รีวิว Black Mirror Season 2 - เทคโนโลยีด้านมืด...กลับมาแล้ว
การกลับมาครั้งนี้ออกมาดีเยี่ยมตามมาตรฐานที่ทำไว้กับ Season 1 โดยซีรีส์ชุดนี้ได้ยกระดับมากยิ่งขึ้นในทุกตอน แม้จะมีผิดฟอร์มไปบ้าง แต่ปัญหาอันนั้นได้ถูกกลบลงในตอนสุดท้ายอย่าง White Christmas รีวิว Black Mirror Season 2เรื่องย่อ
การกลับมาของซีรีส์การถ่ายทอดความดำมืดของเทคโนโลยี ซีรีส์แห่งจินตนาการ โดย Netflix Series ว่าด้วยถึงผลเสียของเทคโนโลยีมันเป็นอย่างไรบ้าง นอกเหนือจากประโยชน์ที่เรามักจะมองข้ามสิ่งอื่นไป ขอเชิญทุกคนเข้าสู่กระจกอันมืดมิด ที่จะสะท้อนความจริงให้คุณเห็น ณ บัดนี้Episode 1 : Be Right Back
ตอนเปิดของซีรีส์ Black Mirror Season 2 นี้เป็นเหมือนการเริ่มต้นจากตอน The Entire History of You เพราะเป็นการเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความรักเช่นเดียวกัน เพียงแต่เรื่องราวนี้เกี่ยวกับ Martha หญิงสาวที่มีความรักกับ Ash ชีวิตของเธอมีความสุขเป็นอย่างดี จนกระทั่ง Ash ได้ประสบอุบัติเหตุ ชีวิตคู่ที่เคยหอมหวานกลับกลายเป็นมืดหม่น แต่แล้วมีเทคโนโลยีหนึ่งที่จะแก้ไขปัญหา นั่นคือ การใช้ AI สร้างชีวิตคนรักขึ้นมา นี่คือเรื่องย่อสำหรับตอนแรกนะครับตามความรู้สึกผมพบว่า มันรู้สึกหน่วง ๆ อยู่บ้าง สำหรับตอนนี้มีการเล่าประเด็นความรักของคนที่ต้องสูญเสียคนรักแบบกระทันหันได้อย่างถึงอารมณ์ มันให้อารมณ์เศร้าและเข้าใจความรู้สึกของ Martha อย่างชัดเจน เรียกว่าด้านการถ่ายทอดอารมณ์ออกมาดีมาก หากใครเคยเลิกกับแฟนไปจะเข้าใจได้อย่างดี
เพราะอารมณ์ค่อนข้างใกล้เคียงกันเป็นอย่างมาก แม้เราจะไม่อยากให้เขาไป แต่เราไม่สามารถรั้งเขาเอาไว้ได้ แม้อยากจะคุยด้วยเท่าไร…มันก็ทำได้เพียงมองรูปความทรงจำเก่า จะคุยยังคุยด้วยไม่ได้ด้วยซ้ำ มันตอกย้ำการเล่นประเด็นการจากลาได้เห็นภาพชัดเจนมาก คนเราหากยังไม่พร้อมโลกมันก็เหมือนถูกย้อมสีหม่นไปหมด
สรุป
นอกจากข้อดีของตอนเปิดตัวนี้คือการถ่ายทอดอารมณ์ที่ดี คงต้องบอกเลยว่ามันคือการที่ซีรีส์ยังคงเปิดตัวได้อย่างดีตามมาตรฐาน ความน่าสนใจของเรื่องราวแม้จะไม่ดูแปลกใหม่ แต่เราก็รู้สึกติดตามดูหนังเรื่องราวอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีข้อเสียตรงเรื่องการถ่ายทอดเรื่องราวที่ดูเป็นเส้นตรงเกินไป เรียกว่าเราสามารถคาดเดาฉากต่อไปได้ตลอดทั้งเรื่อง นั่นส่งผลให้ความว้าวและเสน่ห์ได้จางหายไป นั่นทำให้เป็นสิ่งที่น่าเสียดายมาก หากในตอนนี้มีบทและการเล่าเรื่องที่เฉียบคมกว่านี้ นี่คงจะกลายเป็นอีกหนึ่งตอนชั้นยอดของซีรีส์เลยละEpisode 2 : White Bear
