รีวิว The Stranded - เคว้ง
เคว้ง (The Stranderd) ซีรีส์ไทยเรื่องแรกที่ Netflix ออกทุนสร้างให้ กำกับโดย โสภณ ศักดาพิศิษฏ์ ผู้กำกับลัดดาแลนด์กับเขียนบทชัตเตอร์ ก็ถือว่าชั้นแนวหน้าของเมืองไทย เป็นเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนนักเรียน 36 คนที่่รอดชีวิตจากภัยพิบัติสึนามิในหมู่เกาะแห่งทะเลอันดามันเหตุการณ์ปริศนามากมายเกิดขึ้นบนเกาะและความช่วยเหลือยังคงมาไม่ถึง รีวิว The Stranded - เคว้งเรื่องย่อ
หลังสึนามิซัดงานปาร์ตีฉลองจบการศึกษาทิ้งให้นักเรียนโรงเรียนไฮโซต้องใช้ชีวิตแบบไร้เทคโนโลยีหรือกระทั่งสิ่งอำนวยความสะดวกใด ๆ และเมื่อภัยร้ายจากสิ่งลี้ลับมาเยือน พวกเขาจึงเริ่มหาทางออกจากเกาะ แต่ในขณะเดียวกันก็เริ่มเกิดอาการแปลก ๆ กับ คราม (ปภังกรณ์ ฤกษ์เฉลิมพจน์) นักเรียนท้องถิ่นที่พ่อได้มอบของขวัญชิ้นสุดท้ายไว้ให้ก่อนตาย นำมาซึ่งการค้นหาคำตอบถึงตัวตนของเขา และความลับของเกาะปินตูเป็นโพรเจกต์ที่ทำคนไทยไฮป์มาตั้งแต่ปีที่แล้ว หลังเอริกา นอร์ธ ผู้ดูแลคอนเทนต์เอเซียประกาศว่า Netflix กำลังจะทำออริจินัลซีรีส์ไทย 2 เรื่องคือ อุบัติการณ์ โดย วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง และ สิทธิศิริ มงคลศิริ และ เคว้ง โดย โสภณ ศักดาพิศิษฎ์
ซึ่งได้ลงสตรีมแล้วเมื่อวานเป็นตอนแรก จำนวน 7 ตอน สำหรับซีซันที่ 1 ซึ่งตอนแรกผมเองก็ยอมรับเลยว่าด้วยข้อมูลที่ได้มาคงคาดหวังอะไรไม่น้อยไปกว่า ความสยองขวัญ บวกความลึกลับรสชาติจัดจ้านแบบ คั่วกลิ้งแดนใต้ หร่อย ๆ แต่แล้วเมื่อภาพและตัวอย่างซีรีส์ปล่อยออกมา ก็ต้องเบนความคาดหวังตัวเองใหม่เพราะคราวนี้ ความจริงปรากฏว่า โพรเจกต์ ดันมีเครดิตสร้างสรรค์โดย คริสเตียน เดอร์โซส์ ที่มาร่วมงานกับทีมงานไทย
โดยมี เอกชัย เอื้อครองธรรม ผู้กำกับไทยที่ไปทำหนังสิงคโปร์จนโด่งดัง ดังนั้นซีรีส์จึงถูกปรุงผัดราดซอสเสียใหม่กลายเป็นซีรีส์ฝรั่งที่เอาคนไทยเล่น แต่แอบโรยเครื่องปรุงโอท็อปฉบับนาดาวบางกอกแทน และผลลัพธ์ก็ต้องบอกว่า มันไม่ใช่อาหารที่ถูกปากทุกคนแน่ ๆ
เรื่องราว
