วันพุธที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2562

Anna - สวยสะบัดสังหาร

รีวิว Anna - สวยสะบัดสังหาร

ภาพยนตร์แอ็กชัน-เขย่าขวัญ ที่มีฉากหลังเป็นวงการแฟชั่นไฮโซสุดตระการตา หลังจากถูกค้นพบโดยแมวมองนางแบบ แอนนา โปเลียโทว่า (ซาช่า ลุสส์) สาวสวยชาวรัสเซีย ก้าวขึ้นมาเป็นนางแบบแถวหน้าและเป็นแฟชั่นไอคอนระดับโลก แต่แอนนามีด้านที่ซ่อนไว้มากกว่าที่คนทั่วไปได้เห็น

ภายใต้ความงามไร้ที่ติของเธอนั้นคือการใช้ชีวิตอยู่ในโลกสายลับสุดอันตรายที่ก้าวพลาดแม้แต่ก้าวเดียวมันหมายถึงชีวิต ร่วมแสดงโดยทีมนักแสดงคุณภาพนำโดยเฮเลน เมียร์เรน คิลเลียน เมอร์ฟี และ ลุค อีแวนส์ รีวิว Anna - สวยสะบัดสังหาร ดูหนังออนไลน์

เรื่องย่อ

สำหรับเรื่อง แอนนา นั้นเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ อันนา เด็กสาวผู้ตกอับในชีวิต ถูกเลือกให้มาเป็นสายลับ KGB ให้กับทางรัสเซีย โดยภาระกิจล่าสุดที่เธอต้องแผงตัวไปทำนั้น หน้าฉากคือการเป็นซูเปอร์โมเดลในฝรั่งเศส และเมื่อเวลาผ่านไปเธออยากจะวางมือ เธอจึงต้องทำทุกวิถีทางที่จะทำให้ตัวเองได้เป็นอิสระจากงานสายลับนี้ให้ได้

ผลงานชิ้นใหม่ของผู้กำกับหนังแอ็กชั่นตัวพ่อ ลุค เบสซง ที่พูดชื่อไปก็ไม่ต้องอ้างอิงแล้วว่าทำผลงานโบว์แดงอะไรมาบ้าง สำหรับในเรื่องนี้เขากลับมาทั้งกำกับ เขียนบท และโพรดิวซ์ อีกครั้ง โดยครั้งใดที่ป๋าแกมาเต็มสูบทุกตำแหน่งหลักขนาดนี้ ถึงจะไม่อาจรับประกันความสำเร็จสูงสุดได้

แต่ที่แน่นอนคือหนังเรื่องนั้นย่อมมีสิ่งไม่ธรรมดาแบบไม่ธรรมดาเอามาก ๆ อยู่แน่นอน ไม่ว่าจะ Léon: The Professional (1994) The Fifth Element  (1997) หรือยุคใกล้มาหน่อยอย่าง Lucy (2014) และ Valerian and the City of a Thousand Planets (2017) ก็จะเห็นว่าเป็นหนังมีของแรง ๆ ที่ผสมแนวแอ็กชันเข้ากับความแฟนตาซีในแง่ใดแง่หนึ่งทั้งนั้น ซึ่งใน ANNA อาจดูเหมือนไม่ค่อยแฟนตาซี แต่เอาจริงมันก็มีความเอนเตอร์เทนแบบที่เกินจริงอยู่เช่นกัน

Luc Besson ถือเป็นผู้กำกับอีกคนที่มีสไตล์การทำหนังที่เฉพาะตัว เป็นของตัวเองมาก และมีผลงานหนังแอคชั่นสุดคลาสสิคมากมาย และหนึ่งในเรื่องที่ผมชอบมาตั้งแต่สมัยเด็ก คงหนีไม่พ้นเรื่อง The Fifth Element ภาพยนตร์แอคชั่น Si-Fi ที่เนื้อเรื่องในสมัยนั้นไม่ได้มีคนตอบรับดีๆ เท่าไหร่ แต่กลับกันมาในยุคปัจจุบัน ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกยกให้เป็นภาพยนตร์คลาสสิคของผู้กำกับคนนี้ไปแล้ว

