รีวิว Jumbo - รักฉันมันจัมโบ้
พอเห็นถึงเรื่องราวของหนังที่ค่อนข้างมีคอนเซ็ปต์ที่ประหลาดๆ สักหน่อย ความรักระหว่างคนกับสิ่งของเนี่ยนะ? สร้างออกมาเป็นหนังได้ด้วยหรือ เมื่อสืบค้นเข้าไปอีกก็พบว่าหนังได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ยิ่งกระตุ้นทำให้อยากตามไปพิสูจน์ดูว่า...มันเป็นยังไงกันนะ หนังเรื่องนี้ก็ "จัมโบ้ รักฉันมันจัมโบ้" หนังสัญชาติฝรั่งเศส ที่ถูกยกให้เป็นหนึ่งในรักเวียร์ดๆ (weird) ประจำศักราชนี้เลย รีวิว Jumbo
เรื่องย่อ
Jeanne หญิงสาวผู้อาศัยอยู่กับแม่ เป็นผู้ดูแลสวนสนุกขี้อายที่ชื่นชอบม้าหมุน และหลงไหลในเครื่องเล่นภายในสวนสนุก จนกระทั่งเธอเริ่มชื่นชอบเครื่องเล่นหนึ่งเป็นพิเศษที่ชื่อว่า Jumbo จนมันก่อตัวเป็นความผูกพัน และเกิดเป็นความรัก ราวกับทั้งคู่เป็นคู่รักกัน
ปีนี้ไม่รู้จะขอบคุณ COVID – 19 ดีหรือเปล่าที่ทำให้บรรดาหนังโปรแกรมใหญ่ ๆ อยู่ในสภาวะ “พักก่อน” จนบรรดาค่ายหนังต่าง ๆ ทยอยปล่อยหนังฟอร์มรอง ๆ ในมือของตนออกมาโชว์โฉมกันใหญ่ และส่วนหนึ่งนอกจากหนังแอนิเมชันแล้ว ก็มีบรรดาหนังยุโรปที่ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษออกมาเป็นทางเลือกสร้างความแปลกใหม่ให้นักดูหนังชาวไทย และสัปดาห์นี้ก็มีหนังที่น่าสนใจมาก ๆ จากฝรั่งเศสอย่าง Jumbo
เนื้อเรื่อง
เล่าถึงเรื่องราวของ ฌานน์ (โนเอมี เมอร์แลงท์) เด็กสาวที่เข้าสังคมไม่เก่ง เธอเลือกงานเป็นคนดูแลความสะอาดในสวนสนุกและในที่นั่นเธอก็ได้พบกับ Move It เครื่องเล่นในสวนสนุกที่เธอรู้สึกผูกพันเกินกว่าแค่สิ่งของจนเกิดเป็นความรักที่ยากเกินเข้าใจโดยเฉพาะ มาร์กาเรตต์ (เอ็มมานูเอล เบอร์โคท์)
แม่ของเธอที่ไม่อาจเข้าใจได้ว่าทำไมลูกสาวถึงไม่ยอมมีความสัมพันธ์กับมนุษย์คนอื่น และเมื่อสังคมกลายเป็นกำแพงทางออกเดียวของฌานน์คือการก้าวสู่อีกขั้นของความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเครื่องเล่นที่ตั้งชื่อว่าจัมโบ้
พฤติกรรมของลูกสาวที่เป็นเช่นนี้ยิ่งทำให้ผู้แม่เป็นกังวล พยายามปลุกเร้าผลักดันให้ลูกออกไปใช้ชีวิตและเข้าสังคมเหมือนกับที่ตัวเองมักจะมีชายไม่ซ้ำหน้าแวะเวียนมาค้างคืนที่บ้านจนชินตา ฌาณน์ได้มารู้จักกับ จัมโบ้ เครื่องเล่นใหม่ที่เข้ามาประจำที่สวนสนุก ปรากฏว่าเธอสามารถสื่อสารกับมันได้และรู้สึกอุ่นใจทุกครั้งที่อยู่เคียงข้างมัน จนกลายเป็นการถลำลึกในความสัมพันธ์ไปเกินกว่าที่คนรอบข้างจะทนรับได้
