วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2563

Black Mirror Season 3

ดูหนัง HD

รีวิว Black Mirror Season 3 - ชุบชีวิตขึ้นมาอีกครั้งบน Netflix

ในโอกาสที่ Black Mirror ถูกชุบชีวิตขึ้นมาอีกครั้งเพื่อให้โลดแล่นบนแพลตฟอร์มอย่าง Netflix (และเป็นการชุบชีวิตที่น่าประทับใจมาก เพราะมาทีเดียวถึง 6 ตอน – ทั้งหมดมาพร้อมกันในวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา) จึงได้โอกาสที่ผมจะมารีวิว Black Mirror เพื่อ “ขาย” ซีรีส์เรื่องนี้ให้กับคุณอีกครั้ง หากคุณยังไม่เชื่อจากการขายครั้งเก่าก่อน รีวิว Black Mirror Season 3

เรื่องย่อ

ซีรีส์ที่ทำหน้าที่เหมือนกระจก มันคอย ‘ส่อง’ ให้เราเห็นด้านมืดของเทคโนโลยี มันทำหน้าที่นี้ได้ดีมาโดยตลอดผ่านทางเรื่องเล่าที่แต่ละตอนไม่เกี่ยวเนื่องกัน ดูในลำดับไหนก็ได้ แต่ทั้งหมดเล่าเรื่องเดียวกัน คือเล่าว่าหากเทคโนโลยีดำเนินไป ‘เกินการควบคุม’ ของมนุษย์แล้ว ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร

ในซีซั่นแรกและซีซั่นที่สองมันพูดถึงสังคมโซเชียลเนตเวิร์ก มันพูดถึงการรักษาความทรงจำให้ย้อนกลับไปดูเมื่อไรก็ได้ มันพูดถึงเรียลลิตี้โชว์และการโหวต และมันพูดถึงการพยายามเหนี่ยวรั้งใครสักคนจากความตาย – เพื่อผู้ที่ยังยืนหยัดอยู่บนโลกมนุษย์

ในซีซั่นสามนี้ ผู้สร้างคนเดิม (คือ ชาร์ลี บรูกเกอร์ Charlie Brooker – ซึ่งทำหน้าที่เขียนบททุกตอนด้วย) กลับมาพร้อมกับการวิพากษ์สถานการณ์ใหม่ๆ อีกหกตอน โดยในหกตอนนี้จะมีการโยกย้ายโลเคชั่นจากที่เคยเซ็ตอยู่ในสหราชอาณาจักรอย่างเดียว ปรับเปลี่ยนมาเป็นโซนอเมริกาบ้างในบางตอน (เพราะมันจะฉายลง Netflix ด้วย จึงต้องทำให้เข้าถึงได้มากขึ้น)

การอยู่ในแพลตฟอร์มที่ใหญ่ขึ้นนี้ไม่ได้เปลี่ยนเพียงโลเคชั่นของซีรีส์เท่านั้น แต่ขณะที่ชมยังอดรู้สึกไม่ได้ว่าซีซั่นสามทั้งซีซั่นถูก americanize หรือ ‘ทำให้เป็นอเมริกัน’ มากขึ้น การทำให้เป็นอเมริกันมากขึ้นนี้นอกจากเรื่องของวัฒนธรรมแล้ว ยังหมายถึงว่า ซีรีส์มีการเล่าที่เป็นอเมริกันมากขึ้นด้วย จากซีรีส์ที่เคยฉาบประเด็นในแต่ละตอนอยู่บางๆ และคนดูต้อง ‘เข้าใจเอง’ หรือ ‘คิดในส่วนที่เหลือเอง’ ในซีซั่นสามในหลายตอน Black Mirror กลับเลือกที่จะขีดเส้นใต้ย้ำประเด็นเดิมให้ชัดเจนจนแทบไม่ต้องตีความอะไร
นี่เป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย เป็นข้อดีที่ทำให้ ‘เข้าถึงง่าย’ ขึ้นอย่างที่บอกไปแล้ว – แต่ก็อาจเป็นข้อเสียตรงที่มันจำกัดพื้นที่ในการตีความเกินไป

เมื่อคุณขีดเส้นใต้ประเด็นเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า คุณก็จะพบว่าแทนที่การสื่อสารในประเด็นนั้นจะทรงพลังขึ้น แต่มันกลับอ่อนแอลง

มาดูกันดีกว่าว่า ในซีซั่นสามนี้ Black Mirror เล่าอะไรบ้าง

Episode 1 Nosedive

ตั้งคำถามต่อ ‘สังคมติดการรีวิว’ ว่าถ้าวันหนึ่งในอนาคต พวกเราแต่ละคนรีวิวกันได้ และคะแนนรีวิวส่วนตัวของพวกเรากำหนดสิทธิในการเข้าถึงทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งการทำงาน ทั้งการพักผ่อน ทั้งที่อยู่อาศัยและการเดินทาง ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เราจะ ‘บ้า’ คะแนนจนไม่เป็นอันทำอะไรนอกจากนั่งดูและทำทุกสิ่งเพื่อให้ได้คะแนนสูงๆ หรือไม่ และการทำเช่นนั้นจะเป็นการทำลายความเป็นมนุษย์ของเราไปหรือเปล่า

