รีวิว A Hidden Life - อะ ฮิดเด้น ไลฟ์
ชีวิตที่ไม่ได้เข้าโรงหนังนานจนคิดถึง เหมือนชีวิตที่ขาดหาย ในวันที่ได้กลับมาดูหนังในโรงใหม่ความรู้สึกเหมือนสิ่งนั้นมันกลับมาเติมเต็มชีวิตอีกครั้ง แม้โรคระบาดจะจางลงไปมากแล้ว การเข้าโรงหนังคราวนี้มีเก้าอี้บางส่วนถูกถอดและใส่หน้ากากอนามัยตลอดการรับชม และหนังเรื่องแรกที่ได้ต้อนรับการกลับเข้าโรงหนังก็ได้แก่ (อะ ฮิดเด้น ไลฟ์) หนังดราม่าเชิงอัตชีวประวัติผลงานของผู้กำกับ Terrence Malick รีวิว A Hidden Life
เรื่องย่อ
“ฟรันซ์ เจเกอร์สแตตเทอร์” (ออกัสต์ ดีห์ล) ชาวไร่สัญชาติออสเตรเลียผู้ไม่ยอมก้มหัวให้นาซี ถูกเรียกตัวไปเกณฑ์ทหารเพื่อร่วมรบสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้กับ “อดอล์ฟ ฮิตเลอร์” ด้วยความยึดมั่นยิ่งชีพในอุดมการณ์พิทักษ์สันติ เขาจึงลุกขึ้นต่อต้านหัวชนฝา จนถูกคุมขังและถูกตราหน้าว่าเป็นกบฏ ทำให้ผู้คนในหมู่บ้านของเขาต่างหันหลังให้ แต่กำลังใจเดียวที่เขามีคือ “ฟรานซิสกา เจเกอร์สแตตเทอร์” (วาเลอรี แพชเนอร์) ภรรยาของและลูกสาวทั้งสาม พวกเธอคอยอยู่เคียงข้างและเชื่อมั่นในตัวเขาจวบจนวาระสุดท้าย…
ฉากหลังของ A Hidden Life หนังใหม่ของผู้กำกับ เทอร์เรนซ์ มาลิค คือหมู่บ้านในหุบเขาในชนบทของออสเตรียในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง หมู่บ้านที่ทำเกษตร เลี้ยงสัตว์ ผู้คนมีชีวิตเรียบง่ายในโอบล้อมของภูเขาสูงสงัดและป่าไม้ชอุ่ม ทุ่งหญ้าเขียวขจีไกลลิบๆ และดอกไม้สะพรั่ง วิวทิวทัศน์สวยจับใจแบบโปสการ์ด ถึงขั้นที่ว่าให้ดูวิวอย่างเดียวเราก็คงยอมนั่งดูหนังที่ความยาวเกือบ 3 ชั่วโมงเรื่องนี้ได้
แน่นอนล่ะ ว่าหนังชื่องง ๆ ที่มาพร้อมโปสเตอร์สวย ๆ พะยี่ห้อ เทอเรนซ์ มาร์ลิก ในตำแหน่งผู้กำกับ ย่อมส่งผลต่อความรู้สึกคนดูหนังต่างกัน แต่แน่นอนว่ามันไม่เหมาะกับคนดูหนังที่หวังหนังใหม่เต็มเรื่องความบันเทิงเป็นหลักแน่ ๆ ในยุคคลาสสิกคอหนังอาร์ตระดับฮาร์ดคอร์คงได้ผ่านตางานสุดละเมียดโรแมนติกแช่มช้าและเล่าเรื่องราวเชิงกวีทั้ง Badlands (1973) หรือ Days of Heaven (1978) สร้างลายเซ็นผู้กำกับที่มีแนวทางนำเสนอเรื่องราวเชิงกวีได้ชัดเจนที่สุด
หรือจะเป็นงานในยุคหนังสงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังเฟื่องฟูอย่าง The Thin Red Line (1998) หรือกระทั่งผลงานชิ้นโบว์แดงระดับปาล์มทองคำอย่าง The Tree of Life (2011) และตามมาด้วยขบวนหนังเพ้อ ๆ ที่จับต้องสาระไม่ได้อีกเป็นพะเรอเกวียน แต่นับว่าน่ายินดีที่ผลงานล่าสุดอย่าง A Hidden Life ได้กลับมาพูดเรื่อง ปัจเจก ธรรมชาติ ได้อย่างลึกซึ้งอีกครั้ง
น่ายินดีที่ A Hidden Life ได้เข้าเข้าฉายในโรงเมืองไทย (ที่ House Samyan เท่านั้น) โดยเฉพาะนี่เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ สดๆ ร้อนๆ หลังโควิด-19 ช่วงที่คนดูอาจจะยังไม่กระตือรือล้นกลับเข้าโรงหนังอย่างหนาแน่นเหมือนแต่ก่อน แต่หนังอย่าง A Hidden Life เป็นหนังที่ต้องดูในโรงเท่านั้น
