รีวิว Ready Player One - สงครามเกมคนอัจฉริยะ
ไม่รู้จะต้องพูดอะไรมากมาย ส่วนตัวคิดว่าไม่ควรต้องเขียนรีวิวอะไรเลยด้วยซ้ำ เพราะ Ready Player One เป็นหนังที่เรียกว่าใครที่ชอบดูหนัง ดื่มด่ำกับวัฒนธรรมป๊อปตั้งแต่ยุค 80 ถึงปัจจุบัน (ก็กวาดตั้งแต่ผู้ใหญ่ยันเด็กล่ะนะ) จะต้องไม่พลาดดูอย่างแน่นอน รีวิว Ready Player One
เรื่องย่อ
เรดดี้ เพลเยอร์ วัน สงครามเกมคนอัจฉริยะ สร้างจากนิยายชื่อเดียวกันของผู้แต่ง Ernest Cline เป็นเรื่องราวในอนาคตอันใกล้ Wade Wilson เด็กหนุ่มวัยรุ่นได้หลีกหนีโลกจากความเป็นจริงเข้าสู่ OASIS โลกเสมือนจริง เมื่อเศรษฐีผู้สร้าง OASIS ถึงแก่ความตาย เขาได้เสนอให้ผู้ที่เข้าสู่ OASIS ค้นหาสมบัติของเขาที่เก็บซ่อนเอาไว้ (easteregg) Wade เข้าร่วมการผจญภัยนี้พร้อมกับนักเล่นเกมทั่วโลก ก่อนจะรู้ตัวว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับองค์กรที่ทรงอำนาจผู้ไร้ซึ่งความปราณี ที่พร้อมจะทำทุกวิถีทางทั้งใน OASIS และโลกแห่งความจริงเพื่อเข้าถึงสมบัติให้ได้ก่อนใครทั้งหมด
Ready Player One หรือ เรดดี้ เพลเยอร์ วัน เป็นหนังสือขายดีปี 2011 โดยปลายปากกาของ เออร์เนสต์ ไคลน์ ที่แฟนหนังสือหลายคนบอก สนุกและโคตรสนุก จึงไม่แปลกที่ฮอลลีวู้ดดูหนังออนไลน์จะให้ความสนใจนำมาขึ้นจอเงิน ยิ่งตัวเนื้อเรื่องส่งเสริมการนำตัวละครฮิต ๆ มากมาย ซึ่งแต่ละตัวก็มีฐานแฟน ๆ ที่ยอมซื้อตั๋วมาดูแน่นอนอยู่แล้ว เฉกเช่นหนังฮิตรวมตัวละครจากเกมก่อนหน้าอย่าง Wreck-It Ralph (2012) ที่ยกระดับ เอามาใส่ของได้เจ๋งขึ้น ยิ่งใหญ่ขึ้น เข้มข้นขึ้น บันเทิงขึ้นไปอีก ก็ยิ่งการันตีว่าหนังต้องกวาดเงินได้อักโขแน่ ๆ
เนื้อเรื่อง
หนังว่าด้วยโลกยุคอนาคตปี 2045 ที่โลกความจริงเสื่อมโทรมจนคนหันเข้าไปใช้ชีวิตสมมติในโลกออนไลน์ ด้วยเทคโนโลยีสมจริงที่เรียกว่า ดิ โอเอซิส ซึ่งเป็นผลงานสร้างสรรค์ของ ฮาลลิเดย์ ผู้ล่วงลับ (มาร์ก ไรแลนซ์) กับเพื่อนซี้ มอร์โรว์ (ไซมอน เพ็ก) แต่ก่อนฮาลลิเดย์ตายเขาก็ได้ประกาศมอบทรัพย์สินของบริษัทอันดับหนึ่งของโลกให้แก่ใครก็ตามที่ตามหา อีสเตอร์เอ้ก ซึ่งเป็นกุญแจ 3 ดอกที่เขาซ่อนไว้ในดิโอเอซิสได้สำเร็จ และนั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของยุคโจรสลัด เอ๊ย! ผิดเรื่อง เป็นจุดเริ่มต้นของยุคการผจญภัยของเหล่า กันเนอร์ หรือนักผจญภัยออนไลน์ที่ออกตามหากุญแจซึ่งถูกซ่อนไว้นั่นเอง
