วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2563

Venom

ดูหนัง

รีวิว Venom - เวน่อม

หนังที่โดนเหล่านักวิจารณ์จากต่างประเทศจวกซะยับ! สับซะเละ! ตั้งแต่การเปิดตัววันแรก โดยบางเจ้าถึงกับบอกว่า Catwomen และ Fantastic 4 (รีบูท) ยังดีซะกว่า เล่นเอาแฟนชาวไทยกล้าๆ กลัวๆ ที่จะไปดูเรื่องนี้กันเลยทีเดียว รวมถึงตัวเราเองด้วย แต่ในที่สุดก็มีโอกาสได้ไปดูรอบสื่อและต้องบอกเลยว่า “มันดีกว่าที่เราคิดเยอะมาก” รีวิว Venom

เรื่องย่อ

นี่คือเรื่องราวของการกำเนิด Venom กับการปรากฏตัวครั้งแรกของปรสิตจากต่างดาว Symbiote ในตอนที่มันเริ่มยึดร่าง Eddie Brock ซึ่งรับบทโดย Tom Hardy แฟนคลับ Venom ตัวยง ทั้งพ่อและลูกเลยทีเดียว โดย Eddie Brock คือตัวละครแรกที่เป็น Venom เขาคือนักข่าวผู้เกลียด Spider-Man เข้าไส้ หลังจากที่ถูกทำให้โดนไล่ออกจากงาน เขาเลยกลายเป็นศัตรูตัวร้ายที่เรารู้จักกันในนาม Venom และในหนังเดี่ยวนี้มันจะอยู่คนละจักรวาลกับ Spider-Man เราต้องไปดูกันว่า เขาจะได้รับเจ้าปรสิตต่างดาวนี้มายังไงกันแน่ โดยจะอิงมาจากคอมิกส์สองเรื่องกับ Venom: Lethal Protector และ Planet of the Symbiotes

หลังคะแนนในเว็บใหญ่ออกมาไม่ดีนัก ก็ทำเอาคนดูบ้านเราที่คาดหวังการมาถึงของซูเปอร์ฮีโร่ด้านมืดตัวนี้รู้สึกขยาดและผิดคาดไปพอควร แต่ด้วยสายตาของผู้เขียน ด้วยรูปแบบของหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ทำออกมาเพื่อตอบสนองความบันเทิง ก็อยู่ในระดับมาตรฐานนะ ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่แต่ประการใด หนังดูสนุกและมีเสน่ห์ในตัวเอง เปิดช่องทางใหม่ ๆ

ในสถานะซูเปอร์ฮีโร่ด้านมืดได้สวยงาม ไม่โหดเหี้ยมจนมื่ดหม่นเกินไป เพราะหนังถูกตีกรอบให้อยู่ในเรต PG-13 ขณะเดียวกันก็ไม่ได้เป็นวีรบุรุษจ๋าอย่างเหล่ารุ่นพี่ เดินหน้าด้วยอุดมการณ์หม่น ๆ ของตัวเอง แลดูว่ามีทิศทางที่เด่นชัดของตัวเองและน่าจะก้าวต่อเป็นแฟรนไชส์ไปได้แน่นอน

ได้อ่านเบื้องหลังก่อนไปดู แล้วก็รู้สึกเครียดแทนผู้สร้างเวนอมครับ จะสร้างต่อจาก Spiderman 3 ที่เป็นภาคเปิดตัวเวนอม โธเฟอร์ เกรซ ก็บอกว่าฉันจะไม่ตามมาเป็นเวนอมนะ แล้วหนังก็รีบู๊ตใหม่ เวนอมภาคแยกก็จะตามออกมาอีก หนังดันหยุดอยู่แค่ภาค 2 ก็ต้องชะงักอีกเพราะโซนี่ไปตกลงเรื่องลิขสิทธิ์กับมาร์เวลได้

สุดท้ายเวนอมคลอดออกมาได้ แต่ก็ต้องรื้อเนื้อหาใหม่หมดเพราะเวนอมเป็นตัวละครในจักรวาลสไปเดอร์แมน แต่ว่าขณะนี้ “สไปเดอร์แมน”เป็นลิขสิทธิ์ร่วมระหว่างโซนี่กับมาร์เวล แต่เวนอมเป็นหนังโซนี่ จึงไม่สามารถอ้างอิงอะไรกับตัวละครและเรื่องราวของสไปเดอร์แมนได้เลย

