วันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2562

Jom Kamang Weth

รีวิว จอมขมังเวทย์ 2020

ถือเป็นหนังไทยที่แทรกเข้ามาในช่วงโปรแกรมเดือนนี้ได้อย่างน่าสนใจเลยทีเดียวเลยสำหรับ จอมขมังเวทย์ 2020 หนัง Action บู๊ล้างผลาญที่นำเอาเรื่องราวของไสยศาสตร์ หรือ การเล่นของนั้นมาเป็นเนื้อหาหลักของหนัง รีวิว จอมขมังเวทย์ 2020


เรื่องย่อ

หลังพ่อถูกฆ่าตาย วิน (ปริญ สุภารัตน์) ไอ้หนุ่มนักมวยสุมไฟแค้นออกตามล่าตัวฆาตกร จนได้พบกับองค์กรพลังจักรวาลที่นำโดย ครูเมย์ (สินจัย เปล่งพานิช) ไลฟ์โค้ชสาวใหญ่ผู้มีเบื้องหลังเป็นผู้ค้าวัตถุไสยเวทย์ และ ก็อต (จิรายุ ตันตระกูล) มือขวาครูเมย์ที่ช่วยตามล่าสินค้า

โดยทั้งคู่ได้ตกเป็นเป้าหมายสำคัญของ วิน ที่หวังออกตามล่าฆาตกรที่ฆ่าพ่อเขาเพียงเพื่อชิงเหล็กไหลวัตถุมงคลมากพุทธคุณ และสงครามอาคมครั้งนี้ได้นำ หมวดการ์ตูน (ชิชา อมาตยกุล) มือปราบสาวไฟแรงที่ต้องมาต่อกรกับสงครามมนตร์ดำครั้งนี้

แต่เมื่อศึกเริ่มสะเด็ดน้ำ อิทธิ (ฉัตรชัย เปล่งพานิช) อดีตผู้กองจอมขมังเวทย์ในตำนานก็ปรากฎตัว แต่สงครามไสยศาสตร์คราวนี้จะจบลงเช่นไรต้องติดตาม ดูหนังออนไลน์

ภาคต่อของหนังเก่าปี พ.ศ. 2548 ที่แม้เป็นหนังทุนต่ำ แต่ก็ทำออกมาได้ดีเกินคาด ซึ่งภาคใหม่ก็เป็นเรื่องราวเกี่ยวโยงกับภาคแรก ซึ่งควรดูมาก่อนจะทำให้เข้าใจภาค 2 มากขึ้น แต่ถ้าไม่อยากเสียเวลาดูภาคแรกก็ข้ามมาภาคนี้ได้เลย

ซึ่งก็ยังดูรู้เรื่องอยู่ แต่อาจจะงงนิดๆ กับการที่หนังไม่มีเล่าความเป็นมาของตัวละครอิทธิ จอมขมังเวทย์ในภาคแรกที่กลับมาอีกครั้ง แต่โดยรวมก็ไม่มีปัญหากับการรับชม เพราะหนังเริ่มเรื่องราวที่ “วิน” จอมขมังเวทย์รุ่นใหม่ ซึ่งต้องตามสืบว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆ่าพ่อของเขา

หลังทิ้งห่างจากภาคแรกไปถึง 15 ปี ต้อม ปิยะพันธุ์ ชูเพ็ชร์ ได้กลับมารื้อปัดภาคต่อหนัง จอมขมังเวทย์ อีกครั้ง โดยสิ่งที่เราสังเกตได้เลยคือการเก็บเล็กผสมน้อยเหตุการณ์บ้านเมืองต่าง ๆ เอามาสอดแทรกไว้ในหนังเสมือนเป็นบทบันทึกประวัติศาสตร์ด้านความเชื่อความศรัทธาหรืองมงายย่อม ๆ ทั้งการบูมของธุรกิจไลฟ์โค้ช ธุรกิจวัตถุมงคลที่มีตลาดระดับหลายพันล้าน หรือแม้กระทั่งการล้อเลียนเหตุการณ์ที่ พลตำรวจเอก ศรีวราห์ ไหว้ นายเปรมชัย (คดีฆ่าเสือดำ) ก็กลายเป็นกลไกหลักในการสร้างให้ผู้ร้ายในหนังดูเหนือมนุษย์และกฎหมายเอื้อมมือไม่ถึง

