แฝงตัวในเหล่ามนุษย์ต้องมาเพิ่มแน่นอนเพราะฝั่งยักษ์พลังเกินเบอร์มาก พระเอกตอนนี้ไม่สามารถชนะได้แน่นอน

หลายๆ ปม ภายในเรื่อง หรือตัวละครที่มีพลังพิเศษดูเหมือนทางซีรีส์ยังจะกั๊กๆ ไว้ ไม่เฉลยมากเท่าไหร่ ซึ่งมีหลายเรื่องที่เว็บดูหนังอยากพูดถึง แต่นั่นก็จะเป็นการสปอยส์เนื้อเรื่องไป ถ้าในซีรีส์เสนอเรื่องราวที่มันโยงเข้ากับตำนานเทพเจ้าและเฉลยให้คนดูมากกว่านี้จะทำให้คนดูเข้าใจและอินไปกับมันได้มากขึ้นแน่นอน

พลังยังไม่รุนแรงและไม่อลังการมากพอ ประเด็นนี้ผู้เขียนมีความรู้สึกว่าระดับพลังจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ ในแต่ละซีซั่น เพราะนี้เป็นเพียงซีซั่นแรกกำลังเล่าที่มาของตัวละครและผูกปมเพื่อรอการคลี่คลายในอนาคต จบได้ติดค้างมากใจจะขาดฉายอีกครั้งต้องตั้งตารอถึงปีหน้ากันเลยเทียว

มิตรภาพและศัตรู

ก็อย่างที่บอกว่าซีรี่ส์เป็นเรื่องราวของวัยรุ่นดังนั้นเราก็จะได้เห็นการเติบโตของตัวละครแต่ละคนทีละเล็กละน้อย โดยการเปลี่ยนแปลงต่างๆซีรี่ส์จะค่อยๆใส่เข้ามาและเมื่อมันถึงจุดนึงมันจะทำให้เรารู้ได้เลยว่าตัวละครที่เราเชียร์อยู่นั้นได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากการเติบโตแล้วเรื่องเพื่อนก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ซีรี่ส์เรื่องนี้ทำออกมาได้ดี ถึงแม้ว่าชื่อเรื่องมันจะดูเหมือนหนังสงครามแต่ในซีซั่นนี้ฉากต่อสู้น้อยๆมากๆ ดังนั้นถ้าหากคุณจะมาดูฉากบู้มันๆอาจจะผิดหวังได้

รีวิว Ragnarok

สิ่งที่รู้สุกขัดใจ

สิ่งที่รู้สึกขัดใจ และไม่ชินสำหรับคนดูก็คือเรื่องของภาษา ที่ใช้ภาษานอร์เวย์ ซึ่งบางคำก็ออกเสียงค้ลายภาษาอังกฤษ ทำให้บางคนที่ดูซีรีส์มาเยอะๆ อาจจะไม่ชิน และตัวเอกของเรื่อง มังเน หน้าตาไม่ค่อยดึงดูดหรือมีเสน่ห์เท่าที่ควร (มองบางมุมหน้าเขาคล้ายๆ ด้งเด้ง พระเอกเรื่องไทบ้าน แต่เป็นเวอร์ชั่นฝรั่งอยู่เหมือนกัน)

บทที่น่าสนใจอย่าง บทของน้องชาย ลัวร์ริต ที่นิสัยขี้แกล้ง เอาแน่เอานอนไม่ได้ ซึ่งน้อยชายของธอร์ ตามตำนานนอร์ส์ ก็คือ โลกิ ซึ่งอาจจะมีการเอ่ยถึงในซีซั่นถัดไปมากขึ้นก็ได้ แต่น่าเสียดายไปหน่อย

คุณภาพของงานต่างๆ

สิ่งที่ดีงามในเรื่องนี้ก็คือ ภาพ และโลเคชั่นในการถ่ายทำที่เรียกได้ว่า สวยมากกก แม้ในเรื่องจะเป็นเมืองสมมติที่ชื่อ Edda แต่ชื่อเมืองจริงๆคือ Odda ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศนอร์เวย์ ล้อบรอบไปด้วยภูเขาสูง และมีแม่น้ำสายใหญ่เชื่อมไปยังทะเล ถ้าฉากไหนที่มีฉากธรรมชาติโผล่เข้ามา หรือฉากที่ทำให้เห็นสภาพบ้านเมืองของที่นั่นคือ สวยมากจริงๆ

โดยรวม

ส่วนตัวผมไม่ติดขัดอะไรเพราะเป็นซีซั่นเปิดถ้าเล่นหนักเกินไปผู้รับชมอย่างเราคงตามไม่ทัน เพราะหนึ่งตัวละครเยอะ สองชื่อตัวละครจำยาก สามประเด็นที่มาที่ไปของตัวละครมีทั้งจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ฉะนั้นจะคลี่คลายตั้งแต่ซีซั่นแรกคงไม่ได้ ส่วนเรื่องพลังนั้นคงต้องทำใจนะครับยังไม่สุด คาดว่าซีซั่นสองก็จะยังไม่สุดคงเน้นการรวมรวบทีม ความอลังการคงบังเกิดตอนซีซั่นสามเป็นต้นไป

สรุป

เป็นอีก 1 ซีรีส์ ที่เกินคาด คิดว่าจะแย่ แต่ไม่เลย องค์ประกอบหลายๆ อย่างกำลังลงตัวได้พอดิบพอดี แต่ดูเหมือนซีรีส์ยังจะกั๊กอะไรไว้อีกหลายอย่างเพื่อรอปล่อยในซีซั่นต่อไป ถ้าหากใครชอบตำนานของนอร์สที่ถูกนำมาเล่าในสมัยใหม่ ผสมผสานกับความ Coming of Age ในแบบวัยรุ่นบวกกับฮีโร่ หรือใครที่ชอบซีรีส์ Smallvile แล้วล่ะก็ คุณจะชอบเรื่องนี้ได้อย่างไม่ยากเลย

ถ้าหากคุณชอบเกี่ยวกับตำนานของเทพเจ้านอร์ส สงครามแร็กนาร็อค เทพโลกิ โอดิน ธอร์ ผสมกับเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตวัยรุ่นแบบหนัง Twilight ขอบอกเลยว่านี่คงเป็นซีรีส์ที่คุณน่าจะชอบแน่ๆ โดยซีรีส์เรื่องนี้ได้ผสานตำนานความเชื่อเทพเจ้าเข้ากับยุคใหม่ที่เรียกได้ว่า น่าสนใจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น