วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2563

Lost in Space Season 2

 โปรแกรมหนัง

รีวิว Lost in Space Season 2 - ทะลุโลกหลุดจักรวาล ซีซั่น 2

หลังสร้างกระแสความสนุกจนกลายเป็นอีกหนึ่งซีรีส์ฮิตทาง Netflix จนได้มีซีซัน 2 ในวันนี้ สิ่งที่โดดเด่นมากสำหรับ Lost in Space คือการเป็นซีรีส์ไซไฟที่มีเนื้อหาด้านวิทยาศาสตร์ที่เข้มข้นกว่าหนังและซีรีส์เรื่องอื่นแต่อยู่ในโครงเรื่องแบบซีรีส์ผจญภัยดูสนุกควบคู่กับประเด็นดราม่าครอบครัวได้กลมกล่อมมากทีเดียว รีวิว Lost in Space Season 2

โดยหลังจากซีซันแรกที่ได้ปูให้เรารู้จักคาแรกเตอร์ของแต่ละคนในบ้านโรบินสันรวมถึง ดร.สมิธ ที่คราวนี้ถูกปรับให้มาเป็นผู้หญิงพร้อมเพิ่มความซับซ้อนและอุปนิสัยไม่น่าไว้ใจ แน่นอนว่ามาถึงซีซันนี้ึคนดูย่อมคาดหวังจะได้เห็นการผจญภัยที่น่าตื่นตามากขึ้น ซึ่งซีรีส์ก็จัดให้แบบเต็มคราบกันไปเลย

เรื่องย่อ

หลังครอบครัวโรบินสันระหกระเหินไปใช้ชีวิตยังดวงดาวที่มีแต่น้ำและอากาศเป็นพิษ พวกเขาจำต้องร่วมแรงร่วมใจกันเพือนำยานจูปิเตอร์ของพวกเขากลับเข้าสู่เรตโซลูต ยานขนส่งมนุษย์ไปยัง อัลฟ่าเซนธอร์ อาณานิคมในอวกาศให้ได้

โดยนอกจากภาระอย่าง ด็อกเตอร์สมิธ (พาร์คเกอร์ โพซีย์) มิจฉาชีพสาวจอมหักหลังที่พวกเขาต้องคุมตัวแลัวเหล่าสมาชิกในครอบครัวโรบินสันแต่ละคนก็ต้องก้าวข้ามปมในใจของตนไปให้ได้ทั้ง จอห์น (โทบี สตีเฟนส์) พ่อผู้เป็นที่พึ่งพาของทุกคนจนต้องเอาชีวิตรอดจากอันตรายต่าง ๆ นานาให้ได้

มัวรีน (มอลลี พาร์กเกอร์) กับความลับที่เธอเคยแลกให้วิลได้ขึ้นมาบนเรตโซลูตที่กลับมาหลอกหลอนเธออีกครั้ง, จูดี้ (เทย์เลอร์ รัสเซลล์) ลูกสาวคนโตที่ศรัทธากำลังถูกทดสอบอีกครั้งหลังค้นพบความลับของมัวรีน, เพนนี (มีนา ซันด์วอลล์) ที่ต้องก้าวข้ามความรู้สึกว่าตัวเองเป็นสมาชิกไร้ประโยชน์ของบ้านโรบินสันให้ได้ และวิล (แมกซ์เวลล์ เจนกินส์) กับสายสัมพันธ์กับหุ่นยนต์ที่เขาต้องออกตามหาเพื่อนรักไปจนสุดขอบจักรวาล

หลังสร้างกระแสความสนุกจนดูหนังกลายเป็นอีกหนึ่งซีรีส์ฮิตทาง Netflix จนได้มีซีซัน 2 ในวันนี้ สิ่งที่โดดเด่นมากสำหรับ Lost in Space คือการเป็นซีรีส์ไซไฟที่มีเนื้อหาด้านวิทยาศาสตร์ที่เข้มข้นกว่าหนังและซีรีส์เรื่องอื่นแต่อยู่ในโครงเรื่องแบบซีรีส์ผจญภัยดูสนุกควบคู่กับประเด็นดราม่าครอบครัวได้กลมกล่อมมากทีเดียว

โดยหลังจากซีซันแรกที่ได้ปูให้เรารู้จักคาแรกเตอร์ของแต่ละคนในบ้านโรบินสันรวมถึง ดร.สมิธ ที่คราวนี้ถูกปรับให้มาเป็นผู้หญิงพร้อมเพิ่มความซับซ้อนและอุปนิสัยไม่น่าไว้ใจ แน่นอนว่ามาถึงซีซันนี้ึคนดูย่อมคาดหวังจะได้เห็นการผจญภัยที่น่าตื่นตามากขึ้น ซึ่งซีรีส์ก็จัดให้แบบเต็มคราบกันไปเลย

