วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2563

The Nun - เดอะ นัน

ดูหนัง HD

รีวิว The Nun - เดอะ นัน

เรื่องที่ 5 ในจักรวาล the conjuring หลังจากดึงตุ๊กตาผีแอนนาเบลล์ มาเป็นภาคแยกไป 2 เรื่อง ก็ถึงคราวของ ผีแม่ชี ที่ไปสร้างความน่ากลัวจนเป็นที่จดจำใน The Conjuring 2 (2016) ผีแม่ชี ก็เลยได้เป็นผีตัวที่ 2 ที่ได้มีเรื่องราวภาคแยก ที่พาผู้ชมย้อนอดีตไปดูความเป็นมาของผีแม่ชีตัวนี้ และตัวต่อไปที่จะมีเรื่องราวภาคแยกของตัวเองก็คือ The Crooked Man ผีชุดแดงถือร่มที่โผล่มา 2 ฉากใน The Conjuring 2 เช่นกัน รีวิว The Nun

เรื่องย่อ

เรื่องราวของแม่ชีคนหนึ่งในศาสนจักรแห่งโรมาเนีย, นักบวช (รับบทโดย Demian Bichir) ผู้รับรู้อดีตสุดสยองขวัญและคำสัตย์สาบานสุดท้ายของเธอ (รับบทโดย Taissa Farmiga) เขาได้ถูกส่งไปยังวาติกัน เพื่อสืบหาสาเหตุทั้งหมด ที่นั่นพวกเขาได้ค้นพบกับคำสั่งอันดำมืด ที่เกี่ยวพันกันไม่ใช่แค่โชคชะตาของพวกเขา แต่เป็นโชคชะตาของวิญญาณทุกดวง ที่ต้องเผชิญหน้ากับแรงอาฆาตสุดร้ายแรง จากปีศาจแม่ชีที่เราได้พบกันครั้งแรกใน The Conjuring 2 และนี่จะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นท่ามกลางสมรภูมิระหว่างชีวิตและคำสาปแช่ง

เรื่องที่ 5 ในจักรวาล the conjuring หลังจากดึงตุ๊กตาผีแอนนาเบลล์ มาเป็นภาคแยกไป 2 เรื่อง ก็ถึงคราวของ ผีแม่ชี ที่ไปสร้างความน่ากลัวจนเป็นที่จดจำใน The Conjuring 2 (2016) ผีแม่ชี ก็เลยได้เป็นผีตัวที่ 2 ที่ได้มีเรื่องราวภาคแยก ที่พาผู้ชมย้อนอดีตไปดูความเป็นมาของผีแม่ชีตัวนี้

และตัวต่อไปที่จะมีเรื่องราวภาคแยกของตัวเองก็คือ The Crooked Man ผีชุดแดงถือร่มที่โผล่มา 2 ฉากใน The Conjuring 2 เช่นกัน แม้ว่า เจมส์ วาน ผู้ให้กำเนิดจักรวาล The Conjuring ไม่ได้มากำกับ แต่ก็ยังเป็นคนเขียนเรื่องร่วมกับ แกรี่ เดาเบอร์แมน ที่เพิ่งมีผลงานสุดฮิตอย่าง “IT” และเจมส์ ก็ยังนั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการสร้าง และมาช่วยในขั้นตอนถ่ายทำซ่อมด้วย

เรื่องราวของ The Nun พาเราย้อนไปในปี 1952 ในทรานซิลวาเนีย ,โรมาเนีย ที่วิหารโบราณในป่าลึก มีแม่ชีสาวแขวนคอตาย ซึ่งเป็นเรื่องผิดบาปมากในคริสตจักร เรื่องราวรู้ไปถึงสำนักวาติกัน จึงส่งบาทหลวงเบิร์ค พระนักสืบไปลงพื้นที่เพื่อหาเบาะแสการตายของแม่ชี พร้อมกับ ซิสเตอร์ไอรีน แม่ชีฝึกหัดให้ไปเป็นผู้ติดตามและคอยช่วยเหลือ

