รีวิว Chilling Adventures of Sabrina Part 2
บางคนอาจคุ้นเคยกับชื่อของ “ซาบริน่า” Sabrina the teenage Witch ตัวละครแม่มดสาววัยรุ่นไฮสคูล จากซีรีส์ฝรั่งชื่อดังในยุค 90 ที่ครั้งหนึ่งเคยนำมาฉายในประเทศไทยแล้วก็มีชื่อเสียงพอสมควร ส่วนต้นฉบับมาจากการ์ตูนคอมิคเรื่องดังในชื่อเดียวกัน โดยนิตยสาร Archie book รีวิว Chilling Adventures of Sabrina Part 2เรื่องย่อ
หลังเลือกเส้นทางแม่มดแบบเต็มตัว ซาบรีน่า (เคียร์แนน ชิปกา) ตีตัวห่างจากเพื่อนมนุษย์ของเธอทั้ง ฮาร์วีย์ (รอสส์ ลินช์) โรซาลิน (แจ๊ส ซินแคลร์) และ ซูซี่ (แลชแลน วัตสัน) เพื่อป้องกันพวกเขาจากอันตราย และที่สถาบันแห่งศาสตร์มืดเธอก็ได้พบรักกับ นิโคลัส (เกวิน เลเธอร์วูด) จอมเวทย์หนุ่มเสน่ห์แรง แต่สิ่งที่เธอไม่คาคคิดคือภัยมืดที่ดาร์กลอร์ดกำลังวางแผนนำโลกสู่วันโลกาวินาศ งานนี้ซาบรีนาจำต้องทำทุกทางเพื่อปกป้องครอบครัว เพื่อนและโลกใบนี้ไว้ให้จงได้แม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ตามนับว่ารวดเร็วทันใจจริงๆสำหรับ ซาบรีนา สาวน้อยต้องสาป ที่เพิ่งปล่อยสตรีมภาคแรกไปเมื่อฮาโลวีนปีที่แล้ว และปล่อยตอนพิเศษต้อนรับวันคริสต์มาสเมื่อปลายเดือนธันวาคม ก็ได้เวลาที่ภาค 2 ปล่อยสตรีมมิง 9 ตอนไปเมื่อวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งสำหรับเรื่องราวในภาค 2 นี้ก็ทวีความน่าสนใจมากเลยทีเดียว โดยเราจะขอพูดถึงเป็นประเด็นต่างๆดังนี้
เรื่องรักในกรีนเดล
ในภาคแรกความรักระหว่าง ซาบรีนา กับ ฮาร์วีย์ อาจทำให้คนดูเกิดอาการรำคาญปนอิจฉาในความหวาน เดี่ยวกอดเดี๋ยวจูบ สำหรับภาคนี้ต้องยอมรับว่าทีมบทได้ปรับเนื้อหาเรื่องราวๆรักๆใคร่ๆได้มีมิติมากขึ้น เพราะหลังจากเหตุการณ์ที่ ซาบรีนาไปชุบชีวิตพี่ชายของฮาร์วีย์ก็ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปนั่นทำให้ตัวละครเริ่มมีพัฒนาการในเรื่องความรู้สึกมากขึ้น ฮาร์วีย์ได้ใกล้ชิดกับโรซาลินที่มีพลังหยั่งรู้อนาคตจนเริ่มกลายเป็นความรัก ในขณะที่ซาบรีนาเองก็เริ่มใกล้ชิดกับ นิโคลัส จอมเวทย์หนุ่มเสน่ห์แรงจนทั้งคู่ได้มีช่วงเวลาสุดโรแมนติกร่วมกัน
และแน่นอนว่าความรักย่อมมาพร้อมกับเซ็กส์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังภาคแรกทำเอาผู้ปกครองช็อคกับฉาก เซ็กส์หมู่ระหว่างเยาวชนแม่มดและจอมเวทย์หนุ่มๆไป มาภาคนี้ก็มีเทศกาล ลูเปอร์คาเลีย หรือวาเลนไทน์สำหรับโลกมืดที่ให้โอกาสหนุ่มสาวแต่งตัวน้อยชิ้นอาบแสงจันทร์ด้วยกัน ซึ่งถือเป็นการหลีกเลี่ยงคำครหาจากภาคแรกได้ชาญฉลาดดี โดยคงเหลือไว้แค่การเอ่ยถึงเรื่องเซ็กส์อันเผ็ดร้อนเท่านั้น
