รีวิว JADE DYNASTY กระบี่เทพสังหาร
JADE DYNASTY กระบี่เทพสังหาร เป็นหนังจีนกำลังภายใน ที่หน้าหนังโปรโมท เซียวจ้าน หนักมาก ส่วนตัวก็พอรู้ว่าเป็นนักแสดงที่เล่นซีรีส์เรื่องดัง แต่ยังไม่มีโอกาสได้ดูผลงานของพระเอกคนนี้นะ วันนี้มีโอกาสได้ดูหนังเรื่องนี้ก็รู้สึกจะมีแฟนคลับกรี้ดหนักมาก แต่หนังเรื่องนี้ไม่ได้น่าสนใจแค่พระเอกอย่างเดียว รีวิว JADE DYNASTY กระบี่เทพสังหาร ดูหนังออนไลน์เรื่องย่อหนัง
หนัง Jade Dynasty หรือชื่อไทยว่า กระบี่เทพสังหาร JADE DYNASTY ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ดัดแปลงจากนิยายขายดีจากจีน“จูเซียน กระบี่เทพสังหาร” หรือ “Jade Dynasty” หรืออีกชื่อ “The Attack of Heaven” นวนิยายชื่อดัง ที่เขียนโดย “เสี่ยวติง” (Xiao Ding) มียอดขายบนอินเตอร์เน็ตอันดับหนึ่ง ในปี 2005 และมียอดขายติด TOP5 ในปี2006 ก่อนจะถูกนำมาสร้างเป็นซีรีส์ และเกมส์ออนไลน์ จนล่าสุดกับฉบับภาพยนตร์ที่ Golden A Entertainmnet ได้นำเข้ามาฉายในประเทศไทย
เรื่องราวของ เสี่ยวฝาน และ จิงอวี่ เด็กชายกำพร้าที่รอดตายจากโศกนาฏกรรมจากหมู่บ้านของเขา แม้พ่อแม่จะถูกฆ่าตายหมด แต่เขาได้รับความช่วยเหลือและได้พบกับอาจารย์สอนและฝึกฝนวิชาจากสำนักชิงหยุน เมื่อความลับของการตายของพ่อแม่เขาปรากฏ เขาจึงออกตามล่าศัตรูเพื่อแก้แค้นให้กับพ่อแม่ของเขาที่จากไป โดยภาพยนตร์ Jade Dynasty กระบี่เทพสังหาร เปิดตัวด้วยรายได้ถล่มบ็อกออฟฟิตในประเทศจีนไปกว่า 300 ล้านหยวนภายในสัปดาห์แรก นำแสดงโดยพระเอกสุดฮอตติดชาร์ตยอดนิยมอันดับหนึ่งทุกโพล 'เซียวจ้าน' ที่มีแฟนคลับมากมาย เจ้าของสถิติบัตรแฟนมีทขายหมดในหนึ่งนาที และสาวๆอย่าง หลี่ซิ่น, เมิ่งเหม่ยฉี และ ถังยี่ซิน รวมทั้งดารามากมายอีกคับคั่ง
นี่ถือเป็นหนังฟอร์มยักษ์ของจีนที่รวมดาราหน้าใหม่ยอดนิยมและดาราเก่าที่ชวนคิดถึงมากมายมารวมตัวกันคับคั่ง โดยเรื่องนี้ดัดแปลงจากนิยายขายดีของจีนชื่อ จูเซียน กระบี่เทพสังหาร (青云志; Qīng Yún Zhì) หรือ Jade Dynasty
เขียนโดย เสี่ยวติง (Xiao Ding) มียอดขายบนอินเทอร์เน็ตอันดับหนึ่งในปี 2005 และมียอดขายติด 5 อันดับสูงสุดในปี 2006 ก่อนจะถูกนำมาสร้างเป็นซีรีส์ถึง 2 ภาคติดในช่วงปี 2016-2017 ซึ่งต่างก็ก็ทำยอดผู้ชมถล่มทลายเป็นประวัติการณ์และคว้ารางวัลไปมากมาย ความโด่งดังก็ยังทำให้มีการทำเป็นเกมออนไลน์ออกมาอีก
เรียกว่าเป็นตัวท็อปในแนวกำลังภายในของจีนช่วงสิบปีนี้เรื่องหนึ่งทีเดียว