และพระเอกจากย่านสลัมของเรานามว่า เวด (ไท เชอริดาน) หรือชื่อในเกมว่า พาร์ซิวัล ก็เป็นหนึ่งในกันเนอร์ เด็กหนุ่มที่โตขึ้นมาโดยอาศัยอยู่กับป้าแท้ ๆ ของเขาในโคลัมบัส โอไฮโอ ซึ่งเป็นสถานที่ที่จะเรียกว่าสลัมก็ไม่แปลก เขาสูญเสียพ่อและแม่ไปในการจลาจลเมื่อในอดีต อ่อ ลืมบอกไปหนังเรื่องนี้เกิดขึ้นในปี 2045 โลกอนาคตซึ่งก็ไม่ค่อยได้น่าอยู่สักเท่าไร
แต่แล้วก็มีชายสองคนที่ชื่อว่า ฮัลลิเดย์กับมอร์โรว์ พวกเขาตั้งบริษัทเกมขึ้นมาที่ทำให้ชีวิตคนทั้งโลกต้องเปลี่ยนไป เขาได้สร้างเกมที่เหนือจินตนาการขึ้นนั่นก็คือโลกเสมือนจริงที่ชื่อว่า โอเอซิส โดยการสวมแว่นที่คล้ายกับแว่น VR ในปัจจุบันนี้แล้วเข้าสู่โลกเสมือนจริงที่ทำให้เราสามารถสร้างตัวตนขึ้นมาใหม่ จะเป็นใครก็ได้ จะไปที่ไหนก็ได้ เป็นเกมที่สุดยอดเอามาก ๆ เลยครับแม้เขาจะเป็นหมาป่าเดียวดายที่ไม่ยอมร่วมทีมกับใคร แต่เขาก็มีเพื่อนซี้ในเกม
เอช นักซ่อม รวมถึงเพื่อนของเอชอย่าง ไดโตะ ยอดซามูไรและ โช ยอดนินจา และที่สำคัญคือสาวปริศนานาม อาร์ทิมิส ผู้ซึ่งมีฉายาว่า นักฆ่าไอโอไอ กลุ่มของบริษัทกระหายอำนาจที่มีเป้าหมายในการยึดครองโลกออนไลน์เพื่อนำไปแสวงหากำไร ซึ่งบริหารโดย ซอร์เรนโต้ (เบน เมนเดลซัน) ผู้โหดเหี้ยมและเจ้าเล่ห์ที่จะใช้ทุกวิถีทาง แม้แต่ความรุนแรงในโลกความเป็นจริงเพื่อบรรลุเป้าหมายนั่นเอง
วันหนึ่งผู้สร้างเกมที่ชื่อว่า ฮัลลิเดย์ได้เสียชีวิตลง โดยก่อนจะเสียชีวิตนั้นเขาได้ทิ้งข้อความบางอย่างผ่านคลิปสั้น ๆ ที่เขาอัดไว้ นั่นก็คือ เขาได้สร้าง Easter Egg เอาไว้ 3 อย่าง ในแต่ละ Easter Egg ก็จะมีกุญแจ และถ้าหากว่าใครสามารถไขปริศนาและได้กุญแจครบทั้ง 3 ดอกได้ คนนั้นก็จะได้กลายเป็นเจ้าของหุ้นของเขาทั้งหมดและได้สิทธิ์ในการควบคุมเกมทุกอย่าง และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของการไล่ล่าไข่ Easter Egg ที่คนทั้งโลกต่างอยากได้มัน
ถึงตัวหนังจะบอกว่าเป็นโลกอนาคตแต่รายละเอียดต่าง ๆ ภายในตัวหนังนั้นทำให้เราหวนนึกถึงวัยเด็กในอดีตได้อย่างดีเลย อย่างเช่นการนำรถจากหนังเรื่อง Back to the Future มาใส่ให้เป็นรถของพระเอก การใช้เพลงจากยุค 80’s มาประกอบ เกมคิงคองถล่มตึก หรือแม้กระทั่งฉากสยองขวัญจากหนังเรื่อง The Shining และยังมีอีกหลายอย่างที่ทำให้เราดูแล้วนึกถึงช่วงเวลาต่าง ๆ ภายในอดีต
แตกต่างจากหนังสือไหม?
