วันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2562

โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง

รีวิว โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง

นี่คือ เรื่องราวทั้งหมด ของ “เม เอรียา จุฑานุกาล” และครอบครัวของเธอ ที่เริ่มต้นจากการทิ้งโลกวัยเด็กของเธอไว้เบื้องหลังและเริ่มเล่นกอล์ฟตั้งแต่ยังเด็ก ตลอดเวลา เม และครอบครัว ต้องผ่านการฝึกฝนอย่างหนักทั้งเรื่องกอล์ฟและบททดสอบความยากลำบากในการใช้ชีวิต ช่วงเวลาที่บาดเจ็บ การตกลงสู่จุดที่แทบจะเรียกได้ว่าต่ำที่สุดของชีวิตของเธอ และครอบครัว ดูหนังออนไลน์

“ต้องแลกอะไรบ้างเพื่อความฝัน” อาจเป็นคำถามที่หนักหนาเพียงพอแล้ว แต่หนังยังเพิ่มความหนักอึ้งลงไปอีกด้วยคำถามว่า ความฝันเป็นสิ่งที่เราต้องการเอง หรือเป็นเพียงความต้องการของใครที่ฝังหัวเรามา แล้วความฝันนี้ยังมีค่ากับเราแค่ไหน ซึ่งนี้น่าจะเป็นโจทย์ที่ทำให้หนังเรื่องนี้เกิดขึ้นมาจริง ๆ มากกว่าผลงานความสำเร็จของโปรเมในชีวิตจริงที่ก้าวขึ้นมาเป็นมือ 1 ของโลกในวัยเพียง 21 ปี ซึ่งเป็นผิวเคลือบอันหอมหวานเชิญชวนผู้ชมให้ใคร่รู้เท่านั้น และนั่นจึงทำให้หนังเรื่องนี้มีของ แตกต่าง และน่าสนใจกว่าหนังแนวชีวประวัติเรื่องอื่น ๆ เพราะมีภูมิหลังดรามาที่เฉพาะตัวในแบบครอบครัวเอเชียมาก ๆ รีวิว โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง

นี่คือผลงานล่าสุดจากค่าย Transformation Films ผู้สร้างหนังไทยคุณภาพอีกเจ้าหนึ่ง ล่าสุดก็หนังไทยในดวงใจของใครหลายคนอย่าง แสงกระสือ เป็นการันตี โดยครั้งนี้ได้ดึง คิม-ธนวัฒน์ เอี่ยมจินดา ผู้กำกับสายโฆษณาสุดเก๋ามาทำหนังยาวเรื่องแรก และได้ขออนุญาตนำชีวประวัติของโปรกอล์ฟหญิงชาวไทยที่ประสบความสำเร็จถึงระดับโลกอย่าง โปรเม เอรียา จุฑานุกาล มาเผยเบื้องลึกเบื้องหลังที่ไม่เคยมีใครเคยรู้มาก่อน ซึ่งปมดราม่าสุดเหลือเชื่อระหว่างลูกสาวและพ่อนั้นก็เป็นตัวชูโรงสำคัญ

ต้องบอกว่าน่าดูมากตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น ไม่รู้ว่าในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทย เคยทำหนังประวัตินักกีฬามาบ้างหรือเปล่า แต่เท่าที่พยายามนึกดูนี่ไม่มีเลยสักเรื่อง และโปรเม ก็มีวัตถุดิบเรื่องราวมากพอที่จะถ่ายทอดออกมาเป็นหนังสักเรื่อง

คุณว่าความสำเร็จ เกิดขึ้นเพราะพรสวรรค์หรือเพราะพรแสวง คำถามนี้เราอาจตอบไม่ได้ แต่ที่รู้ๆ ความสำเร็จของโปรเมมีจุดเริ่มต้นมาจากความ “บ้า” ของพ่อ ที่ได้สร้าง “เม” จนกลายมาเป็นโปรและคว้าอันดับ 1 นักกอล์ฟหญิงของโลกได้