และครั้งนี้คือการกลับมาอีกครั้ง โดยได้ เซียวจ้าน (肖戰 Xiao Zhan) นักแสดงหนุ่มที่กำลังขึ้นหม้อสุด ๆ จากซีรีส์ ปรมาจารย์ลัทธิมาร (陈情令 The Untamed) มารับบทนำในฉบับหนังโรง ซึ่งชื่อนี้บอกเลยว่ารับประกันความสำเร็จในเรื่องยอดผู้ชมได้เลย เพราะแฟนคลับเหนียวแน่นและโตไวมากในกลุ่มแฟนซีรีส์ชาวจีนและชาวต่างชาติ
โดยเฉพาะในประเทศไทย (ทั้งยังผู้เขียนเองก็สารภาพว่าแม้ไม่ได้รู้จักดาราคนนี้มาก่อน แต่ดูในหนังก็พอเข้าใจถึงเสน่ห์ความน่ารักน่าเอาใจช่วยที่แฟนคลับน่าจะโดนใจได้เลยทีเดียว) และก็เป็นไปตามคาดหนังฉบับเซียวจ้านสามารถเปิดตัวด้วยรายได้ถล่มทลายในประเทศจีนไปกว่า 300 ล้านหยวนภายในสัปดาห์แรกเท่านั้นเอง
ความโดดเด่น ของหนังนอกจากดารานำที่กระแสเปรี้ยงแล้ว ต้องยอมรับว่าเนื้อหาจากนิยายนั้นผูกมาจากการผสมผสานวิธีคิดป๊อปคัลเจอร์ในแต่ละวงการได้อย่างมันมือ ทั้งมรดกนิยายกำลังภายในจากกิมย้งที่พระเอกไม่ค่อยเก่งแต่ก็มีดวงกำหนดให้ได้ฝึกวิชาหรือถ่ายทอดพลังจนเก่งกล้าในภายหลัง
หนังมุ่งเน้นความบันเทิงในด้านซีจีและมุกตลกมากมายจนหาพื้นที่สำหรับความจริงจังของตัวละครและเรื่องราวแทบไม่เจอ
เหมือนเราจะไม่ได้เห็นความคั่งแค้นในใจของเสี่ยวฝานอีกเลยหลังจากเข้าสำนักเมฆาเขียวมาแล้ว ชีวิตที่เหลือของมันดูจะมีสุขดีกับการเป็นแค่ลูกไล่ของศิษย์พี่ เป็นแค่คนครัว และเป็นแค่ศิษย์ที่ไร้ผลงาน มันกลายเป็นคนมองโลกในแง่ดีจนหลงลืมการแก้แค้นไปแล้วหรือไงนะ
พอมาถึงวันหนึ่งที่ชีวิตเดินมาถึงจุดเปลี่ยน ก็เปลี่ยนไปอย่างปุบปับ ไม่มีอะไรให้รู้สึกมาก่อนเลยสักนิดว่า ชีวิตของจอมยุทธพ่อครัวอย่างมันจะต้องกลายมาเป็นเช่นนี้
ซึ่งก็ชวนให้นึกถึงตัวเอกอย่าง เอี้ยก้วย ในวัยหนุ่มจาก มังกรหยกจอมยุทธเจ้าอินทรี เรื่องราวความรักหลากหลายจาก ต้วนอี้ จาก 8 เทพอสูรมังกรฟ้า หรือเรื่องราวฝั่งธรรม-อธรรมของ เล่งฮู้ชง จาก กระบี่เย้ยยุทธจักร
ในขณะเดียวกันก็ยังใช้แนวหนัง เทพเซียน ปล่อยพลังอิทธิปาฏิหาริย์เทพปะทะอสูรที่เป็นกำลังภายในสายหลักในยุคปัจจุบันของจีนไปแล้วซึ่งจะได้โชว์ฉากหลังภูมิทัศน์ยิ่งใหญ่ งานซีจีสวย ๆ และงานภาพอลังมาก ๆ สมโพรดักชันจีนที่ดีวันดีคืน หลายฉากยอมรับว่าสวยและเนียนตามาก พวกความพลิ้วของผ้าต่าง ๆ สุดยอด
