วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2562

Freaks

รีวิว Freaks คนกลายพันธุ์

เรื่องนี้นับว่าเป็นอีกรีวิวที่ต้องเขียนด้วยความระมัดระวังอย่างมาก เพราะหลังจากได้ชมแล้วเห็นด้วยกับคำเตือนจากบรรดานักวิจารณ์ต่างประเทศที่กำชับกันมาว่า “การชม ภาพยนตร์เรื่องนี้ ให้สนุกที่สุด คือการรู้อะไรเกี่ยวกับหนังให้น้อยที่สุด” ฉะนั้นจะเขียนแบบแตะต้องเนื้อเรื่องให้น้อยที่สุดก็แล้วกันนะ ดูหนังออนไลน์

เรื่องย่อหนัง
"มีมนุษย์บางสายพันธุ์ แอบซ่อนอยู่กับเรา" เตรียมพบภาพยนตร์ไซไฟ ระทึกขวัญ ที่ได้รับการยกย่องว่าชวนช็อค! คาดเดาไม่ได้! และเซอร์ไพรส์ที่สุดประจำปี 2019 ใน ""Freaks คนกลายพันธุ์"" คว้าคะแนนจากเว็บไซต์ Rotten Tomatoes สูงถึง 90% นำแสดงโดย 'อีมิล เฮิร์ช' จาก Speed Racer และ 'บรูซ เดิร์น' จาก The Hateful Eight นี่คือเรื่องราวของลูกสาววัย 7 ขวบ โคลอี้ (เลซี่ โคลเคอร์) และพ่อของเธอ (อีมิล เฮิร์ช) ที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อปกปิดไม่ให้เธอออกไปสัมผัสโลกภายนอก คอยบอกเธอเกี่ยวกับอันตรายที่อยู่นอกประตูบ้านหลังนั้นตลอดเวลา จนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้รวบรวมความกล้าและตัดสินใจเปิดประตูบานนั้นออกไปเพื่อพบกับอิสรภาพ… ที่ต้องแลกมาด้วยเลือด และ ความลับที่ถูกปกปิดกำลังจะปะทุ! รีวิว Freaks คนกลายพันธุ์

เนื้อเรื่อง
เนื้อเรื่องเอาเท่าที่เห็นในตัวอย่างหนังแล้วกัน เปิดเรื่องที่โคลอี้สาวน้อยวัย 7 ขวบ อาศัยอยู่กับพ่อในบ้านซอมซ่อ ที่ปิดทึบหมด ประตูล็อกหลายชั้นมากหน้าต่างกระจกก็เอากระดาษมาปิดหมด ทั้งหมดเฮนรี่ทำเพื่อป้องกันไม่ให้โคลอี้ออกนอกบ้านและไม่ต้องให้รับรู้ความเป็นไปของโลกภายนอก

พ่อเฝ้าพร่ำบอกโคลอี้ว่าโลกภายนอกอันตรายมาก มีแต่ผู้คนที่เป็นภัยและต้องการทำอันตราย 2 เราพ่อลูก และแม่ของโคลอี้ก็เสียชีวิตก็เพราะน้ำมือของคนนอกบ้านนี่ล่ะ แต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ โคลอี้เห็นรถขายไอศกรีมมาจอดหน้าบ้านทุกวัน ยิ่งทำให้เธออยากลิ้มรสไอศกรีมมากขึ้นตามประสาเด็ก ๆ จนโอกาสมาถึงเมื่อเธอหาจังหวะแอบออกหาคุณตาขายไอศกรีมได้ แต่เหมือนว่าคุณตารู้จักเธอและพ่อเป็นอย่างดี แล้วยังอ้างว่ารู้จักแม่ของโคลอี้อีกด้วย เรื่องราวที่พ่อบอกโคลอี้ล้วนเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ คำบอกเล่าของคุณตาขายไอศกรีมยิ่งทำให้โคลอี้สับสนมาก ตกลงเธอควรจะเชื่อใจใคร ใครพูดความจริง

ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายใน 20 นาทีแรกของหนังเท่านั้น ที่ระดมปริศนามาใส่ผู้ชมเต็มไปหมด หนังเล่าเรื่องราวผ่านสายตาของโคลอี้ ให้คนดูตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเธอที่แทบไม่รู้อะไรเลย ทำไมพ่อต้องแอบซ่อนแล้วขังเธอไว้ในบ้าน คุณตาเป็นใครมีจุดประสงค์อะไร แม้ว่าเรื่องราวจะอยู่แค่ในบ้าน

