วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2563

Tenet - เทเน็ท

ดูหนังออนไลน์

รีวิว Tenet - เทเน็ท

ต้องเรียกว่าเป็นภาพยนตร์ที่ถูกจับตามองเป็นอย่างมาก ด้วยความที่ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานของผู้กำกับมากฝีมือ “Christopher Nolan” ที่เคยฝากผลงานคุณภาพเอาไว้มากมายทั้ง Memento, Inception, Interstellar และ Dunkirk โดยแต่ละเรื่องมีแนวคิดและการนำเสนอที่แตกต่างกันเป็นอย่างมาก กลับมาในครั้งนี้ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขาอย่าง “TENET” ก็สร้างประสบการณ์ใหม่ในการับชมกันอีกครั้ง ด้วยการนำเสนอและการเล่าเรื่องที่แปลกแหวกแนว รีวิว Tenet

เรื่องย่อ

สายลับที่กำลังเรียนรู้เกี่ยวกับกลไกการทำงานของเวลาเพื่อทำภารกิจให้ลุล่วง และหาคำตอบให้ได้ว่าหากกระสุนอันหนึ่งเดินไปข้างหน้าตามเวลา แล้วกระสุนอีกอันกำลังเดินย้อนกลับ เขาจะสามารถแยกออกไหมว่ากระสุนอันไหนคืออันไหน? ส่วนการฝึกฝนในครั้งนี้จะสำคัญต่อภารกิจของเขาอย่างไร สุดท้ายแล้วเขาจะเข้าใจกลไลของเวลาอย่างถ่องแท้หรือไม่


ภาพยนตร์แนวแอ็คชั่นจารกรรมไซไฟที่ถูกปั้นออกมาจากวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของผู้กำกับมากฝีมือที่ทำเรื่องไหนออกมา เป็นได้รับกระแสว่าล้ำตลอด อย่าง คริสโตเฟอร์ โนแลน ผู้เคยพาเราไปสำรวจความทรงจำที่ย้อนจากหลังไปหน้าจาก MOMENTO พาเราเดินทางสู่โลกแห่งความฝันและการจารกรรมอย่าง INCEPTION พาเราเดินทางข้ามโพ้นจักรวาลเหนือกาลเวลาอย่าง INTERSTELLAR

และพาเราสำรวจช่วงเวลาแห่งสงครามอย่าง DUNKIRK และในปี 2020 นี้ เขาจะพาเราไปสำรวจทุกสิ่งทุกอย่างที่มาจากประสบการณ์การทำหนังของเขา ไม่ว่าจะเรื่อง เวลา แผนจารกรรม วิทยาศาสตร์ และการเล่าเรื่องที่มีชั้นเชิงใน TENET ครับ

เข้าฉายในไทยมาสัปดาห์กว่า ๆ แล้ว สำหรับ Tenet ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่องแรกนับตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ทั้งโลกต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์โควิด-19 ผลงานเรื่องนี้ ผู้กำกับ Christopher Nolan บอกว่า เป็นหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด มีภาพที่ปรากฏบนจอตระการตาที่สุดในชีวิตของเขา และจะกลายเป็นหนังที่ยอดเยี่ยมไม่น้อยไปกว่าผลงานเก่า ๆ ทั้งไตรภาค The Dark Knight (2005-2012), Inception (2010) และ Interstellar (2014) ซึ่งหลายคนคงจะได้พิสูจน์ด้วยตาตัวเองกันไปแล้วคนละรอบสองรอบ

Tenet ทำเงินเปิดตัวในสหรัฐอเมริกาเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และทำรายไป 20.2 ล้านเหรียญฯ รวมถึงทำรายดูหนังออนไลน์ได้ทั่วโลกไปแล้วจนถึงขณะนี้ราว 150 ล้านเหรียญฯ ซึ่งจากทุนสร้าง 200 ล้านเหรียญฯ (ยังไม่รวมค่าโปรโมต) และกับรายได้ประมาณนี้ก็สร้างความพอใจให้กับ Warner Brothers สตูดิโอเจ้าของหนังมาก

เนื่องจากมองว่าการทำรายได้ของ Tenet จะเป็นเหมือนเป็นการวิ่งมาราธอน ที่ต้องทำรายได้ไปเรื่อย ๆ ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน (และจะยังไม่มีหนังฟอร์มยักษ์เรื่องใหม่เรื่องอื่นเข้าฉายเป็นคู่แข่งอีกเป็นเดือน) รายได้จึงไม่จำเป็นต้องหวือหวาหรือเปิดตัวแรงเหมือนตอนสถานการณ์ปกติ