ตัวซีรีส์เปิดมาได้น่าสนใจมากด้วย ฉากวินาศสันตะโร อย่างสึนามิถล่มเกาะปินตู ที่ยอมรับเลยว่าจากรอบกาลาที่ได้ชมในโรงสยามภาวลัย ที่พารากอนซีนีเพล็กซ์ คือรู้สึกตื่นตาตื่นใจจริง ๆ แต่หลังจากผ่านฉาก “ขาย” ไปแล้ว เรื่องราวก็เริ่มดำเนินไปสู่อภิมหาความ “เอ๊ะ! คุ้น ๆ จากเรื่องไหนน้า” แบบช่วยไม่ได้ โดยนอกจากเรื่องราววัยรุ่นฮอร์โมนพลุ่งพล่าน ที่มีทั้งฉากบดจูบถอดโชว์ชั้นในเซ็กซี่แบบ PG-13 แล้วซีรีส์ก็ประเคนทุกสิ่งที่เห็นกันได้ในซีรีส์ยุคนี้ ทั้งความสัมพันธ์แบบ LGBTQ ตัวละครอันธพาลเลือดร้อน-เห็นแก่ตัว ตัวละครขี้อิจฉา หรือกระทั่งมหาหัวเน่าในห้อง ซึ่งที่ว่าไปหากนึกชื่อซีรีส์แนว ๆ ดิสโทเปียวัยรุ่นคล้ายกันที่ดังสุดก็หนีไม่พ้น The 100 เพียงแต่ เคว้ง เปลี่ยนจากการปล่อยวัยรุ่นจากอวกาศมาอยู่บนโลกหลังล่มสลาย มาเป็น ปล่อยเด็กติดเกาะเท่านั้นเอง แต่หากจะว่าเคว้งไปก็อปมาเลยก็คงไม่ใช่ เพราะพลอตแบบนี้ก็มีเยอะ และจะว่าไป เคว้ง ก็เอาตัวรอดได้ด้วยตัวละครหน้าตาดี และ คาแรกเตอร์ มีสีสัน แม้ว่าจะแสดงอาการแบบ “วัยรุ่นเมกัน” จนดูแปร่ง ๆ ไปบ้างก็ตาม
แต่สิ่งที่ดูไปแล้วคุ้นอย่างบอกไม่ถูกคือเรื่องราวดูหนัง HDในส่วนของสิ่งลี้ลับบนเกาะนี่แหละ ที่ต้องบอกว่าหากตัดความครีเอทีฟในส่วนของคาแรกเตอร์ คราม ออก คือมันแทบจะถอดพิมพ์เขียวของ LOST ซีรีส์ทริลเลอร์ขึ้นหิ้งของ เจ เจ เอบรามส์ ที่ว่าด้วยเรื่องราวของผู้โดยสารเครื่องบินตกที่ต้องติดเกาะและมีเผชิญสิ่งลี้ลับเหมือนกัน
แบบยิ่งดูแต่ละเหตุการณ์คือเกือบจะทับรอยกันได้สนิทเลย แบบมาเต็มทั้ง ดอปเพลแกงเงอร์ (Doppelgänger) หรือตัวเราอีกคน , มิติคู่ขนาน การถอดรหัสจากของที่เจอ หรือกระทั้งการเล่าเรื่องที่ “ยืม” มาใช้ ตั้งแต่แฟลชแบ็กอธิบายที่มาที่ไปของตัวละคร หรือกระทั่งประเด็นรักสามเส้าระหว่าง คราม อนันต์ และ เมย์ ก็แทบถอดมาจาก แจ็ก เจมส์ และ เคต ก็ไม่ปาน
ซึ่งยอมรับว่าการสร้างห่างจาก LOST มาร่วม 9 ปีก็พอทำให้คนดูรุ่นใหม่ ๆ คิดว่าได้ดูสิ่งที่ออริจินัล แต่ขอโทษเถอะ แฟน ๆ LOST เขาอินกับปริศนาหนังถ่ายทอดสดแบบนี้มาเป็น 10 ปีแล้วจ้า แต่ยอมรับว่า งานกำกับของ จิม โสภณ ก็ยังพอทำให้เห็นมุมมองใหม่ ๆ อยู่บ้างนะ ที่สำคัญดูสนุกอยู่ แม้ว่ากว่าจะเครื่องติดก็ปาไปตอน 4 แล้วก็ตามนะ
นักแสดง
ด้านนักแสดง สังเกตได้อย่างนึงว่า พอหัวขบวนมาจากบ้าน GDH559 แม้ว่าจะทำงานภายใต้นายจ้างร่วม GMM Bravo และ Netflix ก็ตาม แต่เราจะสังเกตสูตรสำเร็จที่ติดมา ซึ่งก็ถือว่ายังเป็นสูตรที่ชาญฉลาดอยู่ คือดัน นักแสดงใหม่ ๆ และเหล่าไอดอลนาดาว มาเจอกับ รุ่นเก๋า ซึ่งก็นำทีมโดย สินจัย เปล่งพานิช ในบทครูหลินที่ทำเสียวสันหลังวาบทุกครั้งที่โผล่มา พี่เมฆ วินัย ไกรบุตร