แต่หลายฉากก็ยอมรับว่ายังไม่ประณีตสม่ำเสมอได้เท่างานฮอลลีวูดที่เป็นมาตรฐานงานซีจีโลกไปแล้ว แต่อย่างไรก็ต้องบอกล่ะว่าหนังเรื่องนี้ดีไซน์งานต่าง ๆ ได้โดดเด่นน่าจดจำทั้งฉากเขาสำนักชิงหยู ฉากเหนือเมฆา ฉากที่เจ้าสำนักทั้ง 7 ประชุมกัน หรือฉากสัตว์เทพอย่างกิเลนยักษ์ก็ตาม
ด้านรายละเอียด เองก็มีส่วนประสมทั้ง แฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี ที่ศิษย์แต่ละสำนักมีงานประลองกันทั้งขี่กระบี่บินราวแข่งควิดดิช ทั้งการประลองดวลตัวต่อตัวที่เป็นไฮไลต์ราวกับเสกควบคุมไม้เท้าเข้าฟาดฟันกัน นอกจากนี้ยังเพิ่มความสนุกด้วยมุกจากตัวละครที่คาแรกเตอร์น่ารักน่าชัง มีความเขินฟินได้ง่าย ประกอบมุกสถานการณ์ มุกท่าทางสีหน้า และดาวเด่นอย่าง หนึ่งลิงหนึ่งหมา หกศิษย์พี่ และอีกหนึ่งแฟนคลับของพระเอก ที่ปรุงความฮาได้หลากหลายมากตลอดเรื่อง ยิ่งผนวกพลังงานพากย์ของทีมพันธมิตรด้วยแล้วบอกเลยเถิดเทิงสุด ๆ จากหนังสนุกปกติกลายเป็นหนังตลกมุกกระจายเลยทีเดียว
จุดด้อย ที่เห็นของหนังมีพอสมควรเลยจะมองเป็นแผลใหญ่ก็คือใหญ่ระดับแก่นกลางเลย เพราะหนังเล่าเรื่องช่วงหลังจากงานประลองระดับโรงเรียน ซึงจะเปิดตัวเหล่าจอมมารและการปะทะกับเหล่าธรรมะไปอย่างรวบรัดตัดตอนมาก ๆ ทั้งที่ควรมีเวลาสำหรับการสร้างความขลังความน่ากลัวของเหล่ามารมากกว่านี้อีก
นั่นกระทบไปถึงเรื่องราวดราม่าความสัมพันธ์ของพระเอกที่ไปปักธงสาว ๆ หลายต่อหลายคนในเรื่องที่ว่องไวฉาบฉวย ไม่ทันให้รู้สึกอินเท่าไร ฉากดราม่าหลังจากนั้นจึงกลายเป็นคนดูไม่ทันรู้สึกใด ๆ หรือรู้สึกได้น้อยกว่าที่ควรเป็นเท่าใดนัก นั่นนำมาซึ่งฉากจบของหนังที่คนดูคงรู้สึกลองเคว้งโดนเทไว้อย่างงง ๆ จะว่ามีภาคต่อตามซีรีส์หรือจะจบแค่นี้ก็ไม่อาจเข้าใจได้ เพราะไม่มีคำใบ้ว่าจะมีการสร้างภาคต่อหรือไม่แต่อย่างใด
ส่วนที่ควรติงเล็ก ๆ น้อยลงมาก็คงเป็นซีจีที่บางฉากสวยมากบางฉากก็ไม่เนียนเอาเลย และการตัดทอนจากนิยายลงบ้างเช่นฝูงลิงแห่งเขาชิงหยุนที่กลายเป็นลิงตัวเดียวตัวแสบที่โผล่มางง ๆ ในตอนแรก ตลอดจนถึงงานพากย์ของพันธมิตรที่ช่วงแรกเหมือนไม่ลงตัว หลายตัวละครเสียงใกล้กันจนสับสนมาก
อย่างไรก็ตาม
ในความไม่ชอบใจก็ยังมีสิ่งดีๆ ปะปนอยู่ สามนางเอกทั้งลู่เสวียฉี (หลี่ซิ่น) , ปี้เหยา (เมิ่งเหม่ยฉี) และ เถียนหลิงเอ๋อร์ (ถังอี้ซิน) คือสามสาวหมวยที่สวยแจ่มชวนมอง ลีลาการแสดงที่ได้ตามคาแรกเตอร์ของตน ทั้งน่ารักน่าหยิก ทั้งเคร่งขรึมชวนหลงใหล หรือลึกลับชวนค้นหา เรื่องราวที่ชักชวนให้คาดเดากันไปต่างๆ นานาว่าพระเอกจะได้กับคนไหน ก็พาให้คนดูสนุกไปกับเรื่องราวได้ไม่น้อย
