รีวิว A Quiet Place - ดินแดนไร้เสียง
ก่อนดูก็เข้าใจว่ามันคงจะเป็นหนังเอาใจนักวิจารณ์ คงเฉลยออกมาแบบอุปมา ต้องตีความเชิงลึก เลยถูกใจนักวิจารณ์ถึงขนาดเทคะแนนให้กันแบบหมดใจ บนเว็บ rottentomatoes ก็ยืนคะแนนที่ 100% มานับเดือน ไม่มีนักวิจารณ์ให้คะแนนลบสักคนเดียว แต่พอได้ดูกลับผิดคาด มันคือหนังสยองขวัญเอาใจตลาดแบบจริงจัง ไม่ต้องวิเคราะห์ไม่ต้องตีความ ขายฉากสยองกันแบบตรงไปตรงมา เป็นหนังที่คอหนังสยองขวัญจะต้องพึงพอใจกันอย่างสุด ๆ ถ้าใครชอบฉากเงียบ ๆ ลุ้น ๆ A Quiet Place มีให้คุณแบบจุใจ ลากกันยาว ๆ เป็นชั่วโมงไปเลย รีวิว A Quiet Placeเรื่องย่อ
ภาพยนตร์ลุ้นระทึกและเขย่าขวัญ เล่าถึงครอบครัวหนึ่งที่ต้องใช้ชีวิตในความเงียบ ไม่ว่าจะกินเดินเล่นทำอะไรต้องระวังทุกอย่าง จะทำยังไงเมื่อภรรยาตั้งท้อง จะเลี้ยงทารกยังไงไม่ให้ส่งเสียงฯ เพราะหากมีเสียงใดเล็ดลอดออกมาจะโดนสิ่งมีชีวิตลึกลับออกไล่ล่าถึงตายทันที เอาใจช่วยพวกเขาหนีเอาตัวรอดไปวันๆ หรือหาวิธีต่อสู้กับมันให้ได้
เป็นหนังที่ควรดูในโรงที่สุด เพราะบรรยากาศเงียบกริบจนไม่กล้าเคี๊ยวป็อปคอร์น ไร้การพูดคุย บวกกับตัวหนังที่เงียบมากจะสร้างความระทึกอึดอัดให้กับคนดูเป็นสองเท่า
หนังเล่าเหตุการณ์สมมติในปี 2020 ครอบครัวแอบบอตต์มีพ่อแม่ลูกชาย ลูกสาว อาศัยอยู่ในฟาร์มข้าวโพด แต่ละวันต้องดำเนินชีวิตกันแบบไร้เสียง เพราะถ้ามีใครทำเสียงดังเจ้าสิ่งลึกลับดุร้ายมันจะบุกมาคร่าชีวิตพวกเขา แล้วด้วยพลอตที่ว่าเจ้าสิ่งลึกลับจะปรากฏตัวถ้ามีเสียงดังนี่ล่ะ เอามาขยายเป็นบทภาพยนตร์ที่ทำให้สนุกได้มาก หนังก็เลยใส่เหตุบังเอิญให้มีเสียงดังอยู่บ่อยครั้ง แล้วทั้งครอบครัวก็ต้องอยู่ในภาวะตระหนก เตรียมรับมือกับการมาของเจ้าสัตว์ลึกลับ
นอกจากหนังจะได้คะแนนจากเว็บไซต์วิจารณ์หนังชื่อดังค่อนข้างสูงแล้ว เชื่อว่าแฟนๆ ที่ได้ไปดูน่าจะเทใจออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่าห้ามพลาด ด้วยพล็อตเรื่องที่เราก็พอจะทราบว่าอยู่แล้วว่าตัวละครในเรื่องจะต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ความเงียบ เพื่อไม่ให้เอเลี่ยนจากต่างดาวได้ยินเสียง แน่นอนว่าหากมันได้ยินเข้าแล้วก็จะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ เนื่องจากมันจะจู่โจมอย่างที่เราไม่ทันตั้งตัว หรือแม้ว่าเราจะรู้ตัวและเตรียมตั้งรับแต่ก็ไม่อาจจะหลบหนีให้พ้นมันได้อยู่ดี
จากการเปิดเรื่องมาด้วยความเงียบสงัด ได้ยินแต่เสียงที่เกิดจากธรรมชาติเท่านั้น แล้วหนังก็ทำให้คนดูอย่างเราช็อกทันที เพราะการจู่โจมของเจ้าเอเลี่ยนตัวนี้ เรียกว่ามาแบบระทึกสุดๆ หลังจากนั้นมันก็ทำให้เรามีความรู้สึกเหมือนกับตัวละครในเรื่อง ทั้งอึดอัด หวาดระแวง (ประหนึ่งอยู่ในหนังจริงๆ) และแน่นอนว่ามันย่อมมีอุปสรรคเกิดขึ้น เมื่อ Evelyn ซึ่งรับบทโดย Emily Blunt ได้ตั้งท้องและใกล้จะคลอด
ต้องชื่นชม ไบรอัน วู้ด และ สก็อตต์ เบ็ค เจ้าของเรื่องและบทภาพยนตร์ ที่เล่าเรื่องได้สนุกน่าสะพรึงตลอด 90 นาที และที่ต้องชื่นชมสุด ๆ คือ จอห์น คราซินสกี ดาราตัวประกอบตลอดกาล ที่หลายคนน่าจะคุ้นหน้าเขา ที่มาจับงานกำกับเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 2 และกลายเป็นงานที่ก้าวกระโดดอย่างมาก จอห์น ไม่เพียงแต่กำกับ เขายังรับบทนำ และแก้ไขบทในร่างสุดท้ายด้วย