จึงจะสัมผัสได้ถึงสุนทรียศาสตร์เฉพาะตัวแบบ เทอร์เรนซ์ มาลิค คนทำหนังที่เพียรพยายามใช้กล้องและภาพเคลื่อนไหวเพื่อบรรลุความบริสุทธิ์ผุดผ่องของตัวตนและปรัชญาการมีชีวิต ภาพในหนังของมาลิค – โดยเฉพาะในเรื่องนี้ – ทำหน้าที่เป็นประตูที่ยกระดับการรับรู้ของคนดูให้ก้าวข้ามสิ่งที่มองเห็นไปสู่จิตวิญญาณที่เหนือกว่า ว่ากันตรงๆ ก็คือ หนังอย่างนี้ไม่ใช่ “หนังง่าย” เป็นหนังเรียกร้องความตั้งใจและสมาธิจากคนดู
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่คนอาจจะเสพติดการดูหนังแบบลุกนั่งได้ตามใจแบบการดูหนังออนไลน์ในช่วงที่ผ่านมา แต่ในขณะเดียวกัน นี่เป็นหนังที่เหมาะสมเหลือเกินในการเปิดโรงภาพยนตร์อีกครั้ง เพราะเป็นหนังที่ทำให้เสน่ห์ลึกลับและมนต์วิเศษของภาพยนตร์จอใหญ่ กลับมาอยู่ในใจคนรักหนังได้อย่างสมศักดิ์ศรี
เนื้อเรื่อง
หรือจะเป็นงานในยุคหนังสงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังเฟื่องฟูอย่าง The Thin Red Line (1998) หรือกระทั่งผลงานชิ้นโบว์แดงระดับปาล์มทองคำอย่าง The Tree of Life (2011) และตามมาด้วยขบวนหนังเพ้อ ๆ ที่จับต้องสาระไม่ได้อีกเป็นพะเรอเกวียน แต่นับว่าน่ายินดีที่ผลงานล่าสุดอย่าง A Hidden Life ได้กลับมาพูดเรื่อง ปัจเจก ธรรมชาติ ได้อย่างลึกซึ้งอีกครั้ง
หรือการที่คนในหมู่บ้านเริ่มแสดงท่าทีรังเกียจเขาและ ฟรานซิสกา เจเกอร์สแตตเทอร์ (วาเลอรี แพชเนอร์) หลังจากที่เขาแสดงท่าทีรังเกียจฮิตเลอร์ที่เสมือนพ่อของคนออสเตรียขณะนั้น จนกระทั่งเขาต้องกลับไปสู่กองทัพอีกครั้งแต่คราวนี้ด้วยความดื้อด้านหัวชนฝาก็ทำให้เขาต้องถูกจองจำเพราะไม่ยอมอ่อนข้อต่อนาซี ทิ้งไว้เพียง ฟรานซิสกา กับลูก ๆ ที่ยังคงต้องต่อสู้ในสงครามแห่งความเกลียดชังในหมู่บ้านและพยายามทำทุกทางเพื่อคืนอิสรภาพให้กับเขาต่อไป
เป็นธรรมดาเมื่อหนังพะยี่ห้อของ เทอเรนซ์ มาร์ลิก ก็ย่อมหมายความว่าสปีดของหนังจะช้ากว่าปกติแน่ ๆ แต่กับ A Hidden Life ความแช่มช้า และภาพที่ให้เราซึมซับบรรยากาศ ภาพ เสียงธรรมชาติในมุมกว้าง ๆ กลับสร้างความหมายในตัวมันเอง
ด้วยว่าธรรมชาตินั้นมีกฎเกณฑ์ตายตัวและมันก็ก่อให้เกิดกฎเกณฑ์หรือกรรมวิธีในการใช้ชีวิต ซึ่งในที่นี้หมายถึงงานกสิกรรมที่ดินฟ้าคือเจ้าชีวิตของพืชพันธุ์ทั้งหลาย และก็เป็นดินฟ้าที่กำหนดชะตาชีวิตของคนในแง่การทำกินเช่นกัน
ผิดกับมนุษย์ที่ความเชื่อ และ อุดมการณ์ เป็นตัวกำหนดกิเลส ตัณหา ความรัก หรือ เกลียดชัง ซึ่งมวลของความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจก็อบอวลอยู่เต็มหมู่บ้าน ผ่านเหตุการณ์ทั้งสายตาที่มองฆ้อนและคนถ่มน้ำลายใส่ฟรานซิสกา หรือกระทั่งการมีเรื่องชกต่อยกับคนในหมู่บ้านของฟรันซ์ โดยถ่ายทอดผ่านกล้องที่จงใจล่วงล้ำไปถ่ายภาพในขนาดใกล้และปราศจากความนิ่งงัน