คริสโตเฟอร์ โนแลนเคยกล่าวว่า เขาเคยคิดอยากทำหนังเจมส์ บอนด์ ในแบบตัวเอง ซึ่งเขาก็ได้ทำมันออกมาแล้ว เทเน็ทจะพาคนดูค่อย ๆ สัมผัสโลกที่เหนือกว่าความเป็นจริงที่เราเคยอยู่ แต่ก็ยังค่อย ๆ แทรกปริศนาและเบาะแสตามแบบโนแลน ถ้าใครดูหนังเก่ามาจะเข้าใจได้ทันทีว่าหนังของเขาจะมีการโปรยขนมปังให้ใช้ในการรวบรวมเบาะแส และแน่นอน อย่าคิดตามหลักความเป็นจริงทางวิทยาศาสตร์ ไม่เช่นนั้นคุณจะทั้งงง และสับสน ทำตามที่ตัวละครในตัวอย่างบอก “อย่าพยายามเข้าใจ ให้ใช้ความรู้สึก”

คุณจะได้ค่อย ๆ สงสัยและอยากรู้ไปกับพระเอก และแน่นอนคำอธิบายของหนังเรื่องนี้มีไม่มากมาย แต่ต้องตั้งใจฟังและอย่าพลาดรายละเอียด ไม่เช่นนั้น คุณอาจจะหลุดจากโลกในหนัง หรือหลับทันที แต่เรื่องแบบนั้นมันก็คงยาก เพราะอาเข้าจริง แม้เราจะไม่เข้าใจ แต่หนังก็มอบความบันเทิง มีเสน่ห์แบบสายลับ และความไซไฟได้อย่างเต็มรูปแบบโดยไม่เวอร์วังจนเกินไป

จนผมยอมรับเลยว่า ล้ำจริง ไรจริง ดูไม่รู้เรื่องแต่โคตรมัน แต่มันแลกมาด้วยข้อเสียคือ ในช่วงท้ายของบทสรุปในหนังมันเหมือนวางมาให้เป็นอีกแบบนึง เลยคิดว่ามันเล่นใหญ่ไปนิด แต่มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำคัญอะไรของเรื่อง ผมคงไม่สปอย แต่บอกได้ว่า มันเป็นเรื่องที่หนังไซไฟชอบทำ แต่โนแลนเล่ามันลึกขึ้นมากกว่าเดิม

กฎของเทเน็ท?

มีใครหลายคนคงสงสัยว่าการกลับด้านหรือกลับข้างนี่มันเกิดจากอะไร ผมบอกได้แค่ว่า มันเป็นการดัดแปลงอนุภาคของหน่วยกระแสวัดเวลา ซึ่งเป็นกฎที่โนแลนคิดขยายขอบเขตให้กว้างกว่าวิทยาศาตร์ในโลกแห่งความจริงร่วมกับนักฟิสิกส์ที่เคยทำงานร่วมกัน เพื่อใช้ในภาพยนตร์โดยเฉพาะ เทเน็ทในเว็บดูหนังก็ไม่ได้มีการให้น้ำหนักอะไรมากอย่างที่คิด เอาจริง ๆ ดูจนจบก็ยังไม่สามารถเข้าใจได้ว่า เทเน็ท หมายถึงอะไร และมันไม่ใช่สิ่งที่คุณคิดแน่

สิ่งที่หนังทำได้ดีคือการสร้างโลกของตัวเองขึ้นมาตามความเป็นจริง แต่ก็ใส่เรื่องการเดินทางข้ามเวลา ซึ่งมันเดินทางยังไง ก็ต้องไปชมกันครับ บอกได้อย่างเดียวว่า มันเจ๋งมาก ๆ ในฐานะที่ผมศึกษาทฤษฎีนี้มาประมาณนึง แต่คนดูทั่วไปอาจจะตามกฎไม่ทัน ซึ่งนั่นสิ่งที่คุณต้องชั่งน้ำหนักเอาเอง ว่ามันเป็นยังไง แต่นี่คือสิ่งที่ผมเข้าใจหลังจากชมภาพยนตร์จบครับ

ความเชื่อมโยงระหว่าง Tenet กับ Inception

ในทีแรกที่คอหนังได้เห็นตัวอย่างของ Tenet ค่อย ๆ ถูกปล่อยออกมา หลายคนก็รู้สึกว่าหนังน่าจะมีเนื้อหาและบรรยากาศกลับไปคล้ายหนังโจรกรรมคุณภาพขึ้นหิ้งของ Nolan ที่เป็นหนังในดวงใจที่เขาอยากจะสร้างมาตั้งแต่เข้าวงการเมื่อ 10 ปีก่อนอย่าง Inception (2010) ซึ่งสำหรับใครที่ได้ไปชมหนังแล้วก็คงจะได้เห็นจุดที่เหมือนกันนั่นคือการเป็นหนังโจรกรรมหรือหนังปล้น ภายใต้บรรยากาศของโลกที่ผิดปกติ

และทั้งสองเรื่องก็มีกลิ่นอายของความเป็นหนัง James Bond 007 ที่เป็นหนึ่งในหนังโปรดของ Nolan ชนิดที่หลายคนบอกว่า ถ้า Nolan ได้ไปทำหนัง 007 ก็จะออกมาหน้าตาประมาณ 2 เรื่องนี้ (แม้ว่า Tenet จะมีกลิ่นที่ชัดกว่า เพราะเป็นการยับยั้งองค์กรร้ายที่จะก่อสงครามโลก)