เรื่องราว

เปิดมาตอนแรกครอบครัวโรบินสันก็เจอมหันตภัยของดาวเคราะห์ใหม่ที่พวกเขาต้องเผชิญทั้งมรสุมพิษ อากาศมรณะหนักข้อไปจนถึงต้องแปลงยานอวกาศให้กลายเป็นเรือใบแบบมิชชันอิมพอสซิเบิลเสียอีก และถ้ายังไม่รู้สึกว่ามันผจญภัยหรือน่าตื่นตาพอก็ขอบอกว่าแต่ละตอนไม่รู้ครอบครัวโรบินสันไปทำกรรมอะไรไว้ทั้ง หุ่นยนต์พิฆาต น้ำเปื้อนเคมีที่กัดกร่อนจนยานเรสโซลูตแทบพัง

อีกทั้งยังต้องไปเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดน้อง ๆ ทีเร็กซ์อีก เรียกได้ว่าผู้สร้างนี่แทบไม่ให้คนดูมีช่วงเบื่อเลยสักนิด จน 10 ตอนอาจจะจบลงแบบไม่รู้ตัวเลยทีเดียว ด้านนักแสดงก็ดูมีเสน่ห์มากขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว โดยหนุ่ม ๆ ก็น่าจะถูกใจกับสาวสวยทั้ง จูดี้ และ เพนนี หรือ สาว ๆ ก็น่าจะแบ่งทีมตาม แดดดี้ อย่าง จอห์น หรือ สายรักเด็กอย่าง วิล ที่คราวนี้นุ้ง แม็กซ์เวลล์ เจนกินส์ ก็เริ่มโตเป็นหนุ่มหล่อแล้วจนน่าจะอดดูไปกรี๊ดไปไม่ได้เลยทีเดียว

ซึ่งในซีซั่นสองนี้มีการต่อยอดเรื่องราวได้น่าติดตาม สนุก และไม่ค่อยมีช่วงน่าเบื่อเหมือนซีซั่นแรก ทำให้รู้สึกเพลินกับเนื้อเรื่องที่ดำเนินไปเรื่อยๆ มีปัญหาใหม่ๆให้แก้ มีความลับที่ค่อยๆคลายปม มีช่วงที่ทำให้ตื่นเต้น และลุ้นอยู่เป็นระยะๆ

เด็กๆครอบครัวโรบินสันทั้งสามคนอย่าง วิล, จูดี้ และเพนนีก็ดูเติบโตขึ้น เริ่มมีความคิดความอ่านเป็นของตัวเองมากกว่าเดิม และมีเหตุการณ์หลายๆอย่างที่ทดสอบความกล้าในตัวของพวกเขา รวมถึงเรื่องราวมากมายที่จะสอนให้ทั้งสามรู้จักการใช้ชีวิต ซึ่งยังคงอยู่ในสายตาพ่อแม่สุดแกร่งอย่าง เมอรีนและจอร์น ที่ยังเป็นเสาหลักที่ลูกๆสามารถพึ่งพิงได้อย่างสม่ำเสมอ (ถึงแม้จะต้องพึ่งลูกบ้างก็ตาม)

ด้านตัวละคร

ในด้านตัวละครใหม่ๆก็เข้ามามีบทบาทไม่ใช่น้อย และตัวละครเก่าๆที่มีการพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัดคือ ดร.สมิทช์ ที่ตลอดทั้งซีซั่น เราจะเห็นว่าเธอจะดูเป็นคนดีบ้าง จะดูร้ายก็ร้ายบ้าง ซึ่งเปลี่ยนจากตัวละครนิสะยร้ายๆ และน่ารำคาญในซีซั่นแรก มาเป็นตัวละครน่าสนใจ ที่ต้องคอยจับตามองมากที่สุด

ว่ากันถึงพัฒนาการตัวละคร สิ่งที่ต้องชื่นชมเลยคือการสานต่อประเด็นหลาย ๆ อย่างที่ปูไว้จากซีซันก่อน ทั้งปมครอบครัวแตกแยกที่คราวนี้ มัวรีน และ จอห์น ต้องปรับความเข้าใจกันและเชื่อใจกันให้มากกว่าครั้งไหน ๆ และต่อให้ มัวรีน จะเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่เก่งเพียงใดแต่ในมุมมองคนเป็นแม่ ซีรีส์กลับให้ภาพที่ดูเป็นมนุษย์มาก ๆ