หนังก็หยอดปริศนามาตรงนั้นตรงนี้เต็มไปหมด ทั้งข่าวทางหน้าจอโทรทัศน์ หญิงประหลาดที่โผล่มาในห้องของโคลอี้ ปฏิกิริยาของเพื่อนบ้าน แต่หนังก็ไม่ได้ทำให้คนดูอึดอัดกับความสงสัยนานครับ เพราะนับตั้งแต่คุณตาปรากฏตัวหนังก็เดินหน้าแบบเต็มสปีด ทยอยเผยทุกปริศนา ตัวจริงของตา ตัวตนของพ่อ และชะตากรรมของแม่ว่าตกลงยังมีชีวิตอยู่หรือไม่

แม้ว่าหนังจะมาในธีมของมนุษย์กลายพันธุ์เช่นเดียวกับ X-Men แต่บรรยากาศหนังต่างกันลิบลับ ดาร์กกว่า เข้มข้นกว่ามาก เลยทำให้เห็นชัดเลยว่า ถ้าเล่าจากมุมมองเล็กไปใหญ่ จะน่าสนใจกว่ามาก อารมณ์หนังจะมาในทำนองเดียวกับ “เอเลฟเวน” ใน Stranger Things มากกว่า

เราต้องค่อย ๆ ทำความรู้จักตัวตนของเธอไปพร้อมกับที่ตัวเธอก็ต้องเรียนรู้กับตัวเองเช่นกันว่ามีความสามารถพิเศษอะไรบ้าง ซึ่ง แซค ไลพอฟสกี และ อดัม บี.สไตน์ คู่หูผู้ควบรวมหน้าที่กำกับและเขียนบท ก็เก่งที่คิดค้นความสามารถพิเศษที่แปลกใหม่ได้ไม่ซ้ำกับเหล่ามิวแตนท์ใน X-Men

แน่นอนว่าถ้าหนังเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับมนุษย์กลายพันธุ์ก็จำเป็นต้องมีการใช้สเปเชียลเอฟเฟกต์เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เป็นการใช้งานเทคนิค CGI ได้อย่างคุ้มค่ามาก ตลอดเวลา 100 นาที หนังมีฉากโชว์พลังความสามารถน้อยมาก แต่ทุกครั้งที่โชว์นี่เรียกว่าได้ใจไปเลย ทั้งเท่ ทั้งอึ้ง กับการได้เห็นความสามารถพิเศษที่เผยออกมา เพราะเราดูไปแบบคาดเดาไปด้วยว่าใครจะเป็นมนุษย์กลายพันธุ์บ้าง แล้วแต่ละคนมีความสามารถพิเศษอะไรบ้าง

ต้องยกให้ ภาพยนตร์เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าหนังที่มีบทภาพยนตร์ที่ดี ผู้กำกับมีความสามารถ ก็สามารถทำหนังให้สนุกได้ โดยไม่ต้องใช้ทุนสร้างมากมาย เรื่องราวของ Freaks เกือบทั้งเรื่อง เกิดขึ้นในบ้านของโคลอี้กับพ่อแค่นั้น ตัวละครหลักก็มีแค่โคลอี้ พ่อ และ คุณตาขายไอศกรีม เพียงแค่ 3 คน นับเป็นงานมาสเตอร์พีซของคู่หู แซค ไลพอฟสกี และ อดัม บี.สไตน์ จริง ๆ

ทั้งคู่เคยผ่านมาแต่งานกำกับทีวีซีรีส์และหนังสั้นเท่านั้น แล้วทั้งคู่ก็มั่นใจกับ Freaks มาก เริ่มเอาฉายตามเทศกาลหนังหลายแห่งมาตั้งแต่กันยายน 2018 กวาดรางวัลมาเพียบ ได้คะแนนใน Rottentomatoes ไปสูงถึง 87% แต่ยืนยันเลยว่า แม้ Freaks จะเป็นหนังสายรางวัล แต่นี่คือหนังที่เน้นความบันเทิงเอาใจคนดูสุด ๆ
ฉากที่อยากชื่นชมมากคือฉากที่พ่อเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่เรย์ เป็นการเล่นเกมจิตวิทยาระหว่างทั้งคู่ คุยไปอ่านเกมฝ่ายตรงข้ามไปว่าอีกฝ่ายจะเอาไง เป็นฉากสนทนายาวนานที่สร้างบรรยากาศตึงเครียดได้ดี แล้วหลังจากฉากนี้ก็คือไคลแมกซ์ท้ายเรื่อง ที่เตรียมมันส์กันแบบลากยาวได้เลย แม้ตัวละครหนังจะเป็นเด็กน้อยวัย 7 ขวบ แต่ไม่ใช่หนังสำหรับเด็กนะครับ หนังค่อนข้างโหดเลยล่ะ จ่อกบาลยิงกันเลือดกระฉูด คนตายเยอะครับ ฉากสว่านนี่โคตรเสียวเลย