ส่วนตัวที่ลองถามคนอ่านหนังสือมา คิดว่าหนังสือค่อนข้างเนิร์ดจัดหนักกว่ามาก เรียกว่าพอเอามาทำหนัง แซ็ก เพนน์ นักเขียนบทมือทองจาก The Avengers (2012) และ ไคลน์ เจ้าของนิยายก็เลยมีการเขียนบทร่วมกันแล้วรื้อเรื่องราวต่าง ๆ ไปเยอะแบบเปลี่ยนภารกิจใหม่เกือบหมด และเหล่าตัวละครก็เอาลิขสิทธิ์ตัวดัง ๆ จริง ๆ ในยุคนี้มาได้เยอะกว่าในหนังสือมาก
เสียดายแค่ว่าไม่มีตัวละครฝั่งดิสนีย์อย่างพวก มาร์เวล และสตาร์วอร์ส เพราะหนังเป็นการผลิตร่วมกันระหว่าง วอเนอร์ฯ (ผู้สร้างหนังฝั่ง ดีซีคอมมิค) กับทาง ดรีมเวิร์ค นั่นเอง อีกสิ่งหนึ่งที่น่าจะเปลี่ยนไปเยอะคือความดาร์กแบบผู้ใหญ่ที่ลดลง และใส่ความสนุกบันเทิงลงไปมากขึ้นนั่นเอง
และด้วยความที่ สตีเว่น สปีลเบิร์ก เข้ามารับหน้าที่กำกับเอง มันจึงเป็นหนังที่ใช้บารมีของเจ้าพ่อฮอลลีวู้ดได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย คือเว็บดูหนังต้องระดับป๋าแกจริงๆ ถึงจะคุมงานลิขสิทธิ์ที่มีแฟน ๆ รักและหวงแหน ให้ออกมาเอาอยู่ไม่ทำลายคุณค่าเดิม ๆ ยิ่งสปีลเบิร์กใส่ความคลั่งไคล้ส่วนตัวของเขาลงไปด้วยอีกจากทางฝั่งหนัง มันเลยมีลูกล่อลูกชนตื่นตาตื่นใจตลอดเวลา
คือยิ่งรู้จักตัวละครเยอะคุณจะเพลินกับการดูพวกตัวละครต่าง ๆ วิ่งพล่านเป็นตัวประกอบในฉากหลังและฉากหน้าเต็มไปหมดเลย หรือบางทีพระเอกก็ทำฉากเลียนแบบพวกหนังพวกเกมดัง ๆ คำพูดคม ๆ อะไรแบบนี้อีก นี่ผมระวังการเอ่ยถึงหนังหรือเกมที่ถูกเอามาอ้างอิงมากเลยนะ ไม่อยากให้สปอยล์ เพราะทุกนาทีคือการเซอร์ไพรส์แบบไม่สิ้นสุดจริง ๆ และสำหรับแฟนสปีลเบิร์กนี่ก็บอกได้เลย นี่คือหนังที่สนุกที่สุดได้ใจคนดูที่สุดของป๋าแกในช่วง 10 ปีนี้เลยล่ะ
ข้อเสียล่ะ?