ครั้งนี้ความน่าสนใจอีกอย่างคือ เบสซง กลับมาปั้นดารานำหญิงแอ็กชั่นแบบที่หน้าใหม่มาก ๆ คล้ายตอนปั้น นาตาลี พอร์ตแมน ในเรื่อง Léon ในขณะที่ ซาช่า ลุสส์ อาจได้เปรียบนิดตรงเคยผ่านบทรองในหนัง Valerian มาก่อนหน้า และมีโฆษณากับเล่นเอ็มวีมาบ้างนิดหน่อย แต่กระนั้นเรื่องนี้ก็ถือเป็นบทนำในหนังใหญ่ครั้งแรก และถึงนับทุกชิ้นงานเล็ก ๆ ที่ว่ามา หนังเรื่องนี้ก็แค่ผลงานบันเทิงชิ้นที่ 5 ของเธอเท่านั้นเอง และก็คล้าย Léon ที่มี ฌ็อง เรโน และ แกรี่ โอลด์แมน มาทำหน้าที่ครูสอนเด็กใหม่ ในเรื่องนี้เบสซงยังใช้ดารามากฝีมือรุ่นเก๋ามาประคองดาราใหม่เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น เฮเลน เมียร์เรน คิลเลียน เมอร์ฟี และ ลุค อีแวนส์ ซึ่งก็ช่วยรับประกันแกนของหนังว่าจะไม่ต้องโยนให้น้องหนูนางแบบหน้าสวยต้องแบกเพียงลำพังจนเกินไป

ข้อกล่าวหาสำคัญที่คงปฏิเสธยากคือ มันแค่หนังที่มีคนหน้าตาดีเล่นหรือเปล่า เพราะด้วยใบหน้าสวยแนวนางแบบของ ซาช่า ลุสส์ กับแนวหนังบู๊ที่ไม่ต้องอาศัยศักยภาพด้านการแสดงอะไรมากนัก แต่ตัวหนังก็มีการพัฒนาตัวละครในแบบที่ไม่กลวงเปล่าขนาดที่ใครจะดูถูก แม้จะมีความเอ๊ะ ๆ ชวนตะหงิดใจในเรื่องที่มาที่ไปในวัยเด็กมาเป็นสาวข้างถนน ก่อนตัวเอกจะเข้าสู่โลกนักฆ่านิดหน่อยก็ตาม แต่พอหนังเข้าเรื่องราวที่นางเอกต้องเข้าสู่โลกของนางแบบเพื่อปฏิบัติภารกิจลอบฆ่านั่นล่ะ ที่จะรู้สึกว่า เบสซง กำลังทดลองแนวทางใหม่ ๆ ในหนังสปายของตัวเอง

ไม่ว่าจะเรื่องสายลับหลายหน้าที่ผสมผสานกับเรื่องราวชีวิตนางแบบอย่างหนักหน่วงในครึ่งแรก ก่อนจะค่อย ๆ เพิ่มรายละเอียดแผนซ้อนกันไปมาระหว่างการชิงความได้เปรียบระหว่าง KGB ของโซเวียต กับ CIA ของอเมริกา โดยมีตัวเอกอย่างแอนนาเป็นหุ่นเชิดที่วิ่งเต้นไปมาบนสนามประลองอำนาจ อันทำให้ครึ่งหลังของหนังกลายเป็นหนังสายลับแบบเต็มสูบ โดยมีฉากแอ็กชันแซมอยู่เป็นระยะ ซึ่งส่วนตัวรับได้กับหนังหลากแนวจึงไม่ได้ซีเรียสหรือรู้สึกว่าความสนุกของหนังลดลง

หากแต่แปรเปลี่ยนความสนุกในแบบหนึ่งไปสู่อีกแบบหนึ่ง แต่ทั้งนี้ก็พอเข้าใจได้ว่าหากบางคนเข้ามากะดูหนังแอ็กชั่นแบบ Taken แบบ John Wick เต็มสูบ อาจรู้สึกว่าไม่อิ่มใจก็เป็นได้ ทั้งนี้สำหรับแฟนหนัง ลุค เบสซง มันคือหนังในแบบที่ลุคไม่ค่อยได้ทำให้เราดู ทั้งยังผสมผสานท้าทายตัวเองด้วยรูปแบบสารพัด อันจะพยายามปลีกตัวเองออกจากหนังเก่า ๆ ของตนเอง และที่สำคัญให้ออกจากหนังแนวสายลับเรื่องก่อน ๆ ที่มีมาแล้วบนโลก