ทั้งคู่ยังได้แฟรนชี่ หนุ่มผู้ชำนาญพื้นที่ไปคอยส่งและรับนักบวชทั้งสอง แต่ก็ต้องตกกระไดพลอยโจนอยู่เผชิญความน่ากลัวในวิหารร้างนั้นไปด้วย ทั้ง 3 ยิ่งตามสืบก็ยิ่งเจอเรื่องราวขนหัวลุกมากมาย ก่อนที่จะได้เผชิญหน้ากับ “วาลัก” ที่ปรากฏกายในร่างผีแม่ชี ผู้อยู่เบื้องหลังการฆ่าตัวตายของแม่ชีสาว และทั้ง 3 ก็ต้องร่วมมือกันยับยั้งแผนการร้ายของมัน

บทหนังฝีมือของ แกรี่ เดาเบอร์แมน ทำได้ดีในเรื่องการเพิ่มเติมความลึกลับซับซ้อนเข้าไปในเรื่องราวสยองขวัญ ช่วยเสริมให้ The Nun ดูมีความแตกต่างจากหนังในครอบครัว The Conjuring ที่ไม่ได้ขายความสยองกันอย่างเดียว แต่มีการคลี่คลายปริศนาการฆ่าตัวตาย สืบหาจุดประสงค์ของวาลักที่มุ่งโจมตีเหล่าแม่ชีในวิหารแห่งนี้ และถอดปริศนาหาอาวุธมากำราบผีแม่ชี

แต่ถึงแม้จะมีเรื่องราวการผจญภัยและปริศนามาสอดแทรก แต่เรื่องความสยองก็ไม่ได้น้อยลงไป 90 นาทีของหนังอัดความสยองมาแบบเต็ม ๆ เพราะหนังไม่ได้มีแค่ผีแม่ชีตามชื่อเรื่องเท่านั้น ยังมีผีเด็ก ผีแม่ชีสาว ที่สยดสยองไม่แพ้กัน แล้วก็ออกมาถี่ ๆ เสียด้วย เป็นหนังผีที่ผีดุ ผีออกถี่ แทบไม่ให้ได้พักหายใจ
ส่วนที่มีผลต่อความสยองของ The Nun อย่างมากคือการเลือกโลเคชั่น ที่ยกกองถ่ายกันไปถึงโรมาเนียจริง ๆ แล้วที่่น่าชื่นชมมากคือการไปเสาะหาเจอวิหารร้างแห่งนี้ แค่เห็นภายนอกก็ดูน่ากลัวแล้ว และเป็นวิหารที่ดูน่ากลัวจริง กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญที่เพิ่มความน่ากลัวให้กับ The Nun ด้วยความเก่า และทางเดินมืด ๆ หลายซอกหลายหลืบ มีที่ให้ผีแอบเต็มไปหมด

ผีใน The Nun เลือกจะมาในสไตล์ผีซ่อนแอบมากกว่าผีตุ้งแช่ ซึ่งฉากตุ้งแช่ก็มีแต่ไม่เน้น แต่มักจะมาแบบโผล่ตรงนั้น ตรงนี้ แต่พอหันก็หายไป เล่นกับฉากให้ลุ้นกลัวตกใจเสียมากกว่า แต่งานเมคอัปผสมกับงานซีจี ก็สร้างสรรค์ภาพลักษณ์ของผีแต่ละตัวออกมาได้น่ากลัวดี

ตัวละครหลักในหนังมีแค่ 3 คน คือบาทหลวงเบิร์ค , ซิสเตอร์ไอรีน และ แฟรนชี่ ที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นพระเอกของเรื่องและเป็นตัวชงมุกให้หนังช่วยผ่อนคลายได้มาก ทั้ง 3 ทำหน้าที่เป็นตัวละครหลักและเหยื่อในคราเดียวกัน เพราะครึ่งหลังทั้ง 3 แยกย้ายกัน แต่ก็โดนผีหลอกด้วยกันทั้งหมด

ก็เลยได้ดูฉากผีหลอกทั้ง 3 คนสลับกันไปมา และทั้ง 3 ก็ยังเดินตามสูตรบังคับของหนังสยองขวัญคือการขาดต่อมความกลัว ยิ่งเห็นไรแวบ ๆ ได้ยินเสียงแปลก ๆ ในยามค่ำคืน แต่กลับต้องเดินเข้าไปหาแล้วก็เจอดี หัวใจหลักของเรื่องอีกคนก็คือ บอนนี่ แอร์รอน เจ้าของบท “ผีแม่ชี” คนเดิมตั้งแต่ The Conjuring 2 เป็นนักแสดงที่หน้าตาน่ากลัวอยู่แล้วเป็นทุนเดิม เหมาะมากกับบทนี้ ทีมงานเมคอัปก็น่าจะชอบเพราะไม่ต้องเสริมเติมแต่งอะไรมากก็น่ากลัวเลย