ซาตาน
ในภาคแรก เน็ตฟลิกซ์ และ วอเนอร์ ผู้สร้างซีรีส์หนัง HDต้องเจอกับการฟ้องร้องจาก โบสถ์อันเสื่อมเกียรติของซาตานของจริง เมื่อซีรีส์ดันมีฉากที่แสดงให้เห็นรูปปั้นบาโฟเมตซึ่งใกล้เคียงกับสัญลักษณ์ของโบสถ์ซาตานจริงๆจนโดนฟ้องร้อง พอมาภาคสองจะสังเกตได้ว่าตัวซีรีส์มีฉากในสถาบันน้อยลงและพยายามไม่ให้เห็นรูปปั้นบาโฟเมตแล้วจนกระทั่งตอนท้ายๆมีการเปลี่ยนแปลงรูปปั้นเป็นรูปของเจ้าคณะแทนเสียด้วยซ้ำ ซึ่งก็เป็นไปตามบทที่เขียนขึ้นมาเพื่อแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของตัวละครต่างๆในเรื่องส่วนในเนื้อหาต้องยอมรับเลยว่า ตัวซีรีส์ในภาคนี้มีการปูเรื่องราวอันเกี่ยวพันกับไบเบิลมากขึ้น ตั้งแต่การแสดงละครเวทีกำเนิดลูซิเฟอร์ หรือมีฉากแรกพบของลิลิธและลูซิเฟอร์ในตอนท้าย ไล่ไปจนถึงปมของเรื่องอันเกี่ยวพันกับการกระทำของซาบรินาที่แทบจะคู่ขน่านกับภารกิจของพระเจ้าในการปลดปล่อยมนุษย์เรื่อยไปจนถึงการกล่าวถึงวันสิ้นโลก
ซึ่งไม่แน่ใจเหมือนกันว่าสำหรับครอบครัวที่นับถือศาสนาคริสต์จะกล้าให้บุตรหลานชมหรือเปล่า เพราะต้องยอมรับว่าตัวซีรีส์มีการออกแบบคาแรกเตอร์ งานคอสตูมไปจนถึงไลฟ์สไตล์ แม่มดและจอมเวทย์ที่ดูน่าหลงไหลพอสมควร แถมเมืองไทยเองก็มีลัทธิซาตานจริงๆเสียด้วย ผู้ปกครองจึงต้องพิจารณาก่อนให้ลูกหลานชมพอสมควรนะครับ
ลำไยมากกว่าเดิม
แม้ภาคแรกหลายคนจะเกิดอาการลำไยยัยซาบรินาที่หมั่นหาเรื่องเดือดร้อนให้ตัวเองและคนรอบข้างเสมอ มาภาคสองนี้ต้องยอมรับว่า ไม่ใช่แค่ซาบรินาคนเดียวแล้วล่ะที่มีพฤติกรรมชวนลำไย เพราะอย่างป้าเซลดา (รับบทโดย มิแรนดา ออตโต จาก The Lord of the Rings) เองก็ดูจะหลงปั๋วราชาคณะจนพาครอบครัวสเปลแมนเดือดร้อนเหมือนกัน ส่วนครูแมรี่ (รับบทโดย มิเชล โกเมซ) ที่ถูกวิญญาณปีศาจครอบงำก็ขยันเป่าหูอะไรยัยซาบรินาก็เชื่อจังเลย จนคนดูดูไปก็คอยด่ายัยซาบริน่าไป แต่ก็ต้องยอมรับนะครับว่าความโง่ของตัวละครก็ทำให้เราได้ปลดปล่อยอารมณ์โกรธเกรี้ยวได้ดีเหมือนกัน คงเหมือนเราดูละครไทยหลังข่าวนั่นแหละเนอะ 555ความหลากหลายทางเพศ