Episode 2 Playtest 

ปัจจุบันเราได้ยินคำว่า Virtual Reality หรือความจริงเสมือนบ่อยครั้ง หลายคนอาจเคยลองเล่นเกมที่ใช้ VR ผ่านทางอุปกรณ์อย่าง Oculus Rift หรือ PlayStation VR มาแล้ว คนที่ลองดูหนัง HDแล้วมักบอกกันว่า ‘แทบแยกไม่ออกว่าที่เห็นนั้นเป็นความจริงหรือเป็น CG’ ใน Black Mirror ตอนนี้ ผู้สร้างพยายามขยับ ‘การแยกไม่ออก’ นี้ไปจนสุดทาง โดยสมมติเรื่องเล่าของชายคนหนึ่ง ที่จับพลัดจับผลูได้เป็น Playtester (ผู้ทดสอบเกม) ความจริงเสมือนล้ำยุค ที่ล้ำจนแยกไม่ออกว่าอะไรจริงอะไรปลอมอีกต่อไป – และขอบเขตของความเป็นจริงอยู่ตรงไหนกันแน่ ในตอนนี้เวลาดูจะให้ความรู้สึกว่าดูหนังสยองขวัญอยู่

Episode 3 Shut Up and Dance

ความปลอดภัยทางไซเบอร์ส่วนบุคคลเป็นเรื่องสำคัญ แต่เราก็มักจะละเลยไปเพราะคิดว่าภัยคงไม่มาถึงตัว ทว่า หากคุณได้ดู Shut Up and Dance คุณก็จะอาจจะตระหนักถึงปัญหาที่ถูกเพิกเฉยมาโดยตลอดนี้อีกครั้ง ต่างจาก Episode อื่นๆ, Shut Up and Dance เล่าถึงสถานการณ์ที่อาจเกิดได้ในวันนี้ ตอนนี้ และอาจจะเกิดขึ้นกับใครก็ได้ – มันเล่าเรื่องของเด็กชายคนหนึ่งที่ถูกแฮกเกอร์ล้วงเอาฟุตเทจส่วนตัวที่น่าอับอายไปผ่านทางกล้องที่ติดกับคอมพิวเตอร์ พวกมันใช้ฟุตเทจนี้เป็นเครื่องมือต่อรองให้เขาทำงานที่ซับซ้อนและเสี่ยงอันตรายขึ้นเรื่อยๆ มิฉะนั้นจะปล่อยวิดีโอไปเกลื่อนอินเทอร์เนต จนกระทั่ง…

Episode 4 San Junipero

จริงๆ ต้องไม่เล่าเรื่องย่อของ Episode นี้เลย คุณถึงจะดูได้สนุก – เอาเป็นว่าขอเล่าเฉพาะที่เรื่องย่ออย่างเป็นทางการให้มาแล้วกัน เขาบอกว่าตอนนี้เซ็ตอยู่ในแถบแคลิฟอร์เนียปี 1987 ที่เมือง ซาน จูนิเพโร่ ที่เป็นเมืองชายทะเลอบอวลไปด้วยอารมณ์รักสนุก ที่เมืองแห่งนี้ ยอร์กี้ สาวน้อยท่าทางเนิร์ดคนหน่ึงได้พบกับ เคลลี่ สาวห้าวผิวสี และได้พัฒนาความสัมพันธ์กัน – มันเป็นความสัมพันธ์ที่ดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงทั้งกาลเวลา และความเป็นจริงได้เลยทีเดียว – แต่เปลี่ยนอย่างไร คุณต้องดูเอง

Episode 5 Men Against Fire

เป็นการบอกเล่าเรื่องราวของการรบสมัยใหม่ ที่หน่วยรบจะถูกฝังชิปเข้าไปในก้านสมองเพื่อให้เห็นข้อมูลต่างๆ ช่วยประกอบการตัดสินใจ ที่สนามรบแห่งนี้สไตรป์ ทหารใหม่ จะต้องร่วมมือกับหนังถ่ายทอดสดกองกำลัง เพื่อปกป้องชาวบ้านจากเหล่ามิวแทนท์ที่มีชื่อว่า ‘Roach’ เมื่อดูจบ คุณอาจรู้สึกว่าการต่อสู้ครั้งนี้ทำให้เราเห็นความเป็นจริงของสงครามในปัจจุบัน

Episode 6 Hated in the Nation 

นี่เป็นตอนที่ยาวมาก ยาวถึง 90 นาที คือเรียกว่าเป็นหนังโรงได้เลย หาก Black Mirror คิดจะทำหนังแนวสืบสวนสักตอน นี่ก็คงเป็นคำตอบ มันเล่าถึงอนาคตอันใกล้ สองตำรวจสาวต้องหาเหตุผลและตัวการในคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง ที่ผู้ตายเป็น ‘เหยื่อการล่าแม่มด’ ในโซเชียลมีเดียทั้งสิ้น

รีวิว Black Mirror Season 3

สรุปโดยรวม

Black Mirror ยังเป็นซีรีส์ที่ดีสม่ำเสมอ ถึงแม้ซีซั่นนี้จะ ‘เดาทางได้’ หรือ ‘ย้ำประเด็นเดิมซ้ำๆ’ ไปบ้าง แต่ในแวดวงซีรีส์ทั้งหมด นี่ก็ยังถือเป็นซีรีส์แถวหน้าที่ทำหน้าที่เตือนภัยสังคมในเรื่องเทคโนโลยีได้อย่างไม่มีรายการทีวีไหนทำได้เทียบเท่า แนะนำให้ดูด้วยประการทั้งปวง และถึงแม้มันจะดาร์กไปบ้าง จะนัวร์ไปหน่อย ก็ขอให้คิดว่าเป็นความประสงค์ดีของชายซาดิสม์ที่ชื่อชาร์ลี บรูคเกอร์ ก็แล้วกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น