The Nun ยังคงเป็นหนังสยองขวัญที่รักษามาตรฐานของจักรวาล The Conjuring ไว้ได้ คอหนังสยองขวัญดูได้ไม่ผิดหวัง ถึงไม่เคยดูหนังในจักรวาล The Conjuring มาเลยสักเรื่อง ก็สามารถดูได้รู้เรื่อง แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นอยู่ในระดับต้น ๆ ของหนังจากจักรวาลนี้ ถึงแม้ผีจะออกถี่ ฉากลุ้นสะดุ้งจะมีมาก

แต่ก็ไม่ได้มีฉากที่น่ากลัวถึงขั้นน่าจดจำพอให้หยิบมาพูดถึงหลังออกจากโรง และไม่ได้น่ากลัวเทียบเท่าการปรากฏตัวครั้งแรกของผีแม่ชีเองใน The Conjuring 2 อีกจุดที่น่าชื่นชมก็คือฝีมือเขียนบทของแกรี่ เดาเบอร์แมน สามารถเชื่อมฉากจบของ The Nun มาต่อเนื่องกับ The Conjuring 1 ได้อย่างลงตัว แล้วจบแบบปลายเปิดให้สานต่อวีรกรรมสยองของผีแม่ชีได้ต่อไป

วิจาร์ณ

ไม่รู้จะเรียกว่าเป็นหนังผีดีหรือเปล่า เพราะ The Nun ค่อนข้างจะมีความ Fantasy อยู่สูงมากๆ และค่อนข้างจะแปลกแตกต่างจากเรื่องอื่นๆ ในจักรวาลหนังผีทั้งหมดของ James Wan พอสมควร เรื่องอื่นๆ จะเน้นความสยองขวัญเสียมากกว่า หนังมีการผจญภัย แก้ปริศนา และมีมุกตลกบ้างประปราย ทั้งหมดนั้นมันเลยทำให้หนังดูมีอะไรขึ้นมาหน่อย

สิ่งที่ชอบ

สิ่งที่ชอบของหนังเรื่องนี้คือโลเคชั่นและบรรยากาศ ซึ่งถ่ายที่โรมาเนียจริงๆ ตัวคอนแวนต์เองก็ดูทั้งสวยงามและน่ากลัวไปพร้อมๆ กัน บรรยากาศแบบโกติกๆ มันกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของหนังเลย ยิ่งทำให้หนังชวนหลอนได้ดีมากๆ

The Nun ยังคงแฝงไปด้วย Easter Egg จากเรื่องต่างๆ มากมาย ที่ปูและผุกเรื่องไปในหนังต่างๆ ในจักรวาลหนังผีของ James Wan ไม่ว่าจะเป็น The Conjuring เอย Annabelle เอย ดูหนัง HDแถมยังมีการปรากฏชื่อของปีศาจ Valak แฝงอยู่ในบางฉากของหนังเหมือนใน The Conjuring 2 อีกด้วย (ไม่บอกหรอกฉากไหน ลองไปดูเอาเอง) และทุกฉากเผยให้เห็นได้อย่างลงตัว เชื่อมโยงกันอย่างชาญฉลาด

รีวิว The Nun

ทางด้านตัวละครทั้งสามที่เป็นตัวดำเนินเรื่องหลักทั้งบาทหลวงนักสืบ, แม่ชีฝึกหัด, แล้วก็ชายหนุ่มคนนึง ทั้ง 3 ตัวดันเป็นไปตามสูตรตัวละครบื้อๆ ที่เห็นผี เห็นอะไรแปลกๆ และก็จะเดินตามไป ตามมาด้วยการโดนหลอก แทบจะทั้งเรื่อง ทั้งหมดจะโดนหลอกด้วยวิธีนี้แทบทั้งหมด ตัวละครบาทหลวงนักสืบที่เปิดเรื่องดูเท่สุดๆ กับมาดแบบแวนเฮลซิงยังไงยังงั้น