ประเด็นที่น่าพูดถึงสำหรับซีรีส์เรื่องนี้คือการเปิดกว้างเรื่องเพศอย่างมาก ในภาคแรกเราอาจเห็นแค่กรณีของ แอมโบรส (แชนซ์ เพอร์โดโม) กับ ลุค (ดาเรน มานน์) คู่รักจอมเวทย์สุดร้อนแรงเท่านั้น แต่มาภาคนี้ตัวละครซูซี่ เริ่มค้นพบเพศสภาพของตัวเองและชัดเจนจนมีฉากเปิดตัวหรือ Coming Out ในซีรีส์ไปจนถึงการเปลี่ยนชื่อตัวเองเป็นธีโอ และคัดตัวเข้าทีมบาสเก็ตบอลชาย ซึ่งถือเป็นซีรีส์วัยรุ่นที่กล้าแตะประเด็นหมิ่นเหม่และนำเสนอได้อย่างจริงใจทีเดียวทบทวนตัวละคร
ซาบริน่า สเปลแมนสาวน้อยลูกครึ่งพ่อมดและมนุษย์ เป็นเด็กสาวที่เฉลียวฉลาด มีไหวพริบ กล้าแสดงออก รักความยุติธรรม เธอรู้ตัวว่าตนเองเป็นลูกครึ่งของพ่อที่เป็นพ่อมดและแม่ที่เป็นมนุษย์ แต่ทั้งสองเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตก เธอจึงมาอยู่ในการเลี้ยงดูของป้าสองคนคือ เซลด้าและฮิลด้า เธอจึงเติบโตโดยใช้ชีวิตในสังคมมนุษย์มานานเกือบ 16 ปี
เซลด้าและฮิลด้า
คู่แม่มดพี่น้อง ป้าที่เลี้ยงดูซาบริน่ามานาน ฉากหน้าเปิดกิจการรับบริการแต่งศพและจัดงานศพ ทั้งสองมีนิสัยแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เซลด้าเป็นคนเคร่งครัดและศรัทธาต่อดาร์กลอร์ดอย่างเข้มข้น มีความสามารถและรอบรู้ในเวทย์มนต์กว้างขวางมาก ฮิลด้าเป็นคนใจดี ชอบทำอาหาร แม้ว่าจะไม่เก่งเวทมนต์เท่ากับเซลด้า แต่ก็มีความรู้เฉพาะทางที่น่าทึ่งเช่นกัน
แอมโบรส
จอมเวทย์หนุ่มผิวสี ลูกพี่ลูกน้องของซาบริน่า เขาได้ชื่อว่าเป็นคนขบถ ชอบต่อต้านสังคมเวทย์มนต์ เขาถูกลงโทษจากเรื่องที่วางแผนจะระเบิดวาติกัน จึงถูกกักขังไว้ให้อยู่แต่ในบ้านของครอบครัวสเปลแมนเท่านั้น
ซาเล็ม
แมวดำประจำตัวของซาบริน่า ซึ่งปกติแม่มดพ่อมดทุกคนต้องมีสัตว์ประจำตัวที่เรียกว่า แฟมิเลียร์ ซึ่งเป็นสัตว์ผู้พิทักษ์ข้างตัว แม้ว่าภายนอกซาเล็มดูจะไม่น่าช่วยอะไรได้ แต่หลายครั้งมันสามารถที่จะพาตัวเองเข้าไปช่วยซาบรีน่าในช่วงที่กำลังลำบากและคอยปลอมประโลมเธอได้
เพื่อนของซาบรีน่า
ฮาร์วีย์แฟนหนุ่มของซาบริน่า เป็นคนอ่อนไหว จิตใจดี มีความรักให้ซาบรีน่ามาก แต่มีความขัดแย้งกับพ่อของตัวเองที่เป็นเจ้าของเหมืองในเมืองนี้ เขาสนิทและรักทอมมี่พี่ชายของตนมาก
โรซาลินด์
สาวน้อยผิวสี เพื่อนสนิทของซาบริน่า เป็นคนชอบอ่านหนังสือและเป็นนักกิจกรรมขับเคลื่อนสังคมที่ต้องการต่อต้านความอยุติธรรมในโรงเรียน เธอยังมีความลับคือการสืบทอดพรสวรรค์ลี้ลับจากตระกูลวอค์เกอร์ในการรับรู้สิ่งเหนือธรรมชาติ มองเห็นวิญญาณ และมีนิมิตเห็นอนาคตได้ แต่ก็ต้องแลกกับดวงตาที่จะต้องบอดลง จึงเป็นทุกข์กับเรื่องนี้มาก
ซูซี่