ซึ่งหนังเปิดเรื่องราวเริ่มมาดีเลยกับการโชว์ให้เห็นพลังของเหล็กไหลที่แม้โดนถล่มยิงอย่างหนักก็หนังเหนียวยิงไม่เข้า แต่เมื่อมีอาคมก็ต้องมีการแก้ทาง หนังเปิดตัวละครจอมขมังเวทย์ลึกลับที่สามารถฆ่าพ่อของวินได้ แล้วแย่งชิงเหล็กไหลไป ซึ่งวินที่ไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้ก็กลายเป็นคนศึกษาวิชาอาคมเพื่อหาทางสู้กับคนที่ฆ่าพ่อของเขา

แม้ในภาพรวมต้องยอมรับว่าหนังเองมีจุดบกพร่องแบบ เอาปากกาแดงวงคำผิดก็คงแดงเถือกเป็นหย่อม ๆ ทั้งการไม่อธิบายที่มาที่ไปหรือให้เราได้รับรู้ปมลึก ๆ ในใจตัวละคร หรือกระทั่งการไม่อธิบายกระทั่งการใช้พลังคุณไสย จนคนไม่เคยดูภาคแรกอาจงงกับตรรกะการต่อสู้เชิงอาคมในเรื่องได้ แต่หนังก็เอาตัวรอดและกลบข้อด้อยด้วยพลังของนักแสดงและการอัดฉากบู๊ให้ตื่นเต้นมาแบบแทบไม่ได้พักเลย

สำหรับพลังของนักแสดงต้องยอมรับว่า ตั้งแต่ตัวอย่างหนังเราจะเห็นการ “ปล่อยของ” ของเหล่านักแสดงไม่ว่ารุ่นใหญ่อย่างพี่นก ฉัตรชัย หรือ พี่นก สินจัย ที่แทบไม่ต้องห่วงเรื่องฝีมือกันแล้ว แต่ที่น่าจับตามองมาก ๆ คือเหล่านักแสดงรุ่นใหม่จากละครช่อง 3 ทั้ง หมาก-ปริญ ที่ต้องยอมรับเลยว่าการแสดงแบบภาพยนตร์ทำให้หมากได้ใช้แอ็กติงที่ลึกกว่าละครได้อย่างน่าชื่นชม

แม้ว่าในภาพรวมคนที่ขโมยซีนหนังทั้งเรื่องกลับตกเป็นของ ก็อต จิรายุ ที่ปล่อยให้ความคลั่งของตัวละครพาเขาไปสุดทางมากกว่า ติดก็แต่ว่าด้วยความโดดเด่นของรูปร่างหน้าตาเลยทำให้ความลับที่หนังต้องการปกปิดกลายเป็นเห็นแว่บแรกก็รู้แล้วว่าคนเดียวกันเท่านั้นเอง

ส่วนคิตตี-ชิชา ก็พิสูจน์แล้วว่าใบหน้าสดไม่อาจทำให้เสน่ห์เธอลดลงได้เลย มิหนำซ้ำยิ่งมองเรากลับหลงรักกระทั่งขี้แมงวันบนหน้าเธอเสียอีก ส่วนการแสดงและน้ำเสียงที่ดูเป็นตำรวจสาวแกร่งก็เย้ายวนได้แบบไม่น่าเชื่อเลยล่ะ เสียดายก็แต่ แพร์-พิชชาภา พันธุมจินดา สาวสวยมากความสามารถจากช่อง 3 ที่หนังใช้เธอได้ไม่คุ้มค่าเท่าไหร่นัก

ตัวละครแต่ละตัวในหนังเรื่องนี้ล้วนพัวพันอยู่กับความเชื่อในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การเชื่อในไสยศาสตร์เพราะต้องการ “เหนือกว่า” คนอื่น เชื่อในความถูกต้องตามครรลองของกฎหมาย เพราะในชีวิตมนุษย์ล้วนต้องเคารพในกติกาของสังคม เชื่อในการล้างแค้นเพราะจะนำมาซึ่งความสงบในจิตใจ โดยไม่ว่าตัวละครในหนังเรื่องนี้จะมีแนวคิดแบบไหนก็ตาม พวกเขาใช้มันเป็นแรงผลักดันของชีวิตทั้งสิ้น
แม้ดูจากเนื้อเรื่องของหนังนั้น อาจจะไม่มีอะไรมาก แต่จุดเด่นของจอมขมังเวทย์ ต้องบอกว่าเป็นเรื่องของ action บู๊ล้างผลาญจริง ๆ เรียกได้ว่า มาแบบจัดเต็มมาก ๆ ถามว่ามันคล้ายเรื่องไหน ผมก็ต้องบอกว่ามันดูคล้ายหนังในตำนาน action ของไทยอย่าง ต้มยำกุ้งนั่นเอง