แต่สุดท้ายก็ง่อย ไม่มีฉากไล่ผีเท่ๆ ให้เห็นเลย กลายเป็นตัวละครที่ไม่ชอบที่สุดในหนังเรื่องนี้แล้ว คนที่เล่นดีที่สุดคงต้องยกให้ Taissa (รับบทเป็นแม่ชีฝึกหัด) ที่ดูหนังออนไลน์จะเข้าถึงและถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้ดีกว่าคนอื่นๆ และยังสามารถทำให้เราเพลิดเพลินกับความสวยใสของเธอได้ตลอดทั้งเรื่องเหมือนกัน ส่วนอีกตัวละครที่เป็นชาวบ้านำก็ทำให้หนังสนุกพอควร

ตัวละครที่ควรจะเป็นตัวชูโรงสุดๆ อย่าง ผีแม่ชี เรากลับไม่ชอบตัวละครตัวนี้ในเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย ไม่มีความน่ากลัว ไม่ได้สยดสยอง ไม่ได้น่าจดจำสักกะฉากเดียว สิ่งดีๆ ความดีงามทั้งหมดของผีแม่ชีตัวนี้มันอยู่ในหนัง The Conjuring 2 หมดแล้ว! ซึ่งนอกจากจะไร้ชั้นเชิงในการออกมาหลอก มันยังไม่น่ากลัวเลย ซึ่งในเรื่องนี้ทำออกมาได้ไม่ใกล้เคียงความหลอนในเรื่องนั้นเลยแม้แต่น้อย

หนังเดาทางง่ายมาก ดำเนินเรื่องได้น่าหงุดหงิด การสืบสวนสอบสวนหาความจริงในหนังเรื่องนี้แทบจะไม่มีความหมายอะไรเลย เพราะเหมือนหนังจะเฉลยตั้งแต่ต้นเรื่องแล้ว บวกกับความน่ารำคาญในการโดนหลอกของตัวละครทั้ง 3 ที่กล่าวไปข้างต้น ยิ่งทำให้น่าหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ เสียดายสิ่งทึ่ควรจะน่ากลัวและหลอนมากๆ คือประตูที่เห็นในตัวอย่าง ที่บอกว่าไว้ “God End Here” ในหนังภายในประตูนั้นเราคาดหวังจะได้เห็นอะไรหลอนๆ น่ากลัวๆ แต่ก็ไม่เลยสักนิด - -

Jump Scare ถือว่าเป็นเสน่ห์อีกอย่างนึงของหนังเรื่องนี้ หลังจากดูตัวอย่างก็พอมีลุ้นวะ ว่าเรื่องนี้มันต้องมี Jump Scare เทพๆ มีชั้นเชิงแน่ๆ แต่ก็ไม่...หนังปูมาหมดแล้วว่าฉากไหนมันจะตุ้งแช่ มีการบิ้วใส่เพลงดังๆ มาเตือนว่า เดี๋ยวมันมาแน่นอน

สรุป

หนังดำเนินเรื่องไปทาง Fantasy เสียมากกว่าความเป็นหนังผี อาจจะเพราะเราคาดหวังกับหนังเรื่องนี้มากไปเลยทำให้ผิดหวังไปซะมาก ถ้าใครติดตามจักรวาลหนังผีของ James Wan ก็ไม่ควรพลาดเช่นกัน ยังมีการผูกเรื่อง ปูเรื่องที่ยอดเยี่ยมด้วย ถือเป็นการผูกเรื่องที่ดี แต่ถ้าอยากเข้าไปหาความหลอนสยอง น่ากลัวเหมือนใน The Conjuring 1-2 หรือจังหวะ Jump Scare อย่างใน Annabelle: Creation คงจะต้องผิดหวังอย่างแน่นอน ส่วนตัวกะจะเข้าไปหลอน ไปกลัว รับการตุ้งแช่เต็มที่ แต่ก็ไม่เลย ไม่มีสักฉากเลยที่ทำให้เรารู้สึกแบบนั้น ได้แค่นั่งดูแบบนิ่งๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนแหละ ต้องลองไปพิสูจน์เองในโรงภาพยนตร์เท่านั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น