สรุป
เป็นหนังจีนกำลังภายในแบบเทพเซียนปล่อยพลังตูมตาม ที่มีองค์ประกอบของหนังพอปหลากหลายแนว ที่สำคัญพากย์ฮามากคลายเครียดสุด ๆ ส่วนเนื้อเรื่องก็ผ่าน ๆ ไม่ต้องสนใจมาก หนังถ่ายทอดสด
ปล.หนังมีฉากระหว่างเครดิตนิดหน่อย ช่วง Credit ขึ้นรอบแรกจะมีภาพจากหนังขึ้นมาด้วย พอจบ Credit นั้นจะมีฉากแถม 1 ฉาก หลังจากนั้นจะเป็น Credit แบบตัวหนังสือล้วน ซึ่งหลังจากนั้นไม่มีฉากแถมแล้วครับ
เรื่องราวของ เสี่ยวฝาน และ จิงอวี่ เด็กชายกำพร้าที่รอดตายจากโศกนาฏกรรมจากหมู่บ้านของเขา แม้พ่อแม่จะถูกฆ่าตายหมด แต่เขาได้รับความช่วยเหลือและได้พบกับอาจารย์สอนและฝึกฝนวิชาจากสำนักชิงหยุน เมื่อความลับของการตายของพ่อแม่เขาปรากฏ เขาจึงออกตามล่าศัตรูเพื่อแก้แค้นให้กับพ่อแม่ของเขาที่จากไป โดยภาพยนตร์ Jade Dynasty กระบี่เทพสังหาร เปิดตัวด้วยรายได้ถล่มบ็อกออฟฟิตในประเทศจีนไปกว่า 300 ล้านหยวนภายในสัปดาห์แรก นำแสดงโดยพระเอกสุดฮอตติดชาร์ตยอดนิยมอันดับหนึ่งทุกโพล 'เซียวจ้าน' ที่มีแฟนคลับมากมาย เจ้าของสถิติบัตรแฟนมีทขายหมดในหนึ่งนาที และสาวๆอย่าง หลี่ซิ่น, เมิ่งเหม่ยฉี และ ถังยี่ซิน รวมทั้งดารามากมายอีกคับคั่ง
นี่ถือเป็นหนังฟอร์มยักษ์ของจีนที่รวมดาราหน้าใหม่ยอดนิยมและดาราเก่าที่ชวนคิดถึงมากมายมารวมตัวกันคับคั่ง โดยเรื่องนี้ดัดแปลงจากนิยายขายดีของจีนชื่อ จูเซียน กระบี่เทพสังหาร (青云志; Qīng Yún Zhì) หรือ Jade Dynasty
เขียนโดย เสี่ยวติง (Xiao Ding) มียอดขายบนอินเทอร์เน็ตอันดับหนึ่งในปี 2005 และมียอดขายติด 5 อันดับสูงสุดในปี 2006 ก่อนจะถูกนำมาสร้างเป็นซีรีส์ถึง 2 ภาคติดในช่วงปี 2016-2017 ซึ่งต่างก็ก็ทำยอดผู้ชมถล่มทลายเป็นประวัติการณ์และคว้ารางวัลไปมากมาย ความโด่งดังก็ยังทำให้มีการทำเป็นเกมออนไลน์ออกมาอีก
เรียกว่าเป็นตัวท็อปในแนวกำลังภายในของจีนช่วงสิบปีนี้เรื่องหนึ่งทีเดียว
และครั้งนี้คือการกลับมาอีกครั้ง โดยได้ เซียวจ้าน (肖戰 Xiao Zhan) นักแสดงหนุ่มที่กำลังขึ้นหม้อสุด ๆ จากซีรีส์ ปรมาจารย์ลัทธิมาร (陈情令 The Untamed) มารับบทนำในฉบับหนังโรง ซึ่งชื่อนี้บอกเลยว่ารับประกันความสำเร็จในเรื่องยอดผู้ชมได้เลย เพราะแฟนคลับเหนียวแน่นและโตไวมากในกลุ่มแฟนซีรีส์ชาวจีนและชาวต่างชาติ