ที่เล่นบทพ่อแบบออกไม่เยอะแต่คุณภาพทุกซีน หรือกระทั่ง คู่สามี-ภรรยา ศรันยู – หัทยา วงศ์กระจ่างในบทพ่อแม่ อนันต์ ที่ก็น่าประทับใจไม่แพ้กันแต่สำหรับนักแสดงนำรุ่นใหม่แล้ว ยังไม่เห็นเสน่ห์เปล่งประกายเท่าใดนัก บีม ปภังกร ยังไม่ทำให้เรารู้สึกพิเศษเหมือนปมที่ตัวละครต้องหาคำตอบ ส่วน แพท-ชญานิษฐ์ ในบทเมย์ ยังพอทำให้เรารู้สึกถึงความกดดันที่เธอเผชิญและสร้างความน่าเห็นใจให้ตัวละครได้บ้าง เสียดายเพียง มาร์ช จุฑาวุฒิ ที่ได้บทท้าทายเหลือเกินแต่แอ็กติงของเขายังติดบ่วงจาก ฮอร์โมน อยู่เลย
ส่วนนักแสดงที่ประทับใจเป็นพิเศษหนีไม่พ้น ธิชา วงศ์ทิพย์กานนท์ ในบทหญิง ที่เรียกได้ว่าร้อนแรงตั้งแต่ต้นซีซันด้วยเลิฟซีนกับหนุ่ม แจ็ค กิตติศักดิ์ ปฐมบูรณา ในบทไอซ์ วัยรุ่นที่มีปมผิดบาปในใจ โดยบท หญิง แม้ว่าจะเริ่มต้นด้วยการเป็นแฟนเซอร์วิสให้คนดูหนุ่ม ๆ แต่การแสดงของ ธิชา ก็ค่อย ๆ เปิดเปลือยปมในใจอย่างเป็นธรรมชาติ แม้ดราม่าจะน้อยแต่เล่นได้คุณภาพทีเดียว
- บีม ปภังกร รับบทเป็น คราม , มาร์ช จุฑาวุฒิ รับบทเป็น อนันต์
- แพต ชญานิษฐ์ รับบทเป็น เมย์ , แจ็ค กิตติศักดิ์ รับบทเป็น ไอซ์
- นก สินจัย รับบทเป็น ครูหลิน , โอบ โอบนิธิ รับบทเป็น โจอี้
- ธิชา รับบทเป็น พี่หญิง , ชาลี ชาลีดา รับบทเป็น อริสา
- นิ้ง ชัญญา รับบทเป็น น้ำ
สรุป
ส่วนตัวถือว่า “เคว้ง” ทำออกมาน่าผิดหวังถ้าเทียบกับทุนสร้างระดับ Netflix ซึ่งไม่รู้ว่าเท่าไหร่ แต่ผู้กำกับให้สัมภาษณ์ว่าเอื้อให้มากที่สุดตั้งแต่ทำซีรีส์ไทยมา ซึ่งหนังก็ใช้ประโยชน์ตรงนี้ในตอนแรกได้ดี แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีการโชว์อะไรเพิ่มอีก รวมๆ แล้วก็ไม่ได้ออกมาดูอินเตอร์มาก ถ้าไม่บอกว่าทุน Netflix ก็ยังคิดว่าระดับงานค่ายดังๆ ในไทยก็ทำแบบนี้ได้เช่นกัน (ซึ่งบางเรื่องงานสร้างดูแพงกว่าด้วยซ้ำ) แต่ในฐานะที่เป็นเรื่องแรกก็ถือว่าเสมอตัวให้ผ่านได้ แนะนำให้ลองดูกันอยู่ ซึ่งหนังวางตัวว่าต้องทำต่อซีซั่น 2 ด้วยแน่ๆ แต่ก็ต้องรอเน็ตฟลิกซ์ไฟเขียวกันอีกครั้งครับเอาเป็นว่าใครจะดู เคว้ง ก็แนะนำให้ปล่อยใจไปกับเรื่องราวเลย ซึ่งเหล่าวัยรุ่นหน้าตาดี พร้อมปมการก้าวข้ามวัยแม้ไม่ใหม่แต่ก็นำเสนอได้หนักแน่นอยู่ โดยอาจต้องมองข้ามตรรกะในการดำเนินเรื่องไปบ้าง ทั้งอาหาร น้ำสะอาด ที่ดูมีใช้แบบไม่เดือดร้อนกันเลย ฮ่าาาา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น