สาวน้อยทอมบอย เพื่อนสนิทของซาบริน่า เป็นกล้าหาญ พยายามต่อต้านการกลั่นแกล้งในโรงเรียนจากการที่ตนถูกล้อเลียนเรื่องภาวะทางเพศ แต่มาได้ซาบริน่าช่วยเหลือไว้ เธอยังสืบเชื้อสายของบรรพบุรุษตระกูลพัทนัมที่เคยช่วยชีวิตเหล่าแม่มดในยุคที่เริ่มตั้งสังคมเอาไว้ รับสืบทอดพลังในการมองเห็นและสื่อสารวิญญาณจากตระกูล
ตัวละครพ่อมดแม่มด
นิโคลัสพ่อมดหนุ่มในสถาบันจอมเวทย์ ชอบซาบริน่าตั้งแต่ทีแรกที่พบ เขายังได้ชื่อว่าเป็นเพลย์บอยหนุ่มด้วย เคยมีความสัมพันธ์กับพรูเดนซ์และแม่มดสาวๆมากหน้าหลายตามาก่อน นิโคลัสพยายามที่จะชักจูงซาบริน่าให้เอียงเข้าสังคมของจอมเวทย์มากกว่ามนุษย์ แต่ก็คอยช่วยเหลือซาบรีน่าที่สถาบันบ่อยครั้ง
พรูเดนซ์
หญิงสาวผิวสี ที่ได้ชื่อว่าเป็นตัวแม่ในสถาบันเวทย์มนต์ เธอกับพี่น้องเพื่อนหญิงอีกสองคนมีความเป็นอริกับซาบรีน่าอย่างชัดเจนตั้งแต่ตอนแรก แต่ในขณะเดียวกันก็ยอมรับในความสามารถและสติปัญญาของเธอด้วย ทำให้บางครั้งก็สามารถร่วมมือกับซาบรีน่าได้
วอร์ดเวลล์
แม่มดผู้ทรงอำนาจ ที่เข้ามาเป็นครูในโรงเรียนของซาบริน่า ที่จริงแล้วเธอได้รับคำสั่งจากดาร์กลอร์ดให้เข้ามาใกล้ชิดอยู่กับเธอเพื่อเป้าหมายบางอย่าง วอร์ดเวลล์ในสมัยอดีตเคยมาทำงานให้กับพ่อของซาบรีน่ามาก่อน เธอมีความรอบรู้ในเวทมนต์มหาศาล แม้แต่ปีศาจก็ยังรู้จักชื่อและพลังอำนาจของเธอ สำหรับตัวตนแท้จริงและเป้าหมายของเธอเป็นหนึ่งในปริศนาในเรื่องว่าแท้จริงแล้วเธอเป็นมิตรหรือศัตรูของซาบรีน่ากันแน่
หลวงพ่อแบล็กวูด
ประมุขของโบสถ์แห่งราตรีคนปัจจุบัน เป็นคนที่เคร่งครัดและศรัทธาในดาร์กลอร์ดอย่างสุดขั้ว เขาทำตามประสงค์ที่ต้องการดึงตัวซาบริน่ามาเข้าร่วมสถาบันเวทย์มนต์ เคยมีความสัมพันธ์กับพ่อของซาบรีน่ามาก่อน แล้วยังมีความสัมพันธ์ลับๆกับเซลด้าด้วย
Chilling Adventure of Sabrina ss1-2 สนุกไหม
ถ้าเปรียบเทียบกับซีรีส์ ซาบริน่า ยุค 90 จะมีธีมการเล่าเรื่องในแบบสดใส วัยรุ่น เรื่องราวรักใคร่ ตลกคอเมดี้ กับแนว Coming of Age ส่วนดูหนังผ่านเน็ตในเวอร์ชั่น Netflix ซีรีส์เลือกที่จะนำเสนอในแบบโคตรดาร์ก ดิบ 18+ แถมนำเสนอเรื่องราวในแง่มุมที่รุนแรง กล้าเล่นกับประเด็นละเอียดอ่อนทางสังคมหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นการกลั่นแกล้ง Bully ในโรงเรียน การเหยียดผิว เหยียดเพศที่สาม ปัญหาชนชั้น การใช้ความรุนแรงในครอบครัว ความแตกต่างทางศาสนา ความเชื่อ ไปจนถึงประเด็นการเมืองในท้องถิ่น เรียกว่าเรื่องที่ไม่น่าเล่นหรือเรื่องทางสังคมที่ละเอียดอ่อน เรื่องนี้เอามานำเสนอหมด แถมเลือกเล่าในแบบที่รุนแรงด้วย