เช่นตอนที่เธอต้องรับมือกับอาการน้อยอกน้อยใจของเพนนีที่มักไม่ค่อยได้รับความไว้วางใจจากครอบครัว หรือต้องตอบคำถามด้านจริยธรรมจากจูดีที่ส่งผลต่อบทสรุปของซีซันนี้ เรากลับเห็นมัวรีนเป็นทุกข์เป็นกังวลและไม่อาจคำนวนคำตอบของการเป็นแม่ที่ดีได้ด้วยสูตรทางคณิตศาสตร์ใด ๆ ได้เลย ส่วน จูดี้ คราวนี้ก็ได้โอกาสมีบทบาทกับเรื่องราวมากขึ้น

โดยเฉพาะตอนที่เธอต้องไปช่วยเหลือจอห์นให้ทันก่อนพิษบาดแผลจะพรากพ่ออีกคนของเธอไปตลอดกาล เราจะเห็นการแสดงของ เทย์เลอร์ รัสเซลล์ ที่โดดเด่นมาก ๆ ยิ่งผสานกับเรื่องราวในแฟลชแบ็กที่ย้อนให้เห็นว่า จอห์น และ จูดี้ ผูกพันกันแค่ไหนก็ยิ่งทำให้เราอดลุ้นตามไม่ได้ แต่ที่ต้องชื่นชมทีมเขียนบทมาก ๆ คือการเอาเรื่องราวของพ่อแท้ ๆ ของจูดี้มาสานต่อในซีซันนี้ได้อย่างน่าสนใจ

ด้านการถ่ายทำ

อย่างแรกที่เราจะได้เห็นคือคุณภาพการถ่ายทำ ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพภาพ มุมกล้อง บทตัวละคร รวมถึงสเปเชียลเอ็ฟเฟ็คที่ทำออกมาได้ดี ดีกว่าหนังไซไฟหลายๆ เรื่องด้วยซ้ำครับ โดยเฉพาะชุดอวกาศที่ดูเข้ากับเนื้อเรื่อง เนื่องจากมนุษย์ยังไม่ได้มีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอะไรมากนักในตอนนั้น

โลเคชั่นที่ใช้ในการถ่ายทำดูน่าสนใจ ทั้งฉากทะเลบนดาวอื่น รวมถึงฉากหุบเขาบนดาวเคราะห์ที่คล้ายโลก ต้องบอกว่าทำออกมาได้ดีกว่าที่คิดครับ โปรดักชั่นผ่าน ดูเพลิน

ถือเป็นอีกเรื่องที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีการถ่ายทำโปรแกรมหนัง ไม่ว่าจะเป็น 4K, HDR(Dolby Vision) และDolby Atmos ถ้าอุปกรณ์ที่เราใช้ดูรองรับ จะสามารถรับชมประสบการณ์ได้เต็มที่ โดยเฉพาะใครที่ดูผ่านมือถือที่รองรับทั้ง 4K HDR และ Dolby Atmos จะฟินมากครับ

รีวิว Lost in Space Season 2

Lost in Space จากซีซั่น 1 ไป ซีซั่น 2

เนื่องจากเป็นการรีวิวรวบสองซีซั่น การดำเนินเรื่องของซีรีส์นี้ถือว่าคงเส้นคงวา มีแนวทางที่ถูกวางไว้ว่าจะเป็นซีรีส์หลายซีซั่น ด้วยเป้าหมายเดียวกันคือเดินทางไปยังดาว Alpha Centauri ทำให้การคุมโทนของทั้งสองซีซั่นทำได้ดี และรู้สึกถึงความต่อเนื่องไม่สะดุด โดยเฉพาะยิ่งใครดูแบบยาวจากซีซั่น 1 จะยิ่งดี เป็นอีกอันที่ผมว่าเหมาะกับการใช้เวลาว่างในวันหยุดยาวนั่งดูรวดเดียว

และดูแล้วเป็นไปได้ว่าเราน่าจะได้เห็นซีซั่น 3 ต่อจากนี้ด้วยเช่นกันครับ แม้ว่า Netflix จะยังไม่ยืนยัน แต่ดูจากตอนจบแล้วผมคิดว่าน่าจะได้ไปต่อ

สรุป

โดยรวมแล้ว Lost in Space ในซีซันที่ 2 นี้ก็ช่วยให้เรื่องราวของครอบครัวโรบินสันน่าสนใจและชวนติดตามอย่างต่อเนื่อง ด้วยเรื่องราวที่เข้มข้นแบบแทบไม่มีช่วงชวนลำไย และคาแรกเตอร์ที่คราวนี้เราเริ่มจะรักตัวละครแต่ละตัวมากขึ้นก็ทำให้มันเหมาะมากที่จะเป็นซีรีส์มันส์ ๆ ดูในช่วงวันหยุดยาวส่งท้ายปีแบบนี้ได้ดีทีเดียว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น