เป็นคนที่ได้ดีเพราะเมียจริง ๆ พาราเมาท์ทาบทามจอห์นมารับบทนำ เลยส่งบทมาให้เขาอ่านก่อน เอมิลี่ บลันต์ เมียในชีวิตจริงของจอห์น มาอ่านบทด้วยแล้วสนใจ เลยยื่นข้อเสนอกับพาราเมาท์ว่าเธอสนใจร่วมแสดงเรื่องนี้ด้วย เป็นข้อเสนอที่เรียกความสนใจพาราเมาท์ได้ดี เพราะชื่อเอมิลี่ บลันต์ ช่วยให้หนังดึงคนดูได้มากขึ้นแน่ แต่พาราเมาท์ต้องรับข้อแม้ว่า “ต้องให้จอห์น คราซินสกี สามีเธอรับหน้าที่กำกับด้วย” แม้ดูจะเป็นงานเสี่ยงกับดาราที่เคยมีผลงานกำกับหนังโรแมนติก-คอมมีดี้ มาแค่เรื่องเดียว แต่ผลที่ได้กลับได้รับเสียงตอบรับที่ดีเกินคาด
การเล่าเรื่อง
หนังเล่าเรื่องราวแบบก้าวกระโดดแต่ไม่ได้ทำให้เข้าใจยาก จากวันที่ 89 หลังวิกฤตการณ์ มาวันที่ 200 กว่า และสุดท้ายวันที่ 400กว่า แนะนำว่าหายใจให้ลึก ๆ ใน 30 นาทีแรก เพราะเมื่อเข้าวันสุดท้ายของเรื่อง คุณจะไม่ได้หายใจทั่วท้องอีกแล้ว บทหนังใช้เวลาครึ่งชั่วโมงแรก ให้หนัง HDทำความรู้จักตัวละครหลักทั้ง 4 ได้ลงลึกความสัมพันธ์ของพ่อแม่ลูก ปมในใจของแต่ละคน โดยมุ่งเน้นไปที่ความรักระหว่างพ่อและมิลลิเซนต์ที่นำมาขยี้ในช่วงหลังอย่างได้ผลชะงัดนักพอเข้าครึ่งหลัง หนังก็อัดวิกฤตการณ์ถาโถมเข้าใส่ครอบครัวแอบบอตต์แบบไม่ยั้ง ดูไปก็นึกไปว่าไอ้คนเขียนบทนี่มันใจร้ายกับตัวละครมาก อัดฉากลุ้นเกร็งกันแบบต่อเนื่อง ลุ้นแล้วลุ้นอีกยาว ๆ นับชั่วโมง เรียกว่าสะใจคอหนังสยองขวัญกันไปเลย แม้ในตัวอย่างหนังจะไม่เผยเจ้าตัวลึกลับให้เห็น แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ ไม่มีการเก็บงำหรือให้เห็นแวบ ๆ หรืออุบไว้มาเผยกันท้ายเรื่องแบบนั้น เจ้าตัวลึกลับนี่โผล่มาตั้งแต่ต้นเรื่องเลย แล้วตั้งแต่กลางเรื่องไป ก็ปรากฏโฉมกันให้เห็นแบบเต็มตัว โคลสอัปกันให้เห็นความน่าเกลียดน่ากลัวกันแบบชัด ๆ ยิ่งตัวร้ายของเรื่องน่ากลัวเพียงใด อรรถรสของหนังก็ยิ่งเข้มข้นมากขึ้นเท่านั้น
เอมิลี่ บลันต์ ทำหน้าที่ได้คุ้มค่าดาราใหญ่ครับ ฉากห้องใต้ดินนี่เป็นฉากของเธอจริง ๆ กับการที่ต้องแสดงความเจ็บปวดขั้นสุดออกทางสีหน้า แต่ไม่สามารถกรีดร้องได้ การถ่ายทอดทางสีหน้าอาการเข้าถึงคนดูอย่างเรา ๆ ได้จริงครับ ว่าเจ็บปวดเพียงใดต้องอดกลั้นขนาดไหน
มิลลิเซ็นต์ ซิมมอนด์ ในบทเรแกน ลูกสาวคนโตเป็นอีกคนที่น่าชื่นชมเพราะในบทเธอคือเด็กสาวที่หูหนวก และที่สำคัญมิลลิเซ็นต์เธอหูหนวกจริง ๆ เป็นบทที่สวนทางกับธีมของเรื่อง ในขณะที่พ่อแม่และน้องที่ประสาทหูปกติกลับต้องอยู่ในโลกเงียบ ๆ พูดคุยกันด้วยเสียงไม่ได้ แต่กับมิลลิเซ็นต์ที่ต้องติดอยู่ในโลกเงียบเพราะพิการหู กลับเป็นคนที่อยากได้ยินเสียงเหมือนพ่อแม่และน้อง หนังใช้ประโยชน์กับแคแรกเตอร์ที่เป็นสาวหูหนวกของเธอได้ดี ที่ต้องไปอยู่ใกล้ ๆ กับเจ้าสัตว์ร้ายแต่เธอก็ยังไม่ได้ยินเสียงว่ามันมาอยู่ใกล้ ๆ แล้ว ชวนลุ้นมาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น