รูปแบบการดำเนินเรื่องจะคล้าย ๆ กันเลย แต่จอมขมังเวทย์นั้นจะมาด้วยเรื่อย ไสยศาสตร์ไสยเวท เป็นตัวเดินเรื่องหลัก ทำให้เกิดของต่าง ๆ มากมาย ที่ต้องใช้ CG เข้ามาประกอบซึ่งในส่วนของ CG นั้น ก็ถือว่าพอรับได้กับงานหนังไทย เพราะ มันคงเทียบไม่ได้กับ CG ของหนังระดับ Hollywood อยู่แล้วด้วยต้นทุนการสร้างที่ต่างกันสิ้นเชิง

แต่เหมือนกับหนังส่วนใหญ่ของไทย ที่มีปัญหาเรื่องบท ที่เรื่องนี้บทอ่อนมาก ๆ มันแทบจะไม่มีอะไรเลย ซึ่งผมเปรียบเทียบให้เห็นเลยกับต้มยำกุ้งที่ จา พนม นั้นตามหาช้าง เรื่องนี้ ก็คือ วิน (หมาก ปริญ) ตามหาคนที่ฆ่าพ่อเขานั่นเองจนจบเรื่อง

แต่อย่างที่กล่าวไว้ ให้ลืมเรื่องบทหนังไปก่อน เพราะ action บู๊ ล้างผลาญในหนังเรื่องนี้ ถือว่าทำออกมาได้ดีทีเดียว การต่อสู้ในฉากต่าง ๆ ของเรื่องนั้นทำได้ดี นักแสดงที่เล่นกับ CG ก็ถือว่าทำได้ดี ถึงจะไม่เนียนมากก็ตาม

แต่ด้วยความเป็นหนังไทยที่ทุนไม่มาก ทำได้ระดับนี้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่โอเค
ส่วนอีกเรื่องที่น่าชม ก็คือ ซาวด์ ดนตรีประกอบ เรียกได้ว่า ทำได้อลังการมาก ๆ ถือว่าลงทุนกับด้านซาวด์ดนตรีไม่น้อยเลยสำหรับหนังเรื่องนี้ โดยเฉพาะตอนเปิดตัวจอมขมังเวทย์รุ่นเก๋าอย่าง พี่นก ฉัตรชัย นั้น เรียกได้ว่าน่าตื่นตาตื่นใจเลยทีเดียว

แต่ในความยาวของหนังที่มีถึงประมาณ 2 ชม.นั้น ผมว่ามันยาวเกินไป ทำให้บางช่วงน่าเบื่อ ควรจะตัดต่อให้ลดความยาวของหนังลงกว่านี้ จะทำให้หนังนั้นลงตัวกว่านี้ แต่โดยรวมก็ยังดูในระดับที่โอเค ถือว่าไม่ผิดหวังมากนัก ถือว่าไปดูฉาก action มันส์ ๆ ละกันนะครับผม สนับสนุน ๆ หนังไทยครับ

สรุป

ถ้าชอบความแปลกใหม่ของฉากสู้กันด้วยพลังพิเศษแบบไทยๆ ก็แนะนำว่าดูได้เลย หนังโชว์ของ โชว์คุณไสยสารพัดวิชามาประเคนไว้ในเรื่องอย่างหนัก ขนาดที่ว่ามีฉากอัดเต็มเหนี่ยวเหมือนฉากจบแล้ว แต่ก็ยังไม่จบจริง มีสคิปข้ามไปฉากจบอัดกันหนักๆ อีกที เป็นหนังที่แทบจะเดินเรื่องด้วยฉากแอ็กชั่นกินเวลาไปมากกว่าครึ่งของความยาวเกือบสองชั่วโมง ซึ่งแทบไม่มีการยืดอืดๆ เลย ซึ่งถ้าใครชอบแนวแอ็กชั่นก็ดูได้เลยครับ โปรแกรมหนัง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น