แล้วหากจะให้คำนิยามอย่างหนึ่งที่ทำให้ Sabrina Chilling Adventure Sabrina ซีรีส์แม่มดวัยรุ่นเรื่องนี้น่าติดตาม และทำได้ดีเกินคาดก็คือ เป็นซีรีส์ที่มีความกล้าที่สะท้อนสังคมและโลกจริงในแบบโคตรดาร์ก แม้ว่าฉากหน้าจะเป็นเรื่องราวของแม่มดสาววัยรุ่น แต่ถ้าดูไปเรื่อยๆจะพบว่าเนื้อหาและการเล่าเรื่องราวข้างในมันมีความเรียล ดาร์ก ดิบ อยู่ในระดับที่ซีรีส์แนวซีเรียสจริงจังหรือสะท้อนสังคมบางเรื่องก็ยังไม่กล้าตีแผ่ขนาดนี้เลยด้วยซ้ำ
อีกทั้งเรื่องนี้ยังมีหลายตอนที่จงใจตั้งคำถามและตีแผ่สังคมตะวันตกในหลายแง่มุมชนิดถึงแก่น โดยเฉพาะประเด็นความเชื่อที่แตกต่างกันในด้านศาสนา ไปจนถึงความเชื่อในระดับสังคม ท้องถิ่น และชุมชน ที่ผู้คนล้วนมีความศรัทธาที่แตกต่างกันแล้วต้องมาอาศัยอยู่ร่วมกัน ในเมื่อทุกคนต่างก็มีความเชื่อของตนเอง แล้วมันจะผิดตรงไหน
แต่ที่เป็นปัญหาคือ ทุกฝ่ายต่างนำมาเป็นข้ออ้างเพื่อดูถูกหรือทำลายล้างอีกฝ่ายที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น ชาติพันธุ์ ลักษณะทางกายภาพ ภาวะทางเพศ ซึ่งในเรื่องนี้ ได้เอาความแตกต่างระหว่าง มนุษย์ และแม่มด มาใช้เป็นธีมหลัก
รวมถึงในเรื่องยังมีย้อนกลับไปเล่นเรื่องการล่าแม่มดที่เป็นบาปร้ายของคริสต์จักรและชาวคริสต์ในยุคกลาง และสังคมชาวตะวันตกเมื่อแรกเริ่มก่อตั้งชุมชนในสหรัฐอเมริกาหลายแห่งด้วย ว่าบาปของบรรพบุรุษเหล่านั้นมันส่งผลต่อเนื่องมาถึงคนรุ่นหลังได้มากขนาดไหน เพราะสาเหตุใหญ่ข้อหนึ่งที่ทำให้สังคมแม่มดและพ่อมดไม่ต้องการเปิดเผยตัวหรือข้องเกี่ยวกับสังคมมนุษย์มากนัก ก็เพราะเรื่องการล่าแม่มดที่เคยเกิดขึ้นในกรีนเดลในเรื่องนั่นเอง
นอกจากนี้ยังมีการสะท้อนเรื่องของการมองคนที่แตกต่างจากตนเอง การผลักคนกลุ่มน้อย คนที่แตกต่าง หรือคนตัวเล็กในสังคมออกไปจากการยอมรับของสังคมกลุ่มใหญ่ด้วย
จุดน่าที่น่าสนใจอีกอย่างคือ แท้จริงแล้วนี่เรื่อง Chilling Adventures of Sabrina เป็นซีรีส์ที่แตก Spin-off ออกมาจากเรื่อง Riverdale ซีรีสวัยรุ่นแนบสืบสวนลี้ลับชื่อดังของ Netflix ซึ่งในเรื่องมีการระบุไว้ชัดเจนว่า เมืองที่พวกซาบรีน่าอยู่ ก็คือเมืองเดียวกันกับเมืองที่พวกตัวเอกในเรื่อง Riverdale อาศัยอยู่นั่นเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น