แน่นอนว่าแค่โครงเรื่องดูหนังฟรีก็สามารถแตกประเด็นต่างๆ ออกมาไปได้เยอะเลยทีเดียว มีอะไรให้สื่อสารออกมาได้มากมายเกี่ยวกับบรรทัดฐานความรักระหว่างคนกับสิ่งของ...ที่ใครๆ ก็คงมองว่า "เป็นบ้า" แต่หนังใช้วิธีถ่ายทอดความสัมพันธ์รูปแบบนี้ออกมาอย่างละมุนละไม ประหนึ่งดูหนังที่หนุ่มสาวกำลังพล้อดรักกันทำนองนั้น ทั้งที่ความเป็นจริงกับภาพที่เห็นเป็นเพียงความรู้สึกของคนฝ่ายเดียว
หนังมีความแฟนตาซีและจินตนาการอยู่เต็มไปทั้งเรื่อง แนวทางที่เลือกให้เครื่องเล่นสามารถสื่อสารกลับมาหาตัวละครหลักได้เป็นสิ่งที่แปลกประหลาด แต่ให้ความรู้ดี ตลอดระยะเวลา 90 นาทีนิดๆ ของหนังเราได้เห็นความสัมพันธ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ ได้เห็นพัฒนาความสัมพันธ์ของทั้งคู่ รวมทั้งฉากวาบหวิวการร่วมเพศที่ชวนทึ่งและตระการตาไปพร้อมๆ กัน นับว่าเป็นการมีเพศสัมพันธ์ที่เวียร์ดมากๆ อีกเรื่องเท่าที่เคยดูหนังมา
ตามที่ตอนต้นเรื่องได้กล่าวไว้ว่าเรื่องราวใน Jumbo ถูกสร้างมาจากแรงบันดาลใจจากเรื่องจริง และเมื่อได้ลองค้นข้อมูลดูก็ปรากฎว่ามีกรณีที่หญิงสาวตกหลุมรักกับเครื่องเล่นในสวนสนุกอย่างน้อย 2 คนที่เป็นข่าวได้แก่ เอมีที่หลงรักรถไฟเหาะตีลังกา
และ กรณีของลินดาที่แต่งงานกับบรูซรถไฟเหาะตีลังกาเช่นเดียวกัน ซึ่งแม้จะอธิบายด้วยข้อมูลทางจิตวิทยาอย่างเป็นบุคคลที่มีความหลงไหลในสิ่งของ แต่มันก็ยังไม่อาจอธิบายได้ถึงสาเหตุและต้นกำเนิดของพฤติกรรมที่คนทั่วไปจะมองว่าแปลกประหลาดแบบนี้
นั่นกระมังที่กลายเป็นวัตถุดิบชั้นดีให้ โซอี้ วิทท็อค ได้เขียนบทและกำกับหนังเรื่องนี้โดยหยิบเอาการตั้งชื่อเครื่องเล่นแบบเดียวกับ ลินดา ที่ถือเป็นต้นแบบให้ตัวละครฌานน์มาเป็นเหมือนกิมมิกสำคัญทั้งการตั้งชื่อหนังที่เหมือนให้เราได้เข้าไปในจิตใจของตัวละครที่มองเครื่องเล่นเป็นบุคลาธิษฐานถึงชายหนุ่มหรือคนรัก แล้วพาผู้ชมเข้าสู่โลกของสาวเก็บตัวอย่างฌานน์ซึ่งต้องยอมรับว่าการที่ผู้กำกับเป็นผู้หญิงก็ส่งผลให้งานภาพและจังหวะการเล่าเรื่องของหนังมีความเฉพาะตัวไม่น้อยเลย
กล่าวคือ โซอี้ วิทท็อค ไม่ได้พยายามพาเล่าเรื่องเข้าข้างตัวละครอย่างฌานน์จนเหมือนหาข้ออ้างให้เธอทำพฤติกรรมประหลาดหรือดูเป็นพวกวิตถารตรงกันข้ามหนังได้พาเราไปรู้จักกับฌานน์และมาร์กาเรตต์พร้อม ๆ กันและทีละน้อยมันก็ค่อย ๆ ทำให้เราได้เข้าใจต้นเหตุของอาการ “ขาด” ของฌานน์ได้อย่างมีเหตุมีผลทั้งปมที่พ่อของเธอทิ้งไปจนมาร์กาเรตต์เองก็ต้องหาผู้ชายมานอนด้วยไม่ซ้ำหน้าเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด
ในขณะที่ฌานน์เองแม้จะมี มาร์ค (บาสเตียง บูอิลญง) ชายหนุ่มที่มาตามจีบเธอคอยก้อร่อก้อติกไม่ห่าง แต่มันเทียบไม่ได้เลยกับความเย้ายวนยามราตรีที่เธอกับจัมโบ้มีให้กัน แต่ปัญหาของความสัมพันธ์ของเธอคือมันเกินความเข้าใจของคนรอบข้าง ซึ่งจุดนี้ต้องชื่นชมตัวโซอี้ วิทท็อคไม่น้อยที่จงใจจะตอกหน้าบรรดาสื่อทางอ้อมที่มักนำเสนอเรื่องของสาวที่หลงรักเครื่องเล่นในแนวทางของเรื่องแปลกประหลาด
แต่คราวนี้เธอเปลี่ยนมาเป็นบุคคลที่มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ครั้งนี้โดยตรงทั้งแม่อย่างมาร์กาเรตต์ที่ไม่อยากให้ลูกสาวเป็นตัวประหลาด และแน่นอน..มาร์คที่เขาคงถูกหยามน้ำหน้าไม่น้อยที่แพ้ให้กับเครื่องเล่นไม่มีชีวิตและอวัยวะเพศเหมือนอย่างเขา
จุดที่ชื่นชม
นอกเหนือจากบทภาพยนตร์หนังออนไลน์และงานกำกับที่ดีงามมีจังหวะจะโคนดึงคนดูอยู่กับหนังด้วยงานภาพและเสียงแล้ว การแสดงของหนังยังเต็มไปด้วยรายละเอียดที่น่าสนใจซึ่งบุคคลที่หากไม่ชมแล้วน่าจะกลายเป็นตราบาปของผมทันทีได้แก่ โนเอมี เมอร์แลงท์ สาวสวยจาก Portrait of a Lady on Fire ที่เราเพิ่งจะรีวิวกันไปเมื่อตอนต้นปีที่ต้องบอกว่าเสน่ห์ของเธอคือแทบทำเอาคนดูหยุดหายใจ
เธอสามารถบาลานซ์ระหว่างดราม่าที่สามารถทำให้คนดูเข้าอกเข้าใจหญิงสาวที่มีความรักต่อสิ่งไร้ชีวิตได้อย่างทุกข์ทรมานแล้ว เธอยังเร้าอารมณ์รัญจวนในซีนอีโรติกที่บอกตามตรงเลยว่าหนังเรียกร้องให้เธอต้องเปลือยต่อหน้ากล้องบ่อยมาก แต่ทุกช็อตมันพ้นจากคำว่าอนาจารไปได้อย่างสวยงามทั้งด้วยงานกำกับที่ปราณีตของโซอี้ วิทท็อคและการแสดงของเมอร์แลงท์ที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยม
ส่วนนักแสดง
การแสดงของ "นาโอมี แมร์ล็อง" เฉียบขาด เคยประทับใจเธอจากผลงานเรื่องที่แล้วใน Portrait of a Lady on Fire แต่พอปรับโหมดมาในเรื่องนี้ ก็ทำให้เห็นว่าเธอเป็นนักแสดงที่แสดงได้ดีจริงๆ สมกับมาตรฐานบรรดาดาราฝรั่งเศสที่มักจะเก่งกาจในการถ่ายทอดพลังและขับอินเนอร์ออกมาในหนังได้จริงจังอยู่เสมอ แม้ว่าบทของนาโอมีค่อนข้างจะยากและท้าทาย เพราะเธอต้องเล่นกับตัวเองอยู่บ่อยๆ อีกฝ่ายเป็นเพียงสิ่งของที่ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา แต่เธอเป็นส่วนที่ทำให้เครื่องเล่นกลับดูมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ
"เอ็มมานูเอล บาร์ก็อต" ก็เป็นอีกหนึ่งนักแสดงของเรื่องที่เล่นดูมากๆ สมกับเป็นในหนึ่งในดาวค้างฟ้าแห่งชาติ แม้ว่าบทของเธอจะไม่ได้มีมิติอะไรเท่าไหร่นัก แต่การรับมือกับลูกสาวที่มีสภาพจิตใจที่ได้รับผลกระทบจากการชีวิตของผู้เป็นแม่ ทำให้ในช่วงท้ายๆ เธอได้ปล่อยพลังทางการแสดงออกมาได้อยู่หมัด และระเบิดมันออกมาได้อย่างดี แม้จะมีพื้นที่ปล่อยของเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น