หน้าหนัง ดูเป็นหนังฟอร์มเล็กมาก โปสเตอร์ก็ออกแบบได้ไม่น่าสนใจเล้ย หนังไม่ค่อยมีใครพูดถึง ดาราก็โนเนม มีชื่อแค่ อีมิล เฮิร์ช และ บรู๊ซ เดิร์น แค่นั้นที่เป็นดาราชื่อเสียงระดับกลาง ๆ แต่ดูแล้วเราจะหลงรักความน่ารักของสาวน้อย เล็กซี คอลเคอร์ ที่แสดงได้เก่งเกินตัว ตอนเธอแสดงเรื่องนี้อายุแค่ 8 ขวบเอง
ขอเชียร์ออกตัวเลยว่า นี่คือหนังมิวแตนท์ที่เล่าเรื่องราวได้สนุกมาก เข้มข้น และน่าติดตามในทุก ๆ นาทีของหนัง เป็น 100 นาทีที่ให้ความบันเทิงแบบเต็มเปี่ยม จบแล้วอยากดูต่อทันทีแบบไม่อยากให้จบเลย

แต่เชื่อว่าหนังน่าจะประสบความสำเร็จแล้วเราน่าจะมีเปอร์เซ็นต์ได้ดูภาคต่อสูงครับ เพราะหนังใช้ทุนสร้างต่ำฉายแป๊บเดียวก็กวาดกำไรแล้ว ภาคต่อน่าจะใช้ทุนสร้างมากขึ้นอีก แต่อีกใจก็นึกอยากให้ Freaks เป็นทีวีซีรีส์มากกว่านะ เพราะหนังดูมีอะไรที่สานต่อเรื่องราวไปได้อีกไกลมาก ชูจั๊กกะแร้เชียร์ว่านี่คือหนังที่ไม่ควรพลาดครับ

ภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นหนึ่งในหนังไซไฟที่ดีที่สุดแห่งปีจริงหรือ?

คำกล่าวนี้มาจากสื่อนักวิจารณ์เมืองนอกที่โปรยอยู่ในเทรลเลอร์ ตอบเลยว่าเป็นความจริงแน่นอนครับ นี่เป็นหนังไซไฟที่แปลกใหม่ในการเล่าเรื่อง แม้พื้นฐานเรื่องราวจะไม่ได้ใหม่ โดยเรื่องผูกโยงเข้ากับพลังเหนือธรรมชาติในตัวมนุษย์ที่ออกจะมีเกร่อเต็มตลาดตอนนี้ 

แต่หนังหาทางแตกต่างออกไปได้ และก็ผสมเรื่องราวลึกลับน่ากลัวไว้พร้อมกัน ซึ่งสูตรนี้เท่าที่เห็นมีจะทำออกมาก็คือ The New Mutants แต่โดนเลื่อนฉายไม่มีกำหนดไปแล้ว

*ในหนังไม่ใช้คำว่ามิวแตนท์ แต่ใช้คำว่า Freaks ที่แปลว่า “ประหลาด” แทน ซึ่งเป็นธรรมชาติกว่าด้วย

สรุป
แนวหนังไซไฟทริลเลอร์ เป็นหนังทุนต่ำสายรางวัล แต่ไม่ได้ดูเข้าใจยาก แถมเรื่องราวจริงที่ซ่อนไว้มีความแมสและมันส์ได้เหมือนหนังฟอร์มใหญ่ ถ้าใครกำลังมองหาหนังที่เน้นการคิดวิเคราะห์แยกแยะ การใช้เสมองทำงานในการเดาเรื่องราวขณะที่ดูเรื่องนี้ถือว่าตอบโจทย์เป็นอย่างมาก แนะนำให้ดูเลยจริงๆ หนังออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น