เรื่องย่อ หลังการนำร่องอย่างสวยสดงดงาม เรามากันที่ตอนที่สองของซีรีส์ ในตอนนี้มีเรื่องราวเกี่ยวกับ Victoria หญิงสาวคนหนึ่งที่ตื่นขึ้นมาในบ้านแปลกประหลาดหลังหนึ่ง เมื่อเธอเดินออกมาจากบ้านหลังนั้น มันเหมือนจุดเริ่มต้นของเรื่องราวประหลาด ไม่มีใครคุยกับเธอ…พวกเขาถือโทรศัพท์ถ่ายเธออย่างต่อเนื่อง และมีผู้คนจำนวนหนึ่งไล่ล่าเธออย่างต่อเรื่อง เกมไล่ล่าได้เริ่มต้นขึ้นกับเธอตามความรู้สึกของผมนะครับ พบว่า….รู้สึกลุ้นสุด ๆ ไปเลย เรียกว่าหากซีซัน 2 มีตอนไหนที่มีความบันเทิงแนวระทึกขวัญมากที่สุดต้องบอกว่าเป็นตอนนี้เลยครับ มันให้ความรู้สึกลุ้นระทึกและตื่นเต้นตลอดช่วงเวลากว่า 42 นาที ภายในเรื่องราวมีความรู้สึกชวนสงสัยในสมองของเราอย่างต่อเนื่อง เครื่องหมายคำถามเกิดขึ้นในหัวเราอย่างต่อเนื่อง
มันเหมือนเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดขึ้นในหนังประเภทนี้ ความสงสัยจำนวนมากก่อให้เกิดความอยากรู้ของเราอย่างต่อเนื่อง และมันถูกการดำเนินเรื่องที่เข้มข้นทำให้เราไม่มองมันเป็นข้อเสียไป เรียกว่าความรู้สึกเหมือนเรากำลังร่วมกับตัวละครอย่างต่อเนื่อง เรารู้สึกเอาใจช่วยให้เธอมีชีวิตรอดจากสถานการณ์ตรงหน้านี้ไปให้ได้ นั่นถือว่าเป็นสิ่งที่สอบผ่านขั้นต้นของหนังระทึกขวัญเลยละครับ หากผู้ชมรู้สึกลุ้นระทึกกับมันได้ถือว่าผ่านมาตรฐาน
สรุป
ในส่วนจุดด้อยของตอนนี้จะพูดในสปอยล์นะครับ หากจะบอกย่อคือ…ในส่วนจุดด้อยคือการที่เรื่องราวดูไม่สมเหตุสมผลและจัดวางเกินไป เหมือนตามมาตรฐานของหนังระทึกขวัญทั่วไป ในการเล่าเรื่องราวมีการคุมโทนมาตลอดทั้งเรื่องเพื่อรอคอยบทสรุปหนึ่งที่น่าสนใจเอาไว้ ด้วยความที่มันเหมือนระเบิดเวลาที่รอการปะทุบอกเลยว่าส่วนที่ดีที่สุดของตอนนี้คือบทสรุปครับ ช่วงองค์ 3 เป็นเหมือนการตีทุกประเด็นให้เป็นเสี่ยง เปลี่ยนตอนที่เหมือนจะเป็นจุดด้อยของทั้งเรื่องให้กลายเป็นส่วนประกอบชั้นดีเลยละครับ มันเหมือนกับการที่มีการผสมส่วนผสมเล็กน้อยหลายส่วนเข้าด้วยกัน ซึ่งผลสรุปสุดท้ายมันคือการตีเข้าด้วยกัน สู่บทสรุปที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
Episode 3 : The Waldo Moment