ซึ่งเหตุมาจากเพียงแค่อุดมการณ์รักเสรีของทั้งคู่ ที่หวังเพียงความสงบและการใช้ชีวิตทำไร่ไถนาและเล่นกับลูก ๆ ไปวัน ๆ แต่กระนั้นเว็บหนัง HDมันก็กลับมีราคาที่ต้องจ่ายถึงชีวิตเพื่อแลกกับความสงบดังกล่าวซึ่งหนังก็ถ่ายทอดผ่านงานภาพที่ต่างกันโดยสิ้นเชิงและโดยปริยายมันกลับส่งผลต่ออารมณ์คนดูให้ประหวั่นครั่นคร้ามกับอคติของมนุษย์มากกว่าฟ้าคะนองที่ยังเหลือเผื่อเมตตาให้ชาวนาอย่างพวกเขา
และโดยที่แทบไม่เกี่ยวข้องกันแต่กลับส่งผลอย่างน่าประหลาด การที่เราต้องดูหนังทั้งเรื่องในโรงโดยไม่อาจถอดหน้ากากอนามัยออกได้ในนามของ ชีวิตวิถีใหม่ หรือ New Normal มันกลับเหมือนโยงชีวิตเราเข้ากับตัวละครทั้งฟรันซ์และฟรานเซสกาได้อย่างประหลาด
ยังไม่นับเหตุการณ์ที่คนเห็นต่างทางการเมืองต้องถูกคุกคามตามล่า และผู้คนทำได้เพียงแค่ติดแฮชแท็กแล้วเซฟคนนู้นคนนี้ื ไม่ต่างจากออสเตรียช่วงนาซีเรืองอำนาจที่เราต้องเกิดคำถามว่า บ้านเมืองแบบไหนกันที่ผลักให้เสรีชนต้องใช้ชีวิตแบบรักตัวกลัวตายถึงเพียงนี้
สรุป
A Hidden Life ถือว่าเป็นการคืนฟอร์มของ เทอร์เรนซ์ มาลิค ถึงแม้สไตล์การเคลื่อนกล้องอันลื่นไหล การใช้เสียง voice over เพื่อบรรยายความคิด ความรู้สึกของตัวละคร จะเหมือนกันหนังส่วนใหญ่ของเขา แต่คราวนี้ ประเด็นทางศีลธรรมอันเป็นแก่นของเรื่อง อันว่าด้วยหัวใจเสรีของปัจเจกและการไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจ
มีน้ำหนักมากพอที่จะฟาดเราให้อยู่กับเนื้อเรื่องไปตลอด ไม่ว่าความ “เลื่อนลอย” ราวกับสายลมของภาพจะชวนให้เราเคลิ้มแค่ไหน ที่สำคัญ ฟอร์มของหนัง (หรือสุนทรียศาสตร์ของภาพ) ส่งเสริมปรัชญาภาพยนตร์ของมาลิค อันว่าด้วยการแสวงหาการรับรู้เบื้องลึกและเพ่งพินิจการมีอยู่ของตัวตน
อีกทั้งการแสวงหาที่ทางของมนุษย์ในวงล้อมของธรรมชาติอันมหึมา ดินแดนชนบทอันสวยงามหมดจดของออสเตรีย จึงไม่ได้เป็นเพียง “ฉาก” ของท้องเรื่อง แต่เป็นองค์ประกอบหนึ่งของชีวิตและเสรีภาพที่ประกอบขึ้นเป็นตัวตนของ ฟรานซ์ ยาเกอร์สตาทเตอร์ และภรรยา ในบรรยากาศของการกดขี่และริดรอนเจตจำนงเสรีของมนุษย์
ซึ่งจะว่าไป ก็ไม่ได้เป็นเพียงบริบทของประวัติศาสตร์ยุคสงครามโลกเท่านั้น แต่ยังคงเป็นสิ่งที่ผู้คนจำนวนมากยังสัมผัสได้ในปัจจุบันในหลายๆ พื้นที่ทั่วโลก
ปล. สำหรับ A Hidden Life จะฉายที่โรงภาพยนตร์ House สามย่านที่เดียวเท่านั้น โปรดเช็กรอบ และเตรียมตัวให้พร้อม นั่นหมายถึงคุณต้อง กินไม่อิ่มเกิน พักผ่อนมาอย่างเพียงพอ และฝึกความอดทนมาอย่างดี
เพราะคราวนี้หนังเทอเรนซ์ มาลิก จะทำให้คุณอึดอัดและอาจน็อกคุณคาจอได้ แต่หากใครอยู่รอดปลอดภัยดูได้จนจบ ผลลัพธ์ไม่ต่างจากการพิชิตยอดดอยที่จะได้อาหารสมองติดออกจากโรงให้ได้ใคร่ครวญและพินิจพิเคราะห์อย่างดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น