จริงๆ ข้อเสียของหนังก็มาจากความบันเทิงที่อัดแน่นของมันนี่ล่ะ เพราะเนื้อเรื่องถูกทำให้กระชับมากจนบางซีนอารมณ์ หนังก็ไม่มีเวลาให้ตัวละครได้รู้สึกเท่าไหร่ก็ต้องเข้าซีนใหม่แล้ว ทั้งยังทำให้หนังดำเนินไปด้วยเหตุบังเอิ๊ญบังเอิญแบบแฟนตาซีอยู่หลายที คือถ้าไม่จับผิดกันมากมองว่าเป็นหนังบันเทิงแบบหนังเด็กมันก็ไม่มีปัญหาอะไรมากหรอก แค่เตือนคนที่เข้าไปแสวงหาความสมบูรณ์แบบเป๊ะเว่อนี่คงมีหงุดหงิดพวกตรรกะหลายฉาก 555
จุดที่ชอบ
ฉากที่ผมชอบที่สุดในหนังเรื่องนี้ก็คงจะเป็นฉากสงครามในตอนท้ายของเรื่องที่พระเอกของเราปลุกระดมคนทั้งโลกเพื่อให้มาต่อสู้กับองค์กรซิกเซอร์ร่วมกันในการหาแย่งชิงการหาไข่ Easter Egg ใบสุดท้าย มันเป็นฉากที่น่าตื่นตาตื่นใจเอามาก ๆ เลยครับ เพราะเราจะได้เห็นตัวละครจากการ์ตูนดังในอดีตและปัจจุบันหลายตัวมาก ๆ เช่น กันดั้ม ก๊อตซิลล่า สตรีทไฟท์เตอร์ เป็นต้น
ตัวหนังจะเป็นการผสมผสานระหว่างคนแสดงและกราฟฟิก มันเป็นการผสมกันอย่างลงตัวถึงแม้ว่าในส่วนของกราฟฟิกนั้นจะเยอะกว่ามากเพราะส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเกมด้วย ซึ่งทุกฉากทำให้ผมตื่นเต้นสุด ๆ อยากจะให้มีบริษัทสร้างเกมอย่างในหนังขึ้นมาจริง ๆ ถ้าสำเร็จเมื่อไรรับรองว่าผมก็คงจะเป็นอีกคนหนึ่งที่ติดมันอย่างงอมแงม เรียกว่าหนังมีแนวคิดที่ทันสมัยและน่าสนใจมาก ๆ เลยครับ เพื่อน ๆ ที่ยังไม่เคยดูต้องรีบมาดูกันครับ รับรองไม่ผิดหวังแน่ ๆ โดยสามารถเข้าไปรับชมกันได้ใน Netflix ผ่านกล่อง True ID ได้เลยครับ
สรุป
ด้วยความดีงามทั้งหมดที่ไม่อาจสปอยล์ให้ฟังได้ คงให้เป็นคำแนะนำได้เพียงว่า ต้องดูเลยล่ะ และถ้ามีโอกาสใด ๆ จอไอแม็กซ์ เหมาะมากกับการดูรายละเอียดเล็ก ๆ ที่ผู้สร้างซ่อนไว้ตลอดหนังในทุก ๆ ฉาก และระบบ 3 มิติ ดีงามมาก ยิ่งเหมาะเหม็งกับเนื้อหาการพุ่งทะยานสู่โลกของเกม ที่จะได้อารมณ์แบบเดียวกับพระเอกเลย แต่ถึงดูระบบธรรมดาหนังก็สนุกมากอยู่ดี และสำหรับใครที่กังวลว่า เฮ้ย เราไม่เนิร์ด ไม่โอตาคุ ขนาดนั้นจะดูสนุกเหรอ ขอยืนยันเลยว่าต่อให้ไม่รู้จักทุกตัวละคร หนังมันก็โคตรสนุกอยู่ดีเฟร้ย ไม่ต้องกลัวเลยจ้า ดูเถอะประทับใจมาก ๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น