วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2563

Hunter Killer - สงครามอเมริกันผ่ารัสเซีย

 ดูหนัง

รีวิว Hunter Killer - สงครามอเมริกันผ่ารัสเซีย

ถือว่าเซอร์ไพรส์พอสมควรกับหนังเรื่อง Hunter Killer ที่ได้ชื่อของนักแสดงอย่าง Gerard Butler และ Gary Oldman ก็ชวนให้น่าดูพอสมควร บวกกับความเป็นหนังแอ็คชั่นเรือดำน้ำที่เราไม่ค่อยได้เห็น โดยส่วนตัวแอดไม่เคยดูหนังที่เกี่ยวข้องกับเรือดำน้ำตรงๆ เลยสักเรื่อง มันก็กระตุ้นต่อมความอยากดูพอสมควร แต่ก็ไม่ได้คาดหวังความสนุกสักเท่าไหร่ เพราะคงคิดว่าเป็นหนังแอ็คชั่นดาดๆ ธรรมดาๆ เท่านั้น บวกด้วยการเห็นคะแนนรีวิวจาก imdb และ Rotten Tomatoes ก็พาให้หวั่นๆ ชอบกล แต่พอได้ดูแล้วถึงกับต้องร้อง เห้ย! ดีเกินคาด สนุกกว่าที่คิดแหะ รีวิว Hunter Killer

เรื่องย่อ

เตรียมพบกับอุบัติการณ์ความระทึกครั้งใหม่เมื่อกัปตันเรือดำน้ำที่ไม่เคยออกศึกมาก่อนต้องร่วมมือกับหน่วยซีลเพื่อช่วยเหลือประธานาธิบดีรัสเซียที่ถูกจับเป็นเชลย หลังจากเกิดการปฏิวัติโดยทหารที่มีผู้นำคืออดีตนายพลรัสเซียที่แปรพักตร์เพื่อหวังจะจุดชนวนสงครามโลกครั้งที่สาม นำแสดงโดยตัวพ่อหนังแอคชั่น เจอร์ราร์ด บัตเลอร์ และผู้คว้ารางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมปีล่าสุดอย่าง แกรี่ โอลด์แมน

ว่าด้วยชื่อชั้นสำหรับหนังแอ๊กชั่นแนวการเมือง เจอร์ราร์ด บัตเลอร์ ที่ผ่านงานอย่าง Olympus Has Fallen (2013) และ Den of Thieves (2018) นับว่ามีชื่ออยู่ในระดับที่เราไว้วางใจได้ ยิ่งสมทบกับดารามากฝีมือรุ่นเก๋าอย่าง แกรี่ โอลด์แมน ที่เพิ่งได้ออสการ์นำชายยอดเยี่ยมปีล่าสุดจากการสวมบท วินสตัน เชอร์ชิลล์ ใน Darkest Hour (2017)  ก็หายห่วงในเรื่องความเข้มข้นในทางดราม่าการเมือง

ที่น่าลุ้นหน่อยคือฝีมือของผู้กำกับ โดโนแวน มาร์ช ที่ทำหนังสร้างชื่ออยู่ฝั่งแอฟริกาใต้มาตลอดแถมยังไม่มีหนังใหญ่ระดับสงครามข้ามชาติอย่างเรื่องนี้เป็นการันตีด้วย แต่หนังก็ยังได้ทีมระดับบิ๊กอีกหลายคนมาร่วมกัน เช่น อาร์น ชมิดต์ ที่เคยโปรดิวซ์ให้หนังอย่าง RoboCop (1987) และ xXx (2002) มาแล้ว และนี่ยังได้โปรดิวเซอร์จาก Olympus Has Fallen มาคุมอีก จึงเป็นหนังที่ตั้งใจจัดเต็มมาเพื่อสร้างชื่อของผู้กำกับฝากในฮอลลีวู้ดที่ต้องเอาใจช่วยเลย

หนังใช้โครงเรื่องที่เข้าใจง่ายจนดูไม่มีอะไรใหม่มากอย่างการช่วยประธานาธิบดีฝั่งตรงข้ามจากกลุ่มกบฏ เพื่อป้องกันสงครามโลกครั้งใหม่ แต่ก็ใช้ยุทธวิธีการรบที่หลากหลายผสมทั้งใต้น้ำและบนบก ทั้งยุทธวิธีของเรือดำน้ำทั้งปฏิบัติการหน่วยซีล หนังเรื่องนี้จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกมองเทียบกับหนังแนวเรือดำน้ำที่เราไม่ได้ชมกันมานานแล้วด้วยกัน

อย่างชั้นยอดก็ตั้งแต่สมัย Crimson Tide (1995) นู่น ส่วนสมัยใหม่หน่อยก็ยังต้องย้อนไปหลายปีอย่าง U-571(2000) หนังเรื่องนี้จึงทั้งได้เปรียบในแง่คนโหยหาหนังแนวสงครามใต้น้ำมานาน และเสียเปรียบที่มีหนังทำได้สนุก ๆ มาก่อนหลายเรื่องแล้วเช่นกัน

และตัวหนังก็ทำได้สนุกมาก ใส่อัดสถานการณ์ให้ต้องลุ้นตลอด โดยภาพใหญ่คือต่างฝ่ายต่างไม่รู้เจตนาของกัน ซึ่งเสี่ยงจะเกิดสงครามโลกได้ตลอดเวลา ทางอเมริกาก็ไม่รู้ว่ารัสเซียจะเล่นอะไร ฝั่งรัสเซียก็ไม่รู้ว่ามีการยึดอำนาจจับผู้นำเป็นตัวประกัน แล้วฝั่งพระเอกทั้งหน่วยซีล ทั้งเรือดำน้ำ

ก็เลยต้องปฏิบัติการลับเหนือโลกเข้าไปช่วยแบบไม่ให้โลกล่วงรู้ คือหน้าหนังอาจเหมือนหนังเรือดำน้ำสู้กัน แต่เอาจริง ๆ แล้วมันคือหนังสงครามที่มีเรือดำน้ำเป็นตัวหลักหนึ่งในภารกิจเท่านั้นครับ เพราะฝั่งพระเอกที่เราต้องเอาใจช่วยนี่คือทั้งหมดเลย ตั้งแต่ฝ่ายยุทธการในเพนตากอน

ทั้งหน่วยซีล ทั้งเรือดำน้ำ ตลอดจนฝั่งรัสเซียฝ่ายที่เข้าข้างประธานาธิบดีเองด้วย เพื่อผลลัพธ์เดียวกันคือเลี่ยงสงครามโลกครั้งใหม่ให้ได้ ซึ่งมันคือความสำเร็จในการเล่าเลยนะ ขนาดว่าไม่ได้รู้จักอะไรตัวละครกลุ่มนี้มาก่อนมากมาย เราก็ลุ้นฉิบหายวายป่วงไปกับพวกเขาตลอดเลย

วิจาร์ณ

ความเหลวไหลของพล็อตเรื่องที่ผูกขึ้นให้กลายเป็นหนังอย่าง Hunter Killer นั้น คงบอกได้ว่ามันเป็นจินตนาการอันแสนล้าสมัย เฉิ่มเชย และเป็นแนวคิดเชิงสงครามที่จับแพะชนแกะ เมื่อหนังเริ่มต้นเรื่องราวที่ว่าเรือดำน้ำของรัสเซียได้จมลงในมหาสมุทรอาร์กติก ขณะเดียวกันเรือดำน้ำของอเมริกาที่เข้าติดตามอยู่ในละแวกนั้น บังเอิญโดนลูกหลงเข้าไปด้วยและทำให้สัญญาณของเรือเกิดขาดหายไป ในเวลาเดียวกันกองทัพสหรัฐอเมริกาได้ค้นพบว่านายทหารระดับสูงของรัสเซียคิดจะยึดอำนาจจากรัฐบาล และวางแผนจะยึดฐานทัพรัสเซียมาเป็นของตัวเอง

สหรัฐอเมริกาจึงเริ่มสังหรณ์ใจว่าเหตุการณ์เหล่านี้อาจจะเป็นชนวนสำคัญที่มีโอกาสนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 พวกเขาจึงจัดปฏิบัติการลับทั้งภาคพื้นดินและใต้ทะเลลึก หน่วยแรกคือหน่วยซีลมากความสามารถที่ต้องแอบแฝงตัวเข้าไปในแผ่นดินของประเทศรัสเซีย เพื่อชิงตัวประธานาธิบดีก่อนที่เขาจะโดนลอบสังหาร ส่วนหน่วยที่สองนั้นคือปฏิบัติการเรือดำน้ำที่มีกัปตันโจ กลาส (เจอร์ราร์ด บัตเลอร์) รวมไปถึงลูกเรือของยูเอสเอส อาร์คันซอ ได้รับคำสั่งให้ไปประจันหน้ากับศัตรู ในฐานะกัปตันของเรือฮันเตอร์ คิลเลอร์

แน่นอนว่าแผนการทั้งหมดไม่ได้มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนแต่อย่างใด เพราะ Hunter Killer ไม่ใช่หนังการเมืองระทึกขวัญ แต่เป็นหนังแอ็คชั่นที่พยายามเอาพล็อตเรื่องข้อพิพาทระดับชาติเอามาเป็นฉากหลัง หลังจากที่หนังประเภทเรือดำน้ำ ห่างหายไปจากจอภาพยนตร์เป็นเวลานาน นั่นก็เพราะว่าแนวคิดเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 3 ในรูปแบบ “การทหาร” นั้นเป็นเรื่องที่ล้าสมัย และอย่างที่เราทราบกันดีว่า ปัจจุบันนี้มีสงครามในรูปแบบอื่นที่น่ากลัวกว่า รุนแรงกว่า หลายเท่า โดยเฉพาะเรื่องสงครามทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี

การดำเนินเรื่อง

ชอบการดำเนินเรื่องของหนังเรื่องนี้ เพราะว่าไม่เพียงแต่จะเน้นที่ภารกิจของเรือดำน้ำเท่านั้น ยังมีภารกิจบนบกกับภารกิจการชิงตัวปธน. รัสเซีย รวมไปถึงห้องบังคับบัญชาการของทั้งฝั่งรัสเสียและสหรัฐอีกด้วย และทั้งหมดนั้นให้ลำดับความสำคัญในแต่ละสถานที่ได้ลงตัวมากๆ ไม่มากไปไม่น้อยไป

ในหนังเรื่องนี้ หลายคนดูหนังอาจคาดหวังฉากแอ็คชั่นมันส์ๆ จาก Gerard Butler อย่างใน Den of Thieves, Olympus/London Has Fallen หรือ 300 แต่บอกเลยว่าไม่ใช่ เพราะในเรื่องนี้ตัวเขาจะแสดงเป็นกัปตันเรือดำน้ำมาดเข้ม คอยสั่งการซะมากกว่าจะไปจับปืนรบ ได้เห็นการตัดสินใจอย่างเด็ดขาดของความเป็นกัปตัน ก็ถือว่าเขาแสดงได้ดีนะ แต่โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าไม่เหมาะกับบทบาทนี้สักเท่าไหร่ (หรืออาจเพราะเราเคยชินกับบทบาทแอ็คชั่นของเขาซะมากกว่า) ส่วนในด้านของ Gary Oldman ถึงแม้ว่าจะมาน้อย แต่เขาจัดเต็ม!

รีวิว Hunter Killer

หนังดำเนินเรื่องได้ไม่น่าเบื่อเลย (ชวนให้นึกถึงบอร์ดเกม Captain Sonar อยู่กลายๆ) มีฉากให้ลุ้นระทึก ตื่นเต้นอยูเป็นระยะๆ ทั้งการต่อสู้ระหว่างเรือดำน้ำ การหนีตอปิโด และขับเรือผ่านทุ่นระเบิด เว็บดูหนังรวมถึงฉากเวอร์ๆ อีกพอสมควร 555 มีการบ่งบอกหน้าที่ และแสดงให้เห็นถึงการทำงานภายในเรือดำน้ำต่างๆ ได้ดีในระดับหนึ่ง รวมไปถึงการดำเนินเรื่องบนบกเกี่ยวกับภารกิจการชิงตัวปธน. รัสเซีย ที่มีฉากแอ็คชั่นไม่มากแต่ดูสนุกและต่อเนื่อง แต่เสียดายเหตุการณ์ในห้องบังคับบัญชา ที่มันน่าจะกดดันได้มากกว่านี้

แนวคิด

เรื่องการทำรัฐประหารและความบังเอิญในการที่เรือดำน้ำของสหรัฐอเมริกาพลอยโดนลูกหลงไปด้วยนั้น จึงเป็นแนวคิดเชิง “Old School” และมีการถวิลย์หาอดีตถึงยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือแม้กระทั่งช่วงสงครามเย็นที่อเมริกาและรัสเซียพยายามแข่งขันกันอย่างดุเดือดในการส่งมนุษย์ไปยังดวงจันทร์
มันคือช่วงเวลาอันแสนรุ่งโรจน์ของสองประเทศยักษ์ใหญ่ ที่ล้วนแล้วแต่ได้รับการกล่าวถึงในระดับโลกทว่าปัจจุบันนี้เราก็คงต้องยอมรับความจริงที่ว่าสองประเทศมหาอำนาจนี้ ไม่ได้ทรงพละกำลังเช่นเคย ขั้วอำนาจใหม่กำลังถูกเบนทิศทางมายังทวีปเอเชีย

Hunter Killer จึงแสดงให้เห็นความพยายามอยากจะมีซีนของอเมริกา ในการปรากฏตัวในแง่การทหาร ปฏิบัติการลับ การมีตัวละครเอกเป็นผู้แหกกรอบแต่ยึดมั่นในความดีงามของมนุษย์ การใช้สัญชาตญาณของคนซื่อสัตย์อันนำมาสู่ความผาสุขและสมานฉันท์ระหว่างประเทศ แม้ทั้งหมดทั้งมวลในเวลาเกือบสองชั่วโมงจะเป็นเรื่องที่เลอะเทอะและแบนราบ (ในแง่ประวัติศาสตร์) แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้อีกเช่นกันว่า หนังเรื่องนี้ดูแล้วโคตรบันเทิงและขี้โม้จนมันส์จริงๆให้ตายเถอะ

ข้อเด่นและด้อยของหนังคือสิ่งเดียวกันเลย คือความไม่สมจริงของมัน คือสายสงครามจริงจังคงมองว่าเพ้อเจ้อและมีความไม่สมเหตุสมผลหลายจุด แต่ความที่มันโม้เว่อแบบการ์ตูนระดับหนึ่งก็ทำให้หนังโคตรสนุกขึ้นมาเลย ไหนจะการที่เปิดโอกาสให้ได้โชว์เทคโนโลยีทางทหารใหม่ ๆ สารพัดนั่นอีก

คือดูแล้วถึงจะไม่ได้รู้สึกว่าหนังดีเกรดเออะไร แต่มันเป็นหนังบีบวกที่คุ้มค่าเวลาการชมแบบระเบิดระเบ้อเลย ทั้งต้องลุ้นภารกิจฝั่งการเมืองที่จะเปิดหน้าวอร์กันตลอด ลุ้นทั้งภารกิจในพื้นที่ที่ต้องจัดการปัญหาสารพัดแบบไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไม่ใช่อะไร ๆ ก็เดินหน้าลุยบ้าเลือดกัน ซึ่งเป็นความลุ้นที่สร้างรสชาติแตกต่างให้หนังแนวสงครามอย่างดีเลยครับ

เอาเป็นว่าเป็นหนังบู๊ที่เซอร์ไพรส์มากพอสมควร เพราะเอาจริง ๆ คิดว่าจะไม่สนุกมากหรือก็เดิม ๆ ประมาณหนังแผ่นหนังทีวี แต่กลายเป็นความสนุกเกินเบอร์ไปหลายเท่าตัวเลย น่าลองครับ

สรุป

แล้วก็ถือว่าชอบนะ เป็นหนังที่สนุกเกินคาดเลย ถึงแม้ว่ามันดำเนินเรื่องแปลกไปบ้าง และไม่สมเหตุสมผลกับบางเหตุการณ์สักเท่าไหร่ รวมถึงช่วงแรกๆ ก็อาจจะงงบ้างเล็กน้อย แต่ก็ยังสามารถทดแทนได้ในหลายๆ ฉากเช่นกัน รับรองไม่เสียดายเงินแน่นอน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น