หลังรักษามาตรฐานได้เป็นอย่างดีมาสองตอนติด ตอนที่สามจึงถูกผมตั้งความหวังไว้สูงมาก ว่ามันจะมีอะไรน่าสนใจและเซอร์ไพซ์เราได้บ้าง หากนับตั้งแต่เริ่มต้นมาซีรีส์ชุดนี้ยังไม่มีตอนที่น่าผิดหวังเลยแม้แต่ตอนเดียว ทำให้ตอนนี้น่าจับตามองเป็นพิเศษ สำหรับตอนนี้เรื่องย่อ ตัวการ์ตูนหมีที่ชื่อ Waldo เริ่มจากการเป็นตัวการ์ตูนรายการตลก แต่ต่อมาทางบริษัทได้เริ่มขยายเรื่องราวดังกล่าวให้ใหญ่ขึ้น ขยายให้ Waldo ซึ่งมีการควบคุมโดย Jamie กลายเป็นหนึ่งในผู้สมัครเลือกตั้งเขต มันจะเกิดผลกระทบอย่างไรบ้างกับคนในเหตุการณ์ เมื่อตัวการ์ตูนมีอิทธิพลมากยิ่งขึ้น
สำหรับความรู้สึกหลังดูนะครับ พบว่า…เอิ่ม..เรื่องราวของตอนนี้แฝงไปด้วยความตลกบันเทิงมากมาย เรียกว่าความตลกอาจจะมากที่สุดในบรรดาซีรีส์ชุดนี้เลยก็ว่าได้ การเล่าเรื่องเรียกว่าเต็มไปด้วยความป็อปคอร์นอย่างเต็มขั้น เรารู้สึกเพลิดเพลินไปกับเรื่องราวได้อย่างไม่ยากนัก
เรื่องราวมีความย่อยง่ายอย่างต่อเนื่อง การสร้างสรรค์เรื่องราวแห่งความสุขและโปรแกรมหนังสอดแทรกด้วยมุกตลกร้าย มันทำให้ตอนนี้มีเสน่ห์โดยไม่รู้ตัว ด้วยเสน่ห์นี้เองทำให้ตัวละครอย่าง Waldo กลายเป็นสิ่งที่น่าจดจำ และคิดว่าคงเป็นหนึ่งในตัวละครที่มีเอกลักษณ์ที่สุดภายในเรื่องได้ไม่ยากนัก
สรุป
สำหรับข้อเสียคงต้องบอกเลยเกี่ยวกับความนุ่มลึกของภายในตอนที่จะกลวงเหลือเกิน กลวงเสียจนประเด็นภายในเรื่องเหมือนจะเจาะจงไปที่ Waldo เพียงอย่างเดียว ตัวละครคนควบคุมและพากย์อย่าง Jamie ก็มีการกล่าวถึงนัก แต่ตัวละครอื่นภายในเรื่องมันไม่มีการสานต่อเอาเสียเลยนั่นส่งผลให้มิติของตัวละคร สภาพสังคมภายในเรื่องเหมือนการจับวางไปเสียทั้งหมด จับวางจนเรื่องราวดูไม่สมจริงและให้เราอินเสียเลย ความรู้สึกมันเหมือนเราดูรายการ TV ที่จบก็จบกันไป มันไม่ได้มีความรู้สึกอยากดูอีกครั้งเสียเลย ตัวละครนอกเหนือจากที่ได้กล่าวไป มันพร้อมจะลืมไปเสียทั้งหมด
Episode 4 : White Christmas
แล้วก็มาถึงตอนสุดท้ายของซีรีส์ชุดนี้นะครับ อย่างซีซันแรกก็มีการปิดฉากด้วยตอนที่ดีสุดอย่าง The Entire History of You ไป แม้ผมจะค่อนข้างผิดหวังกับตอนที่สามอย่าง The Waldo Moment แต่ก็คิดว่าตอนสุดท้ายต้องมีอะไรบางอย่างที่น่าสนใจแน่นอน แม้นี่จะเป็นตอนพิเศษมากกว่า เพราะห่างจากตอนสามนับปีเลยละครับ ตอนสามออนแอร์วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2013 แต่ตอนสุดท้ายของซีซันออนแอร์วันที่ 16 ธันวาคม 2014เรื่องย่อ ซึ่งในตอนนี้จะพูดถึงเรื่องราวการใช้เทคโนโลยีทั้งสามอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการใช้เทคโนโลยีในการจีบหญิง, การใช้เทคโนโลยีในการสร้างความสะดวกสบายขึ้นมา มีอะไรเป็นเบื้องหลังอยู่ และหากการบล็อคในโลกออนไลน์มีอยู่จริง มันจะเกิดอะไรขึ้นนะ…