สรุปว่าหนังก็ต้องเขียนที่มาของเวนอมขึ้นใหม่ไม่ให้เกี่ยวข้องกับสไปเดอร์แมน รวมถึงภาพลักษณ์เดิมที่เหมือนเป็นสไปเดอร์แมนด้านมืด ก็ต้องถูกออกแบบมาใหม่เช่นกัน คงเพียงการอ้างถึงอดีตของเอ็ดดี้ บร็อค ว่าเคยทำงานอยู่ เดลี่ บูเกิ้ล ในนิวยอร์ค หนังสือพิมพ์เดียวกันกับที่ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ เคยทำงานอยู่เพียงเท่านั้น

หนังมาตามฟอร์มของหนังภาคแรก ก็เลยต้องปูที่ไปที่มาของเวนอมกันยาวนานหน่อย รักเวนอมต้องใจเย็นหน่อยนะ เพราะกว่า

เวนอมจะปรากฏโฉมก็ปาเข้าไปครึ่งเรื่องแล้ว บทหนังกำหนดที่ไปที่มาให้เวนอมว่าเป็นปรสิตจากต่างดาว มีรูปร่างเป็นเมือกน่าเกลียด มันถูกค้นพบโดยยานอวกาศขององค์กรไลฟ์ ฟาวเดชั่น แล้วจับเจ้าเมือกปรสิตนี้กลับมาโลกด้วย

แต่ยานก็เกิดตกในมาเลเซีย เมือกหลายตัวถูกส่งกลับเข้าห้องทดลองในซานฟรานซิสโก ส่วนตัวหนึ่งเล็ดลอดไปได้ด้วยการเข้าสิงร่างมนุษย์โชคร้ายเป็นพาหะ ช่วงต้นนี้หนังมาในบรรยากาศของหนังสยองขวัญ กับการที่ปรสิตต่างดาวย้ายร่างพาหะไปเรื่อยเพื่อเดินทางจากมาเลเซียมาซานฟรานซิสโก ในเส้นเรื่องคู่ขนาน

หนังก็เล่าชะตากรรมของเอ็ดดี้ บร็อค ที่มีความบาดหมางกับองค์กรไลฟ์ ฟาวเดเชั่น และหาทางเปิดโปงโครงการทดลองลับนี้ ทำให้เขาพลาดท่าถูกปรสิตต่างดาวเข้ายึดร่างเป็นพาหะ แต่การรวมร่างแล้วกลายเป็นเวนอมนั้นกลับเล่าด้วยอารมณ์ขัน ความตื่นกลัวกับเสียงและการเรียนรู้ความสามารถของเวนอมในร่างถูกใช้เป็นมุกที่ได้เสียงหัวเราะอย่างต่อเนื่อง จนเมื่อเข้าสู่ช่วงท้าย เมื่อวายร้ายของเรื่องเปิดตัวอย่างจริงจัง ก็เข้าสู่โหมดหนังซูเปอร์ฮีโร่อย่างชัดเจน

ตัวบท

บทหนังใช้ทีมเขียนบทถึง 4 คน และหนึ่งในนั้นคือ เคลลี่ มาร์เซล ภรรยาตัวจริงของทอม ฮาร์ดี้ เอง ที่รูเบ็น ไฟลเชอร์ เชิญมาทำหน้าที่เกลาบทในร่างสุดท้าย เฉพาะส่วนที่บรรยายลักษณะตัวตนของเอ็ดดี้ บร็อค เท่านั้นเพื่อให้เข้ากับบุคลิกของทอม ฮาร์ดี้มากขึ้น เพราะในฐานะภรรยาน่าจะทำหน้าที่นี้ได้ดีที่สุด