หนังโดดเด่นมาก ๆ ๆๆๆ ๆๆๆ แบบอยาก “ๆ” ใส่ไปอีกหลาย ๆ ตัว คือเรื่องการแสดงของ พี่เอก ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ ที่กล้าฟันธงเลยว่าเรื่องนี้แกขโมยหนังทั้งเรื่องไปเป็นของแกเรียบร้อย มองดี ๆ นี่ไม่ใช่หนังโปรเมหรอกมันคือหนัง พ่อเม เสียมากกว่า ยิ่งได้การเขียนบทที่ใส่สีตีฉากมาขยี้ให้พี่เอกได้โชว์สกิลแบบพลังทำลายล้างสูงด้วยแล้ว

คือแกเล่นเอานักแสดงคนอื่นตายจริง ๆ แต่ก็ต้องชื่นชมในส่วนของตัวละครอื่น ๆ เช่นกันที่เพิ่มดีกรีการปะทะในฉากให้ระอุสุด ร้าวรานสุด อย่างบทแม่ที่ต้องมาขับพลังดราม่าครอบครัวให้เข้มขึ้น ที่ได้ เปิ้ล หัทยา วงศ์กระจ่าง มารับทถือว่าสมน้ำสมเนื้อกับพี่เอกมาก พี่เปิ้ลเล่นแบบนิ่งแต่พร้อมระเบิดได้สุดยอดมาก พวกฉากที่เห็นในตัวอย่างน่ะ บอกเลยแค่น้ำจิ้มครับ ของจริงนี่ซี้ดปากยาว

หนังเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องกอล์ฟก็สามารถเข้าใจได้ไม่ยาก มีความเป็นมิตรกับคนดู ด้วยการอธิบายเกี่ยวกับกีฬากอล์ฟเล็กน้อยผ่านฉากๆ นึง แถมที่สำคัญคนที่ไม่ได้รู้จักหรือติดตามวงการนี้กับตัวของ เม อารียา ก็สามารถมาดูเรื่องนี้แล้วอินได้ไม่ยากเลย เพราะหนังเรื่องนี้จะพาคุณไปรู้เรื่องราวเหล่านั้นเอง

หนังมีการดำเนินเรื่องที่สนุก ไม่น่าเบื่อ ตั้งแต่จุดเริ่มต้นในวัยเด็ก ผ่านการฝึกซ้อมสุดโหดของผู้เป็นพ่อ (และโค้ช) จนมาถึงแมชที่ส่งผลให้เธอประสบความสำเร็จคว้าอันดับ 1 ของโลกในวงการกอล์ฟ เราจะได้เห็นพัฒนาการ ปัญหา จุดหักและเรื่องราวที่ “สร้าง” ให้ “เม” กลายมาเป็นโปรจนถึงทุกวันนี้ได้อย่างดีเลย

สิ่งที่น่าชื่นชมที่สุดของเรื่องต้องยกให้บทพ่อ ที่แสดงโดย ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ ที่หาที่ติไม่ได้เลยจริงๆ เรียกได้ว่าทุกฉากที่เขาปรากฏตัว แสดงออกมาได้ยอดเยี่ยมสุดๆ เล่นอารมณ์ในทุกซีน และทำได้อย่างดีมากๆ คาแร็คเตอร์เหมือนพ่อตัวจริงด้วย อีกทั้งตัวละครนี้ยังกลมมากๆ เป็นคาแร็คเตอร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในเรื่องเลย เพราะมันทำให้เรารู้สึกโกรธและเกลียดมาตลอดทั้งเรื่อง แต่สุดท้ายปลายทางกลับทำให้เรารัก นับถือ และเคารพ การกระทำของตัวละครนี้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ประมาณว่า “เออจริงของเขาว่ะ”
และก็ต้องพูดถึง คริสซี่ นักแสดงผู้รับบท เม-เอรียา ที่บอกตรงๆ ว่าหน้าตาและรูปร่างไม่เหมือนหรือใกล้เคียงกับโปรเมเลยสักนิด แต่ต้องยอมรับว่าการแสดงของเธอนับว่าแสดงได้ในระดับที่เอาอยู่เลยแหละ