โดยเฉพาะในประเทศไทย (ทั้งยังผู้เขียนเองก็สารภาพว่าแม้ไม่ได้รู้จักดาราคนนี้มาก่อน แต่ดูในหนังก็พอเข้าใจถึงเสน่ห์ความน่ารักน่าเอาใจช่วยที่แฟนคลับน่าจะโดนใจได้เลยทีเดียว) และก็เป็นไปตามคาดหนังฉบับเซียวจ้านสามารถเปิดตัวด้วยรายได้ถล่มทลายในประเทศจีนไปกว่า 300 ล้านหยวนภายในสัปดาห์แรกเท่านั้นเอง
ความโดดเด่น ของหนังนอกจากดารานำที่กระแสเปรี้ยงแล้ว ต้องยอมรับว่าเนื้อหาจากนิยายนั้นผูกมาจากการผสมผสานวิธีคิดป๊อปคัลเจอร์ในแต่ละวงการได้อย่างมันมือ ทั้งมรดกนิยายกำลังภายในจากกิมย้งที่พระเอกไม่ค่อยเก่งแต่ก็มีดวงกำหนดให้ได้ฝึกวิชาหรือถ่ายทอดพลังจนเก่งกล้าในภายหลัง
หนังมุ่งเน้นความบันเทิงในด้านซีจีและมุกตลกมากมายจนหาพื้นที่สำหรับความจริงจังของตัวละครและเรื่องราวแทบไม่เจอ
เหมือนเราจะไม่ได้เห็นความคั่งแค้นในใจของเสี่ยวฝานอีกเลยหลังจากเข้าสำนักเมฆาเขียวมาแล้ว ชีวิตที่เหลือของมันดูจะมีสุขดีกับการเป็นแค่ลูกไล่ของศิษย์พี่ เป็นแค่คนครัว และเป็นแค่ศิษย์ที่ไร้ผลงาน มันกลายเป็นคนมองโลกในแง่ดีจนหลงลืมการแก้แค้นไปแล้วหรือไงนะ
พอมาถึงวันหนึ่งที่ชีวิตเดินมาถึงจุดเปลี่ยน ก็เปลี่ยนไปอย่างปุบปับ ไม่มีอะไรให้รู้สึกมาก่อนเลยสักนิดว่า ชีวิตของจอมยุทธพ่อครัวอย่างมันจะต้องกลายมาเป็นเช่นนี้
ซึ่งก็ชวนให้นึกถึงตัวเอกอย่าง เอี้ยก้วย ในวัยหนุ่มจาก มังกรหยกจอมยุทธเจ้าอินทรี เรื่องราวความรักหลากหลายจาก ต้วนอี้ จาก 8 เทพอสูรมังกรฟ้า หรือเรื่องราวฝั่งธรรม-อธรรมของ เล่งฮู้ชง จาก กระบี่เย้ยยุทธจักร
ในขณะเดียวกันก็ยังใช้แนวหนัง เทพเซียน ปล่อยพลังอิทธิปาฏิหาริย์เทพปะทะอสูรที่เป็นกำลังภายในสายหลักในยุคปัจจุบันของจีนไปแล้วซึ่งจะได้โชว์ฉากหลังภูมิทัศน์ยิ่งใหญ่ งานซีจีสวย ๆ และงานภาพอลังมาก ๆ สมโพรดักชันจีนที่ดีวันดีคืน หลายฉากยอมรับว่าสวยและเนียนตามาก พวกความพลิ้วของผ้าต่าง ๆ สุดยอด
แต่หลายฉากก็ยอมรับว่ายังไม่ประณีตสม่ำเสมอได้เท่างานฮอลลีวูดที่เป็นมาตรฐานงานซีจีโลกไปแล้ว แต่อย่างไรก็ต้องบอกล่ะว่าหนังเรื่องนี้ดีไซน์งานต่าง ๆ ได้โดดเด่นน่าจดจำทั้งฉากเขาสำนักชิงหยู ฉากเหนือเมฆา ฉากที่เจ้าสำนักทั้ง 7 ประชุมกัน หรือฉากสัตว์เทพอย่างกิเลนยักษ์ก็ตาม
ด้านรายละเอียด เองก็มีส่วนประสมทั้ง แฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี ที่ศิษย์แต่ละสำนักมีงานประลองกันทั้งขี่กระบี่บินราวแข่งควิดดิช ทั้งการประลองดวลตัวต่อตัวที่เป็นไฮไลต์ราวกับเสกควบคุมไม้เท้าเข้าฟาดฟันกัน นอกจากนี้ยังเพิ่มความสนุกด้วยมุกจากตัวละครที่คาแรกเตอร์น่ารักน่าชัง มีความเขินฟินได้ง่าย ประกอบมุกสถานการณ์ มุกท่าทางสีหน้า และดาวเด่นอย่าง หนึ่งลิงหนึ่งหมา หกศิษย์พี่ และอีกหนึ่งแฟนคลับของพระเอก ที่ปรุงความฮาได้หลากหลายมากตลอดเรื่อง ยิ่งผนวกพลังงานพากย์ของทีมพันธมิตรด้วยแล้วบอกเลยเถิดเทิงสุด ๆ จากหนังสนุกปกติกลายเป็นหนังตลกมุกกระจายเลยทีเดียว