ซึ่งเธอก็เคยทำหน้าที่นี้มาแล้วในหนัง Mad Max Fury Road ซึ่งบทของเอ็ดดี้ บร็อค ก็ถูกบรรยายออกมาได้ดี มีเอกลัษณ์เด่นชัดในฐานะนักข่าวที่รักในอาชีพของตัวเอง ในด้านการงานเขามีจรรยาบรรณสูงยอมหักไม่ยอมงอ แต่กับบุคลิกส่วนตัวเขากลับรักสันโดดเลือกที่จะไม่ปะทะกับใคร จนถูกตราหน้าว่า “ไอ้ขี้แพ้” แต่เมื่อกลายเป็นพาหะให้เวนอม เสมือนการมาเติมเต็มช่องว่างให้เอ็ดดี้ เวนอมจึงมีส่วนผสมระหว่างคุณธรรมที่อยู่ในสามัญสำนึกของเอ็ดดี้

และด้านโหดก้าวร้าวที่มากับปรสิตเวนอม กลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งบทหนังก็ใส่พัฒนาการในส่วนนี้ให้เห็นได้ชัด แต่ขณะที่บทหนังดูให้ความสำคัญกับพัฒนาการของเอ็ดดี้ บร็อค แต่กับส่วนของวายร้ายของเรื่องที่ใช้เวลาปูความมาทั้งเรื่อง ก็หาได้มีพิษสงที่ร้ายการสมกับการรอคอยเลย การเข้าถึงพาหะก็ช่างง่ายดาย รวมถึงฉากปะทะกับเวนอมท้ายเรื่องก็เช่นกัน

ด้วยข้อกำหนดที่ว่า ปรสิต เป็นสถานะเมือกเหลวและเปลี่ยนสถานะรูปร่างได้ตามใจชอบ ทำให้ความตั้งใจเดิมของทีมงานที่จะสร้างภาพตัวเวนอมด้วยเทคนิกสต็อปโมชั่น แบบเดียวกับเหล่าลิงใน Planet Of The Ape , King Kong และ กอลลัม ใน Lord Of The Rings ต้องเป็นอันล้มเลิกไป

เพราะเทคนิกสตอปโมชั่นไม่สามารถจำลองสายตา ลิ้น และฟัน ทีเป็นเอกลัษณ์เด่นของตัวเวนอมจากต้นแบบที่เป็นคนแสดงได้ สุดท้ายตัวเวนอมที่เห็นบนจอจึงเป็นภาพซีจีล้วน ๆ ข้อดีคือหลุดพ้นข้อจำกัด และสร้างภาพได้อิสระตามจินตนาการทีมงาน แต่ข้อเสียก็คือตัวเวนอมดูขาดความสมจริง โดยเฉพาะฉากไคลแมกซ์ท้ายเรื่อง เหมือนดูงานโชว์ฉากซีจีที่หลุดโลกและดูเป็นการ์ตูนเกินไป

วิจาร์ณ

Venom ในเรื่องนี้เลือกใช้ตัวละครตัวแรกที่เป็น Venom อย่าง Eddie Brock แต่อาจจะมีต้นกำเนิดแตกต่างจากหนังเวอร์ชั่นก่อนใน Spider-Man 3 หรือในฉบับคอมิกส์พอสมควร เพราะมันเป็นการปูจักรวาลใหม่ ในจักรวาลที่ Venom ยังไม่เคยเจอยังไม่รู้จักกับ Spider-Man เลย

คิดถูกแล้วหล่ะ ที่เลือกเอา Tom Hardy มาแสดง เราค่อนข้างชอบการแสดงของเขาเลยแหละ เราว่าเขาเล่นดีนะ ทั้งดูเกรี้ยวกราด เกรียน ตลก แต่ดูหนังแฝงไปด้วยความเท่ และยิ่งชอบการแสดงของเขามากขึ้นไปอีก ก็ตอนที่โดนปรสิต Symbiote ยึดร่างเนี่ยแหละ ให้ความรู้สึกเหมือนคนติดยา ขาดของยังไงยังงั้น 555 แต่ตัวละครอื่นๆ ก็ทรงๆ มาตรฐานไม่ได้โดดเด่นอะไรมาก โดยเฉพาะบท Carlton Drake ที่รับบทโดย Riz Ahmed เฉยๆ มาก ไม่ได้ดูร้ายเลยแม้แต่น้อย