แต่แน่นอนว่ามันก็มีข้อเสียเหมือนกัน อย่างแรกเลยเรารู้สึกว่าหนังมันขัดกับชื่อเรื่องอยู่พอสมควรนะ เพราะหนังชื่อ “โปรเม” แต่ตัวละครที่เด่นจริงๆ คือ “พ่อ” ไม่ใช่มันไม่ดีนะ เราชอบมันด้วยซ้ำ เพียงแต่เหมือนกับชื่อหนังโฟกัสผิดจุดไปหน่อย แถมเรายังไม่ได้เห็นการแข่งขัน ความพยายาม แรงฮึดสู้ ความตั้งใจของตัว เม อารียา เท่าที่ควร เช่นเดียวกัน เรายังไม่รู้เหตุผลเบื้องหลังที่พ่อต้องเคี่ยวเข็ญเมหนักขนาดนั้นด้วย

ก็อย่างที่บอก หนังไม่ได้เน้นถึงการแข่งขันกอล์ฟ มันเลยกลายเป็นว่าฉากการแข่งขันมันไม่สมจริง ดูไม่อิมแพ็ค ไม่ตื่นเต้น และไม่ส่งผลให้เรารู้สึกลุ้นมากเท่าไหร่

และในฟากดารานำที่ต้องแบกบทเด่นของเรื่อง แม้จะเลือกใช้นักแสดงหน้าใหม่อย่าง คริสซี่ กฤษณ์สิรี สุขสวัสดิ์ จากละคร The Sixth Sense สื่อรักสัมผัสหัวใจ มารับบทโปรเมตอนโต และได้ ปริม อัจฉรียา โพธิพิพิธธนากร จากละครลูกกรุง มารับบทโปรโม พี่สาวของโปรเม ซึ่งทั้งคู่ก็ผันตัวมาสู่จอเงินและเล่นดราม่าได้แบบผิดหูผิดตาจากงานเก่า ๆ ไปเลย และเอาตัวรอดจากพลังของพี่เอกได้แบบไม่อายใคร อย่างปริมก็มีฉากใหญ่ในบ้านที่เธอถ่ายทอดได้สุดยอดมาก และในส่วนของคริสซี่เองก็มีฉากร้านอาหารที่คิดว่าเล่นยากและเธอก็ทำได้ดีน่าจดจำ


อีกส่วนที่หนังโดดเด่นมากไม่แพ้กันคงเป็นการเล่าเรื่องแบบตั้งคำถาม ที่ชวนให้คิดให้ย้อนมองดูตัวเราเองตลอดเวลา ตั้งแต่ฉากเปิดเรื่องที่ท้าทายความรู้สึกมาก ๆ แม้ไม่ได้เรื่องใหญ่ในชีวิตจริง แต่พอปรากฏในหนังไทยแล้วกลายเป็นฉากเล่นใหญ่ที่ทำเอาประหลาดใจเหมือนกันที่ผู้สร้างไม่กลัวกองเซนเซอร์เลยหรือ
และภายใน 10 นาทีหนังอัดประเด็นใส่หน้าคนดูไม่ยั้ง ทั้งคำพูดของพ่อที่ขอครูให้ลูกไปซ้อมมากกว่าไปโรงเรียน เพราะเขาจะปั้นให้ลูกเป็นแชมป์โลกไม่ได้มาเป็นพนักงานเงินเดือนของานเขาทำด้วยใบปริญญาแบบเด็กทั่วไป แม้คำแรงแต่ก็น่าคิดใช่มั้ยล่ะ?

