วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2563

Detective Conan Zero the Enforcer

หนัง HD

รีวิว Detective Conan Zero the Enforcer - โคนัน เดอะมูฟวี่ 22 ปฏิบัติการสายลับเดอะซีโร่

สำหรับ โคนัน เดอะ มูฟวี ภาคนี้ได้รับการจับตามองจากแฟนนักสืบจิ๋วเป็นพิเศษ เนื่องจากกระแสตอบรับในญี่ปุ่นนั้นถือว่าพุ่งกระฉูดกลายเป็นมูฟวีที่ทำรายได้มากที่สุดของโคนันทุกภาคในบ็อกซ์อ็อฟฟิศญี่ปุ่น กระแสแรงชนิดที่ว่าก้าวขึ้นมาเป็นภาพยนตร์ทำเงินอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นในช่วงครึ่งปีแรกเลย รีวิว Detective Conan Zero the Enforcer

เรื่องย่อ

สิ่งก่อสร้างใหม่ "Edge of Ocean" ที่ตั้งอยู่ที่อ่าว Tokyo กำลังจะเป็นสถานที่จะงานประชุมครั้งใหญ่ในวันที่ 1 พฤษภาคม โดยมีกำลังตำรวจคอยรักษาความปลอดภัยอยู่ถึง 22,000 นาย แต่กลับเกิดการระเบิดขึ้น โดย ณ จุดเกิดเหตุมีคนเห็น Amuro Tooru ด้วยเหตุนั้นทำให้ Conan อดสงสัยกับเหตุการณ์และตามสืบพฤติกรรมที่น่าสงสัยของ Amuro

ในครั้งนี้ลอยนิ้วมือที่ถูกพบในที่เกิดเหตุระบุว่าคนร้ายคือ Mouri Kogoro ผู้ที่เคยมีชื่ออยู่ในกรมตำรวจ ทำให้ Conan และ Amuro ได้เริ่มต้นสืบสวน และ Conan ได้รับรู้เกี่ยวกับคดีที่น่าประหลาดเมื่อ 4 ปีที่แล้ว นั่นคือ Amuro ได้บังคับให้คนร้ายฆ่าตัวตาย

ในขณะที่มีการลงมติสั่งฟ้อง Kogoro ก็ได้มีเหตุก่อการร้ายเกิดขึ้นหลายแห่งใน Tokyo และเมื่อ Conan กับ Amuro กำลังเข้าใกล้แผนสมคบคิดที่อยู่ในคดีครั้งนี้ ทำให้พวกเขารู้ว่า วันที่มีการประชุมเป็นวันเดียวกับยาน "Hakuchou" ได้จบภารกิจบนดาวอังคารและกำลังเดินทางกลับโลก ไม่รู้ว่าเหตุการณ์นี้มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิดครั้งนี้หรือไม่? แล้ว Amuro ไว้ใจได้หรือเปล่า?

สำหรับ โคนัน เดอะ มูฟวี ภาคนี้ได้รับการจับตามองจากแฟนนักสืบจิ๋วเป็นพิเศษ เนื่องจากกระแสตอบรับในญี่ปุ่นนั้นถือว่าพุ่งกระฉูดกลายเป็นมูฟวีที่ทำรายได้มากที่สุดของโคนันทุกภาคในบ็อกซ์อ็อฟฟิศญี่ปุ่น กระแสแรงชนิดที่ว่าก้าวขึ้นมาเป็นภาพยนตร์ทำเงินอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นในช่วงครึ่งปีแรกเลย

สำหรับเนื้อหาในภาคนี้จะเริ่มต้นจากสถานที่จัดงานประชุมสุดยอด Tokyo Summit ซึ่งมีชื่อว่า Edge of Ocean แลนมาร์คแห่งใหม่ขนาดยักษ์ริมอ่าวโตเกียว เกิดระเบิดครั้งใหญ่ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยจากตำรวจกว่า 2 หมื่นนาย และเบาะแสจากระเบิดในคืนนั้นได้มีพยานพบเห็นบุคคลปริศนาคล้ายกับ อามุโร่ โทรุ เจ้าหน้าที่หน่วยงานลับของสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือ ‘เซโร่’