งานกำกับของผู้กำกับหญิง "โซอี้ วิตต็อก" เห็นได้ถึงความละเอียด เธอรับหน้าที่เขียนบทหนังเรื่องนี้เองด้วย เพราะได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริงของผู้หญิงที่เคยหลงรักและแต่งงานกับหอไอเฟล ใจกลางกรุงปารีส แน่นอนว่าการถ่ายทอดออกมาเป็นหนังต้องไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะต้องเล่นกับความรู้สึกและจินตนาการของตัวละคนอย่างลุ่มลึก
โดยรวม
อาจจะยังไม่ใช่หนังที่สมบูรณ์ เพราะหนังนำเสนอประเด็นที่แขวนอยู่บนเส้นบางๆ ของความเป็นจริงกับจินตนาการ บางคนนั่งดูไปอาจจะคิดว่า...หนังอะไรเนี่ย แต่ขณะที่บางคนไม่ได้คิดเช่นนั้น เข้าใจในความรู้สึกและเหตุผลของตัวละคร เป็นหนังที่ต้องใช้วิจารณญาณและความรู้สึกเข้ามาช่วยตัดสินทั้งเรื่อง และก็ยังคงมีบางจุดที่ขาดๆ เกินๆ บางจุดก็ยังดูน่าเบื่อไปหน่อย
สรุป
แม้ Jumbo จะดึงความสนใจเราด้วยเรื่องรักประหลาด ๆ ชวนสยิว แต่เอาเข้าจริงหนังกลับพูดถึงความรักอย่างเข้าอกเข้าใจและนำพาคนดูให้เปิดใจรับกับความจริงที่ว่าบางทีเรื่องของหัวใจก็อาจไม่มีตรรกะ ไร้ถูกผิดและที่สำคัญอาจอยู่เหนือมาตรวัดของความปกติและความเพี้ยนก็ได้ มีเพียงความรู้สึกเท่านั้นแหละที่บอกได้ว่ามันคือความรักหรือเปล่า
เกร็ดหนัง
1. หนังออกฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเบอร์ลิน และได้เข้าชิงรางวัลหมีคริสตัลสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
2. หนังฉายในเทศกาลหนังซันแดนซ์ ของอเมริกา เข้าชิงสาขา World Cinema
3. หนังจะออกฉายที่ฝรั่งเศส 5 สิงหาคม 2020
4. โนเอมี เมอร์แลงท์ นักแสดงสาวที่อยู่ในวงการหนังฝรั่งเศสมานาน กลายเป็นดาราที่ทั่วโลกจับตามอง หลังจากสวมบทบาทเป็นมารียานน์ จิตรกรสาวที่พบรักกับนายหญิงสูงศักดิ์ (อะเดล เฮเนล) ในหนังเลสเบี้ยนย้อนยุคขวัญใจนักวิจารณ์
และผู้ชม Portrait of a Lady on Fire ที่คว้ารางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในเทศกาลหนังคานส์ปีที่แล้วและเข้าชิงลูกโลกทองคำสาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศ หนังฉายในไทยชื่อว่า ภาพฝันของฉันคือเธอ
5. โนเอมี ชอบกีฬาชกมวยและเป็นคนถนัดซ้าย
6. เอ็มมานูเอล เบอร์โคท์ เป็นนักแสดงหญิงมากฝีมือที่อยู่ในวงการหนังฝรั่งเศสมานาน ดังระดับนานาชาติจากการคว้ารางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยม เทศกาลหนังเมืองคานส์ ปี 2015 จากหนังเรื่อง My King ซึ่งเธอคว้ารางวัลร่วมกับรูนี่ย์ มาร่า จาก Carol
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น