จุดด้อย ที่เห็นของหนังมีพอสมควรเลยจะมองเป็นแผลใหญ่ก็คือใหญ่ระดับแก่นกลางเลย เพราะหนังเล่าเรื่องช่วงหลังจากงานประลองระดับโรงเรียน ซึงจะเปิดตัวเหล่าจอมมารและการปะทะกับเหล่าธรรมะไปอย่างรวบรัดตัดตอนมาก ๆ ทั้งที่ควรมีเวลาสำหรับการสร้างความขลังความน่ากลัวของเหล่ามารมากกว่านี้อีก
นั่นกระทบไปถึงเรื่องราวดราม่าความสัมพันธ์ของพระเอกที่ไปปักธงสาว ๆ หลายต่อหลายคนในเรื่องที่ว่องไวฉาบฉวย ไม่ทันให้รู้สึกอินเท่าไร ฉากดราม่าหลังจากนั้นจึงกลายเป็นคนดูไม่ทันรู้สึกใด ๆ หรือรู้สึกได้น้อยกว่าที่ควรเป็นเท่าใดนัก นั่นนำมาซึ่งฉากจบของหนังที่คนดูคงรู้สึกลองเคว้งโดนเทไว้อย่างงง ๆ จะว่ามีภาคต่อตามซีรีส์หรือจะจบแค่นี้ก็ไม่อาจเข้าใจได้ เพราะไม่มีคำใบ้ว่าจะมีการสร้างภาคต่อหรือไม่แต่อย่างใด
ส่วนที่ควรติงเล็ก ๆ น้อยลงมาก็คงเป็นซีจีที่บางฉากสวยมากบางฉากก็ไม่เนียนเอาเลย และการตัดทอนจากนิยายลงบ้างเช่นฝูงลิงแห่งเขาชิงหยุนที่กลายเป็นลิงตัวเดียวตัวแสบที่โผล่มางง ๆ ในตอนแรก ตลอดจนถึงงานพากย์ของพันธมิตรที่ช่วงแรกเหมือนไม่ลงตัว หลายตัวละครเสียงใกล้กันจนสับสนมาก
อย่างไรก็ตาม
ในความไม่ชอบใจก็ยังมีสิ่งดีๆ ปะปนอยู่ สามนางเอกทั้งลู่เสวียฉี (หลี่ซิ่น) , ปี้เหยา (เมิ่งเหม่ยฉี) และ เถียนหลิงเอ๋อร์ (ถังอี้ซิน) คือสามสาวหมวยที่สวยแจ่มชวนมอง ลีลาการแสดงที่ได้ตามคาแรกเตอร์ของตน ทั้งน่ารักน่าหยิก ทั้งเคร่งขรึมชวนหลงใหล หรือลึกลับชวนค้นหา เรื่องราวที่ชักชวนให้คาดเดากันไปต่างๆ นานาว่าพระเอกจะได้กับคนไหน ก็พาให้คนดูสนุกไปกับเรื่องราวได้ไม่น้อย
สรุป
เป็นหนังจีนกำลังภายในแบบเทพเซียนปล่อยพลังตูมตาม ที่มีองค์ประกอบของหนังพอปหลากหลายแนว ที่สำคัญพากย์ฮามากคลายเครียดสุด ๆ ส่วนเนื้อเรื่องก็ผ่าน ๆ ไม่ต้องสนใจมาก หนังถ่ายทอดสด
ปล.หนังมีฉากระหว่างเครดิตนิดหน่อย ช่วง Credit ขึ้นรอบแรกจะมีภาพจากหนังขึ้นมาด้วย พอจบ Credit นั้นจะมีฉากแถม 1 ฉาก หลังจากนั้นจะเป็น Credit แบบตัวหนังสือล้วน ซึ่งหลังจากนั้นไม่มีฉากแถมแล้วครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น