ซึ่งเป็นหน่วยงานคอยควบคุมและสั่งการตำรวจรักษาความมั่นคงทั่วประเทศ และเมื่อโคนันกำลังเริ่มทวีความสงสัยในตัวของ อามุโร่ ขณะเดียวกันหลักฐานจากที่เกิดเหตุกลับพบลายนิ้วมือของ โมริ โคโกโร่ ผู้เคยมีชื่ออยู่ในกรมตำรวจ ทำให้โคโกโร่ ถูกจับกุมและสั่งฟ้อง

หลังจากนั้น โตเกียวก็เกิดเหตุก่อการร้ายอีกหลายจุด ซึ่งหน่วยตำรวจความมั่นคงยังอยู่ในสภาวะเมาหมัดและเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามทั้งในแง่ของเป้าหมายและแรงจูงใจที่แท้จริงของผู้ก่อการร้าย ทั้งหมดยังเป็นปริศนาดำมืด! นอกจากนี้หลังจากที่มีการสืบค้นคดีลงลึกไปเรื่อย ๆ ก็พบว่าวันที่มีการเปิดประชุมสุดยอดนั้นตรงกับวันที่ยานสำรวจไร้คนขับที่ชื่อว่า ‘หงส์ขาว’ ซึ่งเพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจจากดาวอังคารมีกำหนดกลับโลกในวันเดียวกันอย่างน่าประหลาด

จุดที่เป็นไฮไลท์คือ นี่เป็นการเผชิญหน้ากันเต็มตัวครั้งแรกของ โคนัน และ อามุโร่ ซึ่งอย่างที่เราพอทราบกันว่าเขาเป็นหนึ่งในสมาชิกขององค์กรชุดดำภายใต้โค้ดเนม ‘เบอร์เบิร์น’ และภาคนี้ต้องบอกว่าออร่าของ อามุโร่ โดดเด่นกว่าเมื่อตอนที่ ฮัตโตริ เฮย์จิ ประกบกับโคนันเสียอีก

สำหรับเนื้อหาภาค Zero the Enforcer จะเป็นคดีสืบสวนที่เน้นไปแตะเรื่องหลักกฏหมายของญี่ปุ่นเป็นหลัก ๆ 80% เลย ต้องใช้สมาธิพอตัวในการดู ไม่งั้นอาจหลุดและตามความคิดตัวละครไม่ทัน ซึ่งพาร์ทการสืบสาวเรื่องราวนั้นก็ถือว่ายังทำได้ตามมาตรฐานของโคนันที่ผ่านมา

แต่ที่เพิ่มเติมมาคือ ฉากแอ็คชันที่จะบอกว่านี่คือ 20% ของหนังที่กลายมาเป็นจุดพีคระดับเล่นใหญ่เวอร์วังสุด ๆ ยิ่งกว่าภาคไหน ๆ ที่เคยดูมา คือถ้าคิดว่าที่ผ่านมาโคตรเวอร์แล้ว ขอให้มาดูภาคนี้เสียก่อน เล่นเอาทั้งทึ่งทั้งฮาไปหลายฉากเลย (ยิ่งกว่า The Fast and Furious!)