สรุป
จากความรู้สึกของผมเลยนะครับ พบว่า ยอดเยี่ยมครับ ไร้ที่ติเลยละครับ มันเป็นส่วนผสมที่ออกมาอย่างลงตัวเป็นอย่างมาก ลงตัวเสียจนอยากให้มันถูกถ่ายทอดในรูปแบบภาพยนตร์ใหญ่เลยละ เพราะองค์ประกอบที่มันจะกลายเป็นภาพยนตร์ที่ดีมันมีเยอะมากเลยละครับ ไม่ว่าจะเริ่มตั้งแต่บทที่เฉียบคมการดำเนินเรื่องที่มีความน่าสนใจ การวางจุดสงสัยได้อย่างถูกจุด และการคลายปมที่ออกมาในช่วงที่เหมาะในช่วงเวลาต่าง ๆ ภายในเรื่องได้จนเกินคาด รวมถึงบทสรุปที่ทำเอาตอนสองของซีซันนี้อย่าง White Bear กลายเป็นเพียงน้ำจิ้มบทสรุปเท่านั้น แต่นี่เป็นของจริงเลยละครับ ทุกการดำเนินเรื่องไม่มีสิ่งใดเปล่าประโยชน์เลยแม้แต่น้อย รวมถึงการรววม Easter Eggs ของซีรีส์ชุดนี้ไว้ในตอนเดียวได้ บอกเลยว่าอยากกลับไปรับชมตั้งแต่ซีซันแรกใหม่เลยละ
อีกประเด็นที่น่ากล่าวถึงตอน White Christmas คือการเล่นประเด็นต่าง ๆ ได้อย่างถึงพริกถึงขิง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเทคโนโลยีแต่ละเรื่อง มันมีความลึกให้เราได้เห็นสภาพจิตใจของตัวละครอยู่เสมอ จนเราไม่อยากจินตนาการเลย…ว่าหากเรากลายเป็นตัวละครเหล่านั้นขึ้นมา เราคงจะรู้สึกเช่นไร
มันคงจะเป็นความรู้สึกเจ็บช้ำมากเอาแน่ คงเกินที่จะรับมันไว้ได้ไหว มันไม่ได้แค่ประเด็นเทคโนโลยีเท่านั้น มันยังรวมถึงสภาพสังคม กฏหมาย และความสัมพันธ์ของคนเราอีกด้วย นั่นทำให้เป็นหนึ่งในตอนที่ประเด็นครบถ้วนเป็นอย่างมาก ไอเดียฉลาดหลักแหลมจนทำให้เรารู้สึกว้าวกับมันโดยไม่รู้ตัว
สรุปโดยรวมทั้งหมด
โดยสรุปแล้ว Season 2 ของซีรีส์แห่งความดำมืดของเทคโนโลยี การกลับมาครั้งนี้ออกมาดีเยี่ยมตามมาตรฐานที่ทำไว้กับ Season 1 โดยซีรีส์ชุดนี้ได้ยกระดับมากยิ่งขึ้นในทุกตอน แม้จะมีผิดฟอร์มไปบ้างในตอนที่ 3 อย่าง The Waldo Moment แต่ปัญหาอันนั้นได้ถูกกลบลงในอีก 3 ตอนที่เหลือโดยเฉพาะตอนสุดท้ายอย่าง White Christmas หากตอนนี้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์แทน เสริมด้วยเรื่องราวที่มีความเข้มข้นมากกว่านี้ ได้ผู้กำกับระดับ A List อย่าง Christopher Nolan, Ryan Johnson, David Fincher หรือ Jordan Peele มาเป็นคนกุมบังเหียน บอกเลยว่า…มันสามารถเข้าชิงรางวัลสายภาพยนตร์ได้เลยละครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น