มันไม่ใช่หนังสายลับแอ็คชั่นจ๋า หรือโลกนักฆ่าอย่าง John Wick ฉากแอ็คชั่นก็ไม่ได้เยอะ แต่มันก็มีฉากแอ็คชั่นที่น่าจดจำเหมือนกัน (เช่นฉากในร้านอาหารที่เราเห็นในตัวอย่าง) ในตัวหนังจริงมันส์มากและเท่กว่าเยอะ! แต่กลับกัน ฉากแอ็คชั่นตอนท้ายเรื่องทำออกมาไม่ค่อยดีเลย รู้สึกขัดๆ ยังไงก็ไม่รู้ เหมือนตัวเธอเหนื่อยยังไงยังงั้น ขนาดใช้มุมกล้องช่วยแล้วนะ แต่มันก็ดูคนละเรื่องกับฉากในร้านอาหารเลยจริงๆ แถมจุดที่โคตรขัดอีกอย่างคือ ไอ้พวกที่สู้กับนางเอกบางคนเป็นทหาร เป็นบอดี้การ์ด ยิงปืนไม่โดนนางเอกกันเลยสักนัดเนี่ยนะ!!! มันใช่หรอออออ!!!

และมันก็ไม่ใช่หนังสายลับจ๋าๆ เหมือนกัน ฉากการทำภารกิจโดยรวมถูกบอกเล่าอย่างรวดเร็ว ด้วยความที่เป็นสายลับหญิงมันน่าจะมีอะไรที่มากกว่าการเอาปืนมายิงฆ่ากันหรือเตะต่อย เราแทบจะไม่ได้เห็นประโยชน์ของการเป็นสายลับหญิงหรือการใช้มารยาหญิงเท่าไหร่เลย เช่นพวกการเค้นข้อมูลจากปากเป้าหมาย หรือหลอกล่อให้ติดกับ นับว่าน่าเสียดายเหมือนกัน


โดยรวมแล้วนั้นการเล่าเรื่องถึงแม้ว่าจะไม่ได้หวือหวา หรือแปลกใหม่อะไร แต่ด้วยความที่เป็นหนังของ Luc Besson กำกับ สไตล์การเล่าเรื่องจะออกไปทางคล้ายๆ หนังสายลับเก่าๆ คลาสสสิคที่ผู้กำกับคนนี้เคยทำ รวมไปถึงลักษณะการเล่าที่เรียกได้ว่าแหวกแนวมาก ถ้าจะให้ยกตัวอย่างแบบไม่สปอยเนื้อเรื่องคงบอกได้เพียงว่า หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องแบบเดินหน้า 2 ก้าว ถอยหลัง 1 ก้าว ยาวๆ ไปตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องเลย

ถึงกระนั้นด้วยความที่มีการเล่าเรื่องแบบนี้ถ้าเป็นหนังยุคก่อนปี 1980-1990 คงจะตื่นตาตื่นใจไม่น้อย แต่โดยรวมแล้วพอมันกลายมาเป็นหนังยุคนี้มันเลยทำให้ดูล้าสมัย และด้วยความที่มีการย้อนการเล่าเรื่องบ่อยมาก แทนที่หลังๆ ตัวหนังจะดูเท่ห์และให้ฉากการเล่าเป็นไฮไลท์ในการเฉลยปม กลับกลายเป็นยิ่งมีการเล่าย้อนตัวหนังโดยรวมดูตลงขึ้นมาทันทีเลยทีเดียว

สรุป

เป็นหนังที่สวยสะบัดสังหารสมชื่อจริงๆ ความสนุกของมันคือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างแอ็คชั่นและการเล่าเรื่องที่ดูได้เพลินมาก ไม่น่าเบื่อเลยสักฉาก มีความกวน ความปั่น และบันเทิงจริงๆ เรียกได้ว่าเซอร์ไพรส์กับความสนุกเลยทีเดียว

แต่ด้วยส่วนตัวนั้นค่อนข้างเฉยๆ กับหนังเรื่องนี้มาก อาจเป็นเพราะการเล่าเรื่องสไตล์นี้ ในยุคปัจจุบันนี้อาจจะไม่ทันสมัย และดูแปลกใหม่อะไร

แต่ถ้ามองว่าเป็นหนังย้อนยุคเมื่อ10-20 ปีก่อนคงสนุกขึ้นได้ไม่มากก็น้อย และไม่แน่ในอีก 20-30 ปีข้างหน้า หนังเรื่องนี้อาจจะขึ้นหิ้งคลาสสิคอีกเรื่องก็เป็นได้ โปรแกรมหนัง

ซึ่งสุดท้ายหนังอาจไม่ใช่ผลงานที่น่าจดจำมากมาย แต่มันก็มอบ ความสนุกตา-สนุกคิด ในขณะที่ดูหนังอย่างมีนัยยะสำคัญ และที่สุด ลุสส์ ก็ได้แสดงให้เห็นว่าเธอมีดีมากกว่าแค่เดินสวย ๆ ไปมาในหนังด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น