และที่เป็นของแถมสมนาคุณไปยังคนดูในภาคนี้เลยเห็นจะเป็นฉากชวนจิ้นของหลาย ๆ ตัวละคร และโดยเฉพาะ โคนัน กับ อามุโร่ นี่แหละที่ยังแอบมีความวายพ่วงมาด้วย (ในชีวิตเพิ่งเคยเห็น-ฮา) สรุปแล้ว เป็นมูฟวี่ที่ยังเอนเตอร์เทนและเซอร์วิสแฟน ๆ ดีเยี่ยมเช่นเคย

วิจาร์ณ

สิ่งที่หลายๆ คนควรจะทราบกันก่อนก็คือ สำหรับเนื้อเรื่องภาคนี้ให้ลืมเรื่องราวของชายชุดดำไปก่อนครับ ภาคนี้เนื้อหาจะเกี่ยวข้องกับกองตำรวจความมั่นคงต้นสังกัดของอามุโร่และแทบไม่มีความเกี่ยวข้องกับชายชุดดำเลย (ซึ่งจุดนี้ทำให้หลายๆ คนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เพราะตอนที่ได้ข่าวว่าอามุโร่เป็นตัวเด่นในภาคนี้ ก็นึกว่าจะได้เห็นตัวคนของอามุโร่ในหลากหลายมิติ ไม่ใช่ในด้านตำรวจอย่างเดียว) ซึ่งเนื้อหาในช่วงแรกนั้นเป็นเหมือนการชิงไหวชิงพริบระหว่างอามุโร่และโคนัน แต่ไปไปมามาดูเหมือนว่าอามุโร่จะกลายเป็นลูกไล่โคนันไปเฉยเลย

อีกจุดหนึ่งก็คือ โทนเรื่องของโคนันมูฟวี่ภาคนี้ดูแตกต่างจากภาคอื่นๆ พอสมควร ตรงที่ปกติโคนันมูฟวี่ภาคอื่นมักจะเล่นใหญ่รัชดาลัยทั้งแอ๊คชั่นระเบิดกันตูมตาม แต่ภาคนี้แม้จะเล่นใหญ่ (แถมเล่นใหญ่ออกอวกาศไปถึงองค์การนาซ่า ที่ในเรื่องเรียกนาซูกันเลยด้วย) แต่เนื้อเรื่องส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การสืบสวนมากกว่าครับ

ด้านเนื้อเรื่อง

ภาคนี้ซึ่งปมหลักจะออกแนวดราม่ามากกว่าแอคชั่น แต่หนังก็ยังยัดฉากแอคชั่น ฉากชวนซึ้ง ที่มีในมูฟวี่แทบทุกภาคลงมา ทำให้มันดูเลื่อนลอย และไม่สมเหตุสมผลเกินไป จนทำให้ช่วงท้ายแทบจะเป็นหนังตลกและไม่ได้ลุ้นตาม เพียงแต่เราจะรู้สึกว่า เออ…เพื่อให้ครบตามสูตรเดอะมูฟวี่ของโคนันนะ มันจะต้องมี 1 2 3 4 ตามนี้ ซึ่งเนื้อหาในเรื่องมันไม่ควรจะมีเลย แต่หนังภาคนี้ก็ยังยึดติดสูตรสำเร็จแบบเดิม ทั้งที่ปมหลักของภาคสามารถฉีกไปเป็นหนังที่ดีกว่าการเดินตามรอยความสำเร็จแบบเดิมๆที่ทำมาแล้ว 21 ครั้งก่อนหน้านี้ (ภาคนี้เป็นโคนันเดอะมูฟวี่ ภาคที่ 22)

ฉากแอ๊กชั่น

ส่วนฉากแอ๊กชั่นนั้นมีแค่ช่วงต้นเรื่อง(นิดเดียว) กับช่วงท้ายเรื่อง รวมแล้วน่าจะราว 20% เท่านั้นครับ แม้จะดูน้อยไปสำหรับหนังโรงโคนัน แต่ฉากแอ๊กชั่นก็มีอะไรให้รู้สึกว้าวอยู่เหมือนกัน หนัง HDและมันทำให้เนื้อเรื่องในส่วนสืบสวนดูเด่นและมีน้ำหนักเหตุผลขึ้นด้วย โดยเฉพาะเรื่องกระบวนการของระบบอัยการและตำรวจญี่ปุ่น ที่ไม่ค่อยได้เห็นในโคนันภาคปกติสักเท่าไหร่
รีวิว Detective Conan Zero the Enforcer