มันยังสะท้อนเรื่องทัศนคติและการเสียสละในมุมมองของพ่อ ว่าถ้าจะสร้างแชมป์โลกคุณพร้อมเสี่ยงทุกอย่าง ทั้งทรัพย์สินทั้งหมด ทั้งบรรยากาศแบบพ่อแม่ลูกในครอบครัวที่จะหายไปเหลือเพียง โค้ชกับนักกีฬา เท่านั้น แล้วก็กลายเป็นคำถามน่าสนใจว่า แต่กับเด็ก ๆ ที่ยังไม่มีวุฒิภาวะเลือกทางเดินชีวิต เลือกความฝัน เลือกความชอบของตนเอง

เขากำลังถูกละเมิดการใช้ชีวิตหรือไม่ ซึ่งหนังก็มีคำถามยิงต่อเนื่องกันไปเรื่อย ๆ อย่างสนุกสนานและให้สาระสุด ๆ จนกระทั่งฉากสุดท้ายที่ว่าเด็กทุกคนมีพรสวรรค์แค่รอการสนับสนุน ผมเชื่อว่าทุกคนจะมีคำถามในใจที่ต่างกัน และได้คำตอบที่ต่างกันจากหนังเรื่องนี้ทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย แต่หนังก็ทำหน้าที่ประเทืองปัญญาได้สมบูรณ์แบบมากแล้ว ต้องคารวะในจุดนี้จริง ๆ

จุดเสียในหนัง

คือความคลุมเครือหลายอย่างที่ลืมเล่าให้เคลียร์แล้วทิ้งความสงสัยในใจคนดูแบบไม่จำเป็น อย่างตัวตนของพี่ยุ้ยที่อยู่ดี ๆ ก็โผล่เข้ามา นิสัยการเก็บฝาขวดของโปรเมที่ไม่ได้ขยายความ และที่หนักหนาสุดคือแรงจูงใจที่มาที่ไปในการมีเป้าหมายแรงกล้าของตัวละครพ่อว่าทำไมต้องยึดติดแชมป์โลกกีฬากอล์ฟขนาดนั้น ซึ่งกลายเป็นทำให้ตัวละครลึกไม่สุดมีมิติไม่สุดไปอย่างน่าเสียดาย

และสำหรับใครที่กลัวว่าจะดูกติกากอล์ฟไม่รู้เรื่อง ก็ไม่ต้องห่วงเลย เพราะหนังแทบไม่ได้ให้ความสำคัญกับการแข่งขันอะไรเลย ใครหวังไปดูหนังกอล์ฟจริงจัง ก็เสียใจด้วยนะครับ แต่เชื่อว่าการตัดสินใจให้เป็นดราม่าบทเรียนชีวิตนั้นจะสื่อสารไปยังผู้ชมได้ลึกกว่า และได้ประโยชน์กว่าด้วยนั่นเอง

สรุป

โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง เป็นหนังที่จริงๆ แล้ว เราไม่รู้ว่าหนังเปลี่ยนแปลงเรื่องราวความจริงไปมากมายแค่ไหน แต่ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ นับว่าหนังกล้าที่จะนำเสนอแง่มุมออกมาได้อย่างไม่อายเลย ตัวหนังสะท้อนให้เห็นเลยว่าความสำเร็จมันไม่ได้เกิดเพียงชั่วข้ามคืน คำว่า อัจฉริยะ มันไม่ได้เกิดกับทุกคน มันต้อง “สร้าง” ขึ้นมา และที่สำคัญหนังไม่ได้พาเรามาดูความสำเร็จของเธอ แต่หนังพาเรามาให้รู้ว่า กว่าที่จะประสบความสำเร็จ มันต้องแลกมาด้วยอะไรบ้าง โปรแกรมหนัง
ปล. ตอน End-Credit มีเพลงของ Jelly Rocket ขึ้นนี่กรี๊ดเลย ฟังเพลิน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น