รีวิว Tenet

อย่างไรก็ตาม Tenet นั้นมีการนำเสนอที่ซับซ้อนกว่า และแคร์คนดูน้อยกว่าเมื่อครั้ง Inception เห็นได้จากในหนังเมื่อ 10 ปีที่แล้ว Nolan ยังค่อย ๆ ใส่คำอธิบายให้กับตัวละครที่เพิ่งรู้จักโลกของ Inception เป็นครั้งแรก (ตัวละคร Ariadne ของ Ellen Page ) ซึ่งก็เป็นตัวแทนของคนดูไปด้วยในที

ต่างจากตัวละคร The Protagonist ของ John David Washington ใน Tenet ที่แม้จะเพิ่งเข้าสู่การทำความเข้าใจในโลกแห่งวิถีการรับรู้ใหม่ แต่หนังใช้เวลาไม่นานในการอธิบาย (ซึ่งไม่ช่วยให้เข้าใจมากขึ้น) และก็ดูว่าตัวละครตัวนี้จะเก็ตเร็ว พร้อมกระโจนเข้าสู่ภารกิจได้เลยทันที

Washington เองก็เคยให้สัมภาษณ์ว่า Tenet นั้น “เป็นเหมือนญาติ” ของ Inception โดยเขามองว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นในเรื่องก็คือการจารกรรมความคิดของตัวละคร The Protagonist เช่นเดียวกับที่ตัวละคร Robert Fischer ของ Cillian Murphy โดนใน Inception

ด้านคุณภาพของหนัง

สิ่งที่ทุกคนคาดหวังเมื่อไปดูหนังโนแลนคืองานภาพ วิชวลเอฟเฟกต์ และดนตรี ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานครับ คือ เล่นใหญ่มาก มีการเล่นมุมกล้องย้อนกลับ สลับกับมุมกล้องปกติ ไหนจะมีการจับภาพที่เห็นได้ในระยะกว้าง เล่นกับสีสเปกตรัมได้อย่างโดดเด่น เห็นเป็นสง่า ส่วนเรื่องดนตรี ต้องยกความดีความชอบให้คนแต่งเพลงอย่าง  ที่ทำเพลงในช่วงต่าง ๆ ได้ลุ้นระทึกจริง ๆ

ฉากแอ็คชั่นคือตูมตามมาก ตูมตามแบบขนาดนี้เลยเหรอ ระเบิด ปืนปง เครื่องบินอะไรมาหมด ต่อยตีก็มา เสียงดังกระหึ่มโรงมาก จนอยากไปดูไอแม็กซ์ เผื่อจะเห็นอะไรมากกว่านี้ แต่แค่นี้ก็ปลื้มจะแย่อยู่แล้ว ยิ่งฉากจบแล้วเพลงขึ้นแทบจะอยากปรบมือให้ เพราะเพลง The Plan ของ Travis Scott ถ้าเข้าใจเนื้อร้องจะเก็ททันทีหลังจากที่สงสัยมาตลอดก่อนไปดูหนัง และมันก็ปิดฉากภาพยนตร์ได้อย่างสวยงามและสมบูรณ์แบบ

สรุป

ถือว่าเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์จากคริสโตเฟอร์ โนแลน เจ้าพ่อหนังที่กลับมาทวงบัลลังก์อย่างสมศักดิ์ศรี ภายหลังความซบเซาของวงการภาพยนตร์จากโควิดไปอย่างยาวนานกว่า 5 เดือน ใครบอกว่าหนังโนแลนดูยาก อันนี้พูดตรง ๆ ก็ใช่อยู่ แต่ถ้าการได้ไปสัมผัสสิ่งที่เทเน็ทนำเสนอแล้ว ผมว่ามันคุ้มมาก ๆ สำหรับการไปนั่งอยู่ในโรง 2 ชมกว่า

ซึ่งอัดแน่นไปด้วยฉากแอ็คชั่นมัน ๆ ทฤษฎีล้ำ ๆ เพลงประกอบเท่ๆ ล้ำ ๆ ทีมนักแสดงที่มาวาดลวดลายฝีมือ ทั้งหน้าใหม่และเก่า ผมแนะนำ ไปสัมผัสประสบการณ์นี้ จะไม่เสียดายเงินแน่ๆ โดยเฉพาะตอนที่ดูจบ คุณอาจจะตั้งคำถาม หรือคุณอาจจะอยากดูอีกรอบ ซึ่งเป็นไปได้ก็อยากดูเหมือนกัน แต่เท่าที่เข้าใจตอนนี้ ผมก็โอเคกับหนังมาก ๆ แล้ว ก็อยากให้ทุกคนไปชมกันครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น