ซึ่งในส่วนการสืบคดีในภาคนี้ เนื่องจากว่าตาลุงโมริโดนจับตั้งแต่ต้นเรื่อง ก็เลยทำให้โคนันได้โชว์เด่นแบบเต็มๆ ไม่ต้องพึ่งพาปืนยาสลบไปยิงใครให้เสียเวลา แต่จิกหัวใช้ตาอามุโร่ตรง ๆ เลย ซึ่งในช่วงแรกเหมือนว่าตาอามุโร่จะหลอกใช้โคนัน แต่กลายเป็นว่าในช่วงหลังโคนันนี่แหละเป็นฝ่ายควบคุมอามุโร่อีกต่อหนึ่ง ซึ่งการเดินเรื่องชิงไหวชิงพริบแบบนี้ไม่ค่อยได้เห็นในโคนันมูฟวี่สักเท่าไหร่

และถึงแม้การเดินเรื่องของภาคนี้ดูเหมือนจะเป็นเส้นตรงแบบไม่ซับซ้อนอะไร แต่สุดท้าย ภาคนี้ผมเดาตัวคนร้ายผิดครับ! เคยคิดว่าคนร้ายภาคนี้เดาง่ายเพราะเหมือนจะไม่มีอะไรหักมุมสักเท่าไหร่ แต่ก็เดาผิดจนได้ (ฮา) แต่มันก็สมเหตุสมผลนะครับสมกับที่ค่อยๆ ไล่น้ำหนักประเด็นมาตั้งแต่ต้นเรื่อง เพียงแต่เว็บสตรีมหนังถ้าเทียบกับโคนันมูฟวี่ภาคอื่นๆ ผมว่าภาคนี้ยังไม่โดนใจสักเท่าไหร่ อาจเพราะคาดหวังในบางประเด็นไว้ค่อนข้างมากก็เป็นได้

ส่วนงานภาพผมก็รู้สึกว่า มันดูดรอปลงยังไงก็ไม่รู้สิเมื่อเทียบกับภาคก่อน..หรือเพราะภาคก่อนมันสวยเกินไปก็ไม่รู้ (ฮา) ถ้าถามตัวผม ผมชอบภาคที่แล้วมากกว่านะ แต่ภาคนี้มันก็ดูลงตัวในอีกแนวทางหนึ่ง เพียงแต่อาจจะรู้สึกไม่คุ้นเคยสักเท่าไหร่

สรุป

โดยรวมผมคิดว่าแฟนการ์ตูนโคนันก็ยังดูเพลินๆไปกับหนังภาคนี้ได้ครับ แต่ผมแอบขัดใจเองในหลายๆประเด็นมากๆ แม้จะเข้าใจว่าเป็นการ์ตูนที่เริ่มปรับตัวให้เด็กลงก็ตาม คือหลายๆฉาก ผมคิดว่าถ้าผมเด็กกว่านี้ก็น่าจะลุ้นและสนุกไปด้วยได้มากกว่านี้ แม้หนังจะดูไม่สมเหตุสมผลก็ตาม แต่พอคิดว่ามันเหมือนหนังพยายามจะทำตามรอยเดิมๆ ทำให้รู้สึกว่าหนังยัดเยียดเกินไปหน่อยน่ะครับ

ปล.เห็นบ่นๆ แบบนี้ หนังโคนันภาคนี้ เป็นภาคที่ประสบความสำเร็จสูงสุดนะครับ ทำสถิติเก็บรายได้ไปกว่า 8500 ล้านเยนทีเดียว

ปล.2 ทั้งที่เนื้อเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวของรันแบบเต็มๆ แต่ภาคนี้กลับไม่มีซีนสวีทๆ ระหว่างรันกับชินอิจิเลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น