รีวิว Venom

หนังปูเรื่องให้เราได้รู้ถึงการมาของปรสิตต่างดาว Symbiote ในช่วงแรกๆ รวมไปถึงให้เราได้รู้จักกับตัวละคร Eddie Brock ได้พอสมควร แต่ในช่วงเวลาเหล่านั้นแหละ มันกับปูเรื่องนานและยืดมาก น่าเบื่อพอสมควร เรียกได้ว่าถ้าเอาคำว่า Venom ออก คุณอาจจะสงสัยได้เลยว่าเว็บดูหนังเข้าผิดโรงหรือเปล่า แต่พอพระเอกของเราได้มาป๊ะ! กับปรสิตต่างดาว Symbiote เท่านั้นแหละ (มาถึงตรงนี้ก็ปาไปเกือบครึ่งเรื่องได้มั้ง) ความบันเทิงจึงเกิดขึ้น

หนังจากที่เคยน่าเบื่อ พลิกจากหน้ามือเป็นหลังเท้าเลยก็ว่าได้ หนังเพิ่มดีกรีความสนุก ความตลกมาเต็มขั้น แถมด้วยฉากแอ็คชั่นอยู่เรื่อยๆ ประโยคที่ Venom คุยกับ Eddie Brock ก็ช่างบันเทิงเสียเหลือเกิน เรียกได้ว่าพอผ่านช่วงแรกมาได้ ต่อจากนี้ไปโคตรเพลิดเพลินบรรเทิงเริงรมย์ชะมัด!

แต่ก็อย่างที่บอก หนังมันไม่ได้ถึงกับดีมากขนาดนั้น หนังยังมีสาเหตุที่ยังค้างคาใจอีกมากมาย อาจจะเปิดเผยหรือเฉลยอะไรหลายๆ อย่างในภาคต่อๆ ไป เพราะ Tom Hardy ก็เซ็นสัญญาไว้รับเล่นเป็น Venom ถึง 3 เรื่องเลยทีเดียว หนังฮีโร่มักมีตัวร้ายกระจอก เรื่องนี้ก็ไม่พ้น - - หนังมีฉาก Boss Fight ที่ไม่น่าจดจำและไม่สร้างสรรค์สักเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่ตัว Venom กับ Riot (ตัวร้าย) มีอะไรให้เล่นได้อีกเยอะเลย

โดยรวม

ก็ถือเป็นหนังฮีโร่ที่สนุกเรื่องนึงเลยก็ว่าได้ ไม่เสียดายที่จ่ายตังไปดูแน่นอน จริงๆ คำวิจารณ์ก็เป็นส่วนประกอบในการตัดสินใจแหละ แต่ถ้าจะให้ดีไปพิสูจน์ด้วยตัวเองในโรงดีกว่า แอบเสียดายที่ไม่ได้เห็นหนังเรื่องนี้ในฉบับเรท R มันคงจะดุเดือดมากกว่านี้หลายเท่าตัว!

สรุป

Venom เป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่อีกเรื่อง ที่มีแนวทางแปลกใหม่ มีความดาร์คในตัวพอควร เสียดายที่ว่าหนังถูกนายใหญ่ในโซนี่ประกาศจัดว่าต้องเป็น PG-13 เท่านั้น เพราะความโหดของเวนอมถ้าได้ไปเรต R จะสนุกสะใจกว่านี้นัก แต่โดยรวมหนังก็ทำออกมาได้หลากรสชาติ ได้ตื่นเต้น ได้หัวเราะ จะมีติก็ในส่วนแอ็คชั่นที่ไม่ได้แปลกใหม่ตื่นตา และงานซีจีที่หลุดโลกมากไป จนขาดความสมจริง

ปล.1 หนังมี Post-Credit 2 ตัว ทั้งหลัง Mid Credit และ End Credit (คุ้มค่าแก่การรอชมแน่นอน)
ปล.2 หนังมีโพสต์เครดิตหนึ่งฉาก ไม่ต้องรอนานและแนะนำว่า “ต้องดู” ครับ เปิดเผยวายร